Art Toy ที่มองไปทางไหนก็เจอผู้คนสะสมเต็มไปหมด จนทำให้ตลาด Art Toy เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภายในงาน iCreator Conference 2024 ได้รวบรวม iConic มาอัปเดตเทรนด์น่าสนใจ ซึ่งได้มีการบรรยายในหัวข้อ THE ART TOY REVOLUTION เปลี่ยนภาพจำอาร์ตทอยสู่โลกของนักสะสม โดย คริสซี่ – ศิขรินทร์ ลางคุลเสน (GroundControl) แอนดี้ – วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ (MRKREME) จี๊ป – พงศธร ธรรมวัฒนะ (Thailand Toy Expo) และฮ่องเต้ – กนต์ธร เตโชฬาร (Art of Hongtae)
อาร์ตทอย (Art Toy) ของเล่นที่ถูกออกแบบและผลิตโดยศิลปินหรือดีไซเนอร์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีจำนวนการผลิตที่จำกัด ทำให้มีความต้องการและมูลค่าสูงในตลาดของเล่น อาร์ตทอยยังถือเป็นงานศิลปะที่มีความหมายและสะท้อนตัวตนของผู้ที่สะสม การเปลี่ยนแปลงมุมมองของสังคมต่อของเล่น
อย่างอาร์ตทอยในปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างมาก ผู้คนเริ่มเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับอาร์ตทอยมากขึ้น ทำให้เกิดการสร้าง Community ที่เข้มแข็งของคนที่มี Passion และรักในงานศิลป์ จากเรื่องราวและจักรวาลคาแรคเตอร์ของอาร์ตทอย ที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คน นำมาสู่การรู้จักในวงกว้าง
จุดเริ่มต้นในวงการ Art Toy
พงศธร ธรรมวัฒนะ ผู้จัดกงาน Thailand Toy Expo กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชอบอาร์ตทอย เพราะชอบของที่ Limited Edition เชื่อมโยงกับความเป็นดีไซน์เนอร์ทอยผลิตออกมาในจำนวนจํากัด จึงสะสมมาเรื่อย ๆ การจัดงาน Thailand Toy Expo ขึ้นมา เพราะอยากจะเปลี่ยนมุมมองของผู้ใหญ่ที่คิดว่าของเล่นเป็นของฟุ่มเฟือยไร้สาระ ส่วนหนึ่งได้รับแรงกดดันมาจากคนรอบตัวหรือครอบครัว อยากจะทําให้เห็นว่าของเล่น ของสะสม สามารถเป็นของอาชีพหนึ่งที่ทุกคนยอมรับในสังคมได้ นำมาสู่การปลูกฝังให้ลูกของตัวเองรู้จักการให้คุณค่ากับของเล่น เรียนรู้ที่จะของเล่นได้จินตนาการในมุมมองที่ต่างจากที่เรามองในอดีต
กนต์ธร เตโชฬาร ศิลปินจาก Art of Hongtae กล่าวว่า ในฐานะนักสะสมเองมีความคิดที่เปลี่ยนไปจากสมัยเด็ก จากที่เล่นของเล่นทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไม่ค่อยรักษาของ เมื่อโตขึ้นแล้วรู้จักตลาดขายของเล่นในออนไลน์รู้ราคาสิ่งที่เคยเล่น กลายเป็นว่าได้ให้ความรู้ตัวเองมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ของเล่นมีมูลค่าที่ไม่ใช่เล่นๆ” รู้จักรักษาของมากขึ้น แล้วก็เริ่มเก็บของหลากหลายแบบ ตามเก็บของเล่นสมัยเด็ก พอมีคําว่าดีไซเนอร์ทอยขึ้นมาก็เป็นลูกค้า ทำให้พบว่าของเล่นเป็นตัวบอกรสนิยมของคนเล่นว่าคนเล่นชอบอะไร การที่เราสามารถจ่ายเงินหลักพันหลักหมื่นกับของเล่นได้ นั่นแปลว่าเราให้ความสําคัญกับการเล่นในชีวิตพอสมควร ถือเป็นคีย์สําคัญของของตลาดอาร์ตทอยปัจจุบัน
