หลังลดบทบาทการทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อ Out-of-Home และเปลี่ยนชื่อบริษัท รวมถึงชื่อย่อหลักทรัพย์ จากบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เป็นบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 ได้ปรับโครงสร้างและทิศทางดำเนินธุรกิจเป็นธุรกิจบริการไอซีที (ICT Solutions) ในฐานะผู้นำด้าน Transformative Innovation และ Communication Solutions ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานกว่า 30 ปีในฮ่องกง
จากนั้น เดือนมิถุนายน 2567 ร็อคเทค ได้ย้ายหลักทรัพย์จากกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์ ไปสู่กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ปัจจุบัน บริษัททำรายได้จากธุรกิจบริการไอซีทีเป็นสัดส่วนราว 85% และลดสัดส่วนธุรกิจสื่อโฆษณาเหลือราว 15% และจะทยอยลดลงเหลือ 10% ต่อไป
นอกจากนี้ กลุ่มบีทีเอส ยังเตรียมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ ROCTEC โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ซึ่ง เว่ย แซม แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด(มหาชน) มองว่า จะเป็นผลดีต่อธุรกิจของร็อคเทคในแง่ความน่าเชื่อถือของบริษัทในการเข้าประมูลงาน ความสามารถในการกู้จากธนาคารเพื่อขยายธุรกิจ และในระยะยาวบริษัทยังสามารถสนับสนุนงาน ICT Solutions แก่กลุ่มบีทีเอสได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของบริษัทไม่ได้จำกัดขอบเขตเฉพาะกลุ่มบีทีเอส แต่ต้องการขยายสู่ลูกค้าอื่นๆ ด้วย เช่น กลุ่มเมืองทองธานี
มีทีมอิน เฮาส์พัฒนาสินค้าเอง
ซีอีโอ ร็อคเทค เล่าว่า บริษัทมีประสบการณ์กว่า 30 ปีในฮ่องกง ด้านระบบงานขนส่งสาธารณะ ทั้งงานระบบราง และงานท่าอากาศยาน การบริการเครือข่ายข้อมูลแก่หน่วยงานราชการหลัก โซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ นวัตกรรมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง e-transformation ของ MTR ผู้จัดหาจอแสดงผล และระบบสื่อสารด้านในของรถไฟ
“บริษัทมีทีมอิน เฮาส์ อาร์แอนด์ดีในฮ่องกงกว่า 40 คนจากพนักงานทั้งหมดประมาณ 120-130 คน ที่สามารถสรรค์สร้าง Solutions พัฒนาสินค้าทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าของแต่ละรายที่แตกต่างกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น จอแสดงผลซึ่งมีความเสถียร แข็งแกร่ง เชื่อถือได้ เป็นรองแค่ระบบทางการทหารเท่านั้น หรือการพัฒนาระบบห้องน้ำอัจฉริยะ คอยตรวจจับป้องกันคนติดอยู่ในห้องน้ำโดยเฉพาะเมื่อมีผู้สูงวัยมากขึ้น และการรักษาความสะอาด”
ลูกค้าเป้าหมายรัฐ-เอกชน
ปัจจุบัน ธุรกิจบริการไอซีทีของบริษัทแบ่งเป็น 3 ธุรกิจ คือ ธุรกิจงานระบบครบวงจร ได้แก่ การบริการด้านเครือข่ายข้อมูล (Data Network Solutions) การบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Solutions) และการบริการด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม (Innovative Technology Solutions) กับอีก 2 ธุรกิจคือ ธุรกิจงานระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solutions) และธุรกิจงานสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิทัล (Digital Display Solutions) ซึ่งธุรกิจไอซีทีทำรายได้ 75% แก่บริษัท อีก 15% มาจากสื่อ Out-of-Home ที่เสาตอม่อรถไฟฟ้าบริหารงานโดยบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)
ที่ผ่านมา บริษัทมีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งภาครัฐ และเอกชนหลากหลายภูมิภาค โดยรายได้หลักสัดส่วน 70% มาจากฮ่องกง และประเทศอื่นๆ ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเก๊า ยังเป็นส่วนน้อย ส่วนลูกค้าไทยมีสัดส่วนรายได้เป็นอันดับ 2 ที่ 30% ของรายได้รวม ด้วยโซลูชันจอแสดงผลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด และโซลูชันจอแสดงผลด้านในรถไฟฟ้า
ตั้งเป้าเติบโตเป็นเลขสองหลักต่อเนื่อง 5 ปี
ส่วนทิศทางธุรกิจหลังจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาภายในองค์กร เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการรักษาฐานลูกค้า โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 23% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,605 ล้านบาท เป็นกว่า 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 บริษัทจัดหา backlog ได้ประมาณ 50% ของยอดที่ตั้งเป้าไว้ในปีนี้ และบริษัทคาดหวังว่าจะรักษาการเติบโตของรายได้ในระดับสองหลักได้อย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 5 ปี โดยวางกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยการขยายฐานลูกค้าและรับโครงการใหม่ๆ ขยายธุรกิจบริการไอซีทีในสนามบินฮ่องกง และภาคขนส่งในไทย มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าโดยใช้โซลูชัน Smart Solutions ที่ประสบความสำเร็จจากฮ่องกง เน้นส่วนงานวิจัยและพัฒนาจากภายในบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นและช่วยรักษาฐานลูกค้า
ที่ผ่านมา รอบไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2567/68 บริษัทมีรายได้ 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ทำกำไรขั้นต้น (Gross Profit) 201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เทียบกับปีที่แล้ว และกำไรสุทธิ (Net Profit) มีมูลค่า 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% YoY ซึ่ง Net Profit Margin เพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 7% ในปีก่อนหน้า
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
KBTG ร่วมกับ AI Singapore และ Google Research ขับเคลื่อนการพัฒนา LLM ในภูมิภาค
ACMECS: ไทยหนุนความร่วมมือ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน