เอเซอร์ จะมีอายุครบ 45 ปีในปีนี้ เป็นอีกปีที่ คนเอเซอร์ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ในการกระโดดจากแบรนด์คอมพิวเตอร์ ไปสู่ แบรนด์ไลฟ์สไตล์
เอเซอร์ บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์สัญชาติไต้หวัน ที่ก่อตั้งโดย Stan Shih ชาวไต้หวัน (เกิดวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2487) ที่จบการศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยแห่งชาติ Jiao Tong และภรรยา Carolyn Yeh ในครั้งแรกที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2519 ใช้ชื่อ บริษัท Multitech International ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเพียง 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำนักงานตั้งอยู่ที่เมือง Sijhih City ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นเอเซอร์ หลังจากนั้น 5 ปีเพื่อให้จำได้ง่าย
- เออาร์ไอพี เชื่อคอมมาร์ตยังโต วางแผนปรับรูปแบบงานเป็นไฮบริดกลางปีนี้
- ‘AI และ หุ่นยนต์’ เปลี่ยนโลกได้อย่างไร โอกาสลงทุนอยู่ตรงไหน
เอเซอร์ ได้ทำให้คนต่างประเทศรู้จัก คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของไต้หวัน ด้วยการส่งออกยังต่างประเทศในปี พ.ศ. 2522 ก่อนที่จะตัดสินใจจัดตั้งสำนักงานตัวแทนแห่งแรก นอกประเทศไต้หวัน ที่ ประเทศเยอรมนีและประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2528
ผลิตภัณฑ์เอเซอร์ เริ่มเข้าสู่ตลาดประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ขณะนั้นเอเซอร์ ยังไม่ได้เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย จากนั้น 9 ปีต่อมา (พ.ศ. 2536) จึงมีบริษัท เอเซอร์ ประเทศไทย จำกัด การเข้ามาของเอเซอร์ ต้องใช้ความอดทนและพยายามอย่างมากในการทำตลาดประเทศไทย เนื่องจากคนไทยยังนิยมแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และมองว่าแบรนด์ไต้หวันเป็นแบรนด์ของสินค้าคุณภาพไม่ค่อยดี ขณะเดียวกันยังมี พีซีโลคัลแบรนด์ที่ชื่อ เอเทค คอมพิวเตอร์ ซึ่งคล้ายกัน ทำให้เกิดความสับสนกับเอเซอร์ ด้วย
เอเซอร์ ประเทศไทย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากหลายปีที่จะพิสูจน์ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาด้วยความทุ่มเท และมีคุณภาพมากเพียงใด จนผู้บริโภคให้การยอมรับ และมียอดขายแซงหน้าคอมพิวเตอร์แบรนด์อเมริกา จนทุกวันนี้
ในขณะที่เอเซอร์ ต่างประเทศก็พยายามสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกเช่นกัน ผลจากการทุ่มเททำให้บริษัทเติบโตมาก ถึงขนาดการแยกส่วนงาน Acer Communications & Multimedia ออกเป็น บริษัท BenQ หรือการแยกส่วนการผลิต ออกไปเป็น บริษัท Wistron หรือการซื้อกิจการเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เอเซอร์ เช่น Gateway, Packard Bell, eMachin หรือ E-Ten Information Systems
ในขณะที่พนักงานเอเซอร์ก็ถือเป็นผู้ชำนาญในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เช่นกรณี แบรนด์ ASUS ที่เกิดจาก พนักงานเอเซอร์เดิม ได้แก่ Jonney Shih, T.H. Tung, Ted Hsu, Wayne Tsiah และ M.T. Liao ตัดสินใจลาออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง
จากนั้น แบรนด์เอเซอร์ ได้รับการยอมรับมากขึ้น ทั้งการโคแบรนด์กับรถหรูจากอิตาลีอย่าง เฟอรารี่ ทำโน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งสนับสนุนการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2553 ที่แวนคูเวอร์ และการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2555 ณ กรุงลอนดอน
