รถไฟความเร็วสูงเส้นทางคุนหมิง-นครหลวงเวียงจันทน์ จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 ธันวาคมนี้
รถไฟขบวนแรกที่ถูกส่งมายังสปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา ชื่อ “ขบวนล้านช้าง” เป็นรถไฟ Fuxing EMU