วรกันต์ จงธนพิพัฒน์ ศิลปินจาก MRKREME กล่าวว่า ตอนแรกไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เรียกว่าดีไซน์เนอร์ทอย เริ่มจากมีคาแรคเตอร์ของตัวเองที่ออกแบบไว้อยากให้คาแรคเตอร์ออกมาเป็น 3 มิติ เริ่มไปรู้จักคนในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทําอยู่คือดีไซน์เนอร์ทอย เริ่มเป็น Sub-Culture มีกลุ่มคนที่มาทําเยอะขึ้นในทุก ๆ ปี ได้เห็นขั้นตอนของแต่ละอย่าง มีคนทําอาร์ตทอยเพิ่มขึ้นและคนที่อยากจะเสพงานด้านนี้มากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ จากการที่มีลูกค้าทําให้เข้าใจว่าอาร์ตทอยมีความผูกพันกับตัวคนซื้อ นอกเหนือจากคุณค่าทางศิลปะยังมีเรื่องราวที่เชื่อมต่อกับผู้กับคนได้ Art เปิดโอกาสได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการผูกพันกับแฟนคลับ การสร้างคาแรคเตอร์หรือว่าการออกไปสู่ตลาดต่างประเทศ
มุมมองของคนเริ่มเปลี่ยนไป คนเริ่มเปิดกว้างขึ้นกับอาร์ตทอยขึ้น อีกหนึ่ง Key Player คือตัวศิลปินเอง จากสิ่งที่ศิลปินอาร์ตทอยสร้างเรื่องราวให้กับตัวคาแรคเตอร์ เพราะอาร์ตทอยมีจุดเริ่มต้นมาจากการทําคาแรคเตอร์ดีไซน์ที่ไม่ใช่แค่ทําหน้าตาทําให้น่ารัก แต่เป็นการสร้างจักรวาลของของตัวคาแรคเตอร์ตัวนั้นมีเรื่องราวและเป็นเพื่อนของคนที่สะสมได้ด้วยกนต์ธรกล่าว
Art toy ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน
ในมุมของศิลปินได้มองเห็นว่า ไม่ใช่ศิลปินทุกคนจะอยากทำอาร์ตทอย ไม่ใช่ทุกชิ้นงานหรือไม่ใช่ทุกทุกคอนเทนต์ที่เหมาะนําไปทําเป็นอาร์ตทอย ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดหลักสูตรการทำอาร์ตทอย แต่ว่าเรามีความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร เพราะว่าผู้ใหญ่มองเรื่องนี้ด้วยความไม่เข้าใจรอบด้านเกี่ยวกับเรื่องของตลาดหรือพฤติกรรมของผู้ซื้อ เห็นเพียงความนิยมว่าน่าจะไปได้จึงทําสิ่งนี้ขึ้นมา
เกรงว่าน้อง ๆ ที่จบมาทางนี้จะไม่มีงานทําหรือจะทําสิ่งนี้ด้วยความทุกข์มากกว่าสุข เราทําเพราะหวังว่าจจะขายได้ กับการทําด้วยการไม่รู้ว่าจะขายได้ แต่ดันขายได้มันต่างกัน การเริ่มต้นด้วยแรงบันดาลเป็นสิ่งที่ปลอดภัย ถ้าตั้งต้นด้วยความคิดเชิงพาณิชย์แบบนั้นน่ากลัวมาก เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าพฤติกรรมคนซื้อปัจจุบันคืออะไร ทุกคนพร้อมจะเลื่อนฟีดแล้วชอบทุกอย่างที่เห็น แล้วก็เลิกชอบได้ภายในเวลาสองวินาที นั่นไม่ใช่ผู้บริโภคของอาร์ตทอยที่เรารู้จักกัน
“การมี passion พอที่จะจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ได้เพื่อจะได้สิ่งที่นั่นมาครอบครอง นั่นต่างหากครับคือตลาดของคุณ”
การตั้งเป้าหมายขายทุกคนน่ากลัวมาก การที่ทุกคนออกมาทําอาร์ตทอยกันหมด เหมือนคนออกมาทำข้าวหลามหนองมนหนึ่งร้อยเจ้า ใครจะกินข้าวหลามขนาดนั้นไม่มีหรอกเพราะตลาดมันล้น ข้าวหลามที่ขายได้คือเจ้าเดิม เจ้าที่ทุกคนล่ำลือกัน เจ้าที่เพื่อนบอกว่าดีส่วนเจ้าที่เหลือตาย
“เราเชื่อว่าดีไซเนอร์ที่ดีทําอะไรด้วยความเชื่อและ passion มากกว่าเงิน เราเชื่อแบบนั้น อยากให้น้อง ๆ ที่คิดว่าจะก้าวมาทําอาร์ตทอยเริ่มทําด้วย passion เป็นคําที่ดูสวยหรูแต่จริง อยากจะเตือนทุกคนเลยว่าอย่าทําเพราะเห็นคนอื่นทําแล้วเวิร์คก็เลยทํา การตั้งเป้าหมายแบบนั้นผิด ไม่อยากให้ทําแบบนั้น” กนต์ธร กล่าว
“ถ้าเริ่มจาก passion จะง่ายต่อการที่เราจะต่อยอด เพราะเราเข้าใจที่มาที่ไป แต่เราไม่ได้เริ่มจากการที่เห็นอันนี้ขายดีแล้วลองมาทําหน้าตาแบบนี้ขายได้ มันอาจจะขายได้ในช่วงแรกก็จริง แต่ว่าหลังจากนั้นเราก็เราไม่รู้จะทําอะไรต่อ” วรกันต์ กล่าว
คำแนะนำนักสำหรับผู้ที่จะก้าวสู่วงการอาร์ตทอย
โลกนี้เปลี่ยนเร็วมากถ้าคุณตามเทรนด์คุณจะเหนื่อยมากเลย ถ้าคุณเป็นตัวเองแล้วทําในสิ่งที่คุณเชื่อคุณก็จะไม่เหนื่อย ในระบบนิเวศมี collector ที่หลากหลายแบบ คนที่ไม่ตามเทรนด์ คนวิ่งตามเทรนด์สุดขั้ว แล้วมีคนวิ่งตรงกลางในฐานะศิลปิน คู่ค้า หรือ collector ต้องไม่ลืมที่จะศึกษา position vibe ที่คุณอยู่เสมอ กนต์ธร กล่าว
นักสะสมที่กำลังเข้าสู่วงการอาร์ตทอยแนะนำให้ซื้อเพราะเราชอบดีกว่า ไม่จำเป็นต้องไปซื้อตามเทรนด์ทุกเทรนด์ แม้จะเป็นข้อดีของศิลปินที่นำเทรนด์ได้ โดยส่วนตัวจะชอบสะสมอะไรที่เป็น limited มากกว่าสิ่งที่ mass และมีความสุขกับความพยายามของตัวเองในการได้สะสมและตามหาสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราได้รับไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่คือประสบการณ์ขณะนั้นด้วย การผูกพันกับสิ่งที่เราได้ครอบครอง ไม่ใช่แค่ได้มาและจบ แต่ระหว่างทางที่จะได้สิ่งนี้มามีเรื่องราวและมี value กับสิ่งนั้น พงศธร กล่าว
ไม่ว่าจะในฐานะ collector หรือว่าในฐานะศิลปิน ถ้าเรามี passion ซื่อตรงกับความเป็นตัวตนของตัวเองชอบอะไรก็ทําแบบนั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็อาจจะเริ่มต้นจากตรงนั้นก็เป็นได้สุดท้ายการจะอยู่ในวงการอย่างยาวนาน อาจจะขึ้นอยู่ที่ passion ความรัก หรือความชอบมากกว่าการที่ทำตามเทรนด์