วันนี้ เป็นความท้าทายของเอเซอร์อีกครั้ง เมื่อประกาศก้าวเข้าสู่ แบรนด์ที่สนองตอบไลฟ์สไตล์ ภายใต้วิถีใหม่ โดยเอาความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เป็นจุดแข็งเดิม ผสานนวัตกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ Live Work Learn Play มากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ นอกเหนือจากโน้ตบุ๊กและพีซี ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น เช่น
-ลูกประคำดิจิทัล ที่เอเซอร์ ผลิต OEM ให้กับวัดที่ประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะ ด้วยการพัฒนาลูกประคำที่ใช้เซ็นเซอร์ไจโรสโคป (Gyroscope sensor) ช่วยนับจำนวนลูกประคำที่นับได้ และเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟนได้
-Smart Parking บริการช่วยหาที่จอดรถริมถนน ตอนนี้เปิดบริการเฉพาะในไต้หวัน นำเทคโนโลยี IoT มาใช้ร่วมกับแอพบนมือถือ
-Smart City เน้นเรื่องการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT กลับขึ้นคลาวด์ โดยใช้เทคโนโลยี LoRa ตัวอย่างที่ชัดเจนคือสมาร์ทมิเตอร์ ทั้งไฟฟ้าและประปา เพื่อลดการใช้แรงคนไปจดมิเตอร์ทุกเดือน
-ผลิตภัณฑ์ Xplova สำหรับผู้ชื่นชอบการปั่นจักรยาน เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
-ผลิตภัณฑ์ acerpure cool 2-in-1 Air Circulator and Purifier เครื่องฟอกและกระจายอากาศ ที่ช่วยหมุนเวียนและช่วยปรับสภาพอากาศให้เป็นอากาศบริสุทธิ์ได้ใน 3 นาที
-เครื่องปรับสภาพอากาศโดยใช้ไอออนลบทั้งแบบห้อยคอ และแบบ USB, ลำโพง, หูฟัง True Wireless,
-Wireless Charger ที่มีดีไซน์เก๋ สีสันจี๊ดจ๊าด
-Pawbow อุปกรณ์สมาร์ทโฮมสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง
แต่เอเซอร์ ยังยืนยันจะทำ พีซี-โน้ตบุ๊ก ธุรกิจหลักของบริษัท ต่อไป และมีผลิตภัณฑ์หลาย Segment เช่น ‘Concept D’ เครื่องสำหรับการตัดต่อ หรือทำภาพกราฟิกต่าง ๆ ที่เป็น 2D หรือ 3D Animation สำหรับสาย Creator โดยเฉพาะ
‘Enduro’ เครื่องที่มีน้ำหนัก กันความชื้น กันความร้อนได้ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น ผู้ใช้งานแบบ ‘สมบุกสมบัน’ แต่สามารถ พร้อม Cover กันกระแทก ซึ่งเป็นเกรดที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแท่นขุดเจาะน้ำมันหรือใช้ในทางการทหาร (Military Grade)
‘Predator’ ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ขั้นสุดยอดสำหรับการเล่นเกมและความเป็น Virtual Reality เกมมิ่งเดสก์ท็อป Predator Orion ที่มีเทคโนโลยีการแสดงผลที่ภาพและเสียงจากเกมมิ่งมอนิเตอร์ X25 เกมมิ่งโน้ตบุ๊ค Predator Helios ที่ออกแบบเรื่องเทคโนโลยีระบายความร้อนเป็นพิเศษ
กลุ่ม Thin & Light อย่าง Swift Series ความสะดวกในการพกพาด้วยดีไซน์บางเบา เปี่ยมประสิทธิภาพ และชั่วโมงการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่รับกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน
วันนี้ เอเซอร์ ได้ประกาศ กลยุทธ์ Dual Transformation ปรับแบรนด์เข้าสู่ ไลฟ์สไตล์แบรนด์ ถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นของแบรนด์เอเซอร์ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภค แต่ในมุมของธุรกิจ ต้องมาดูกันว่า เอเซอร์จะสามารถพิชิตตลาดนี้ได้หรือไม่ เพราะตลาดนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดและมีแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดก่อนหน้านี้อยู่แล้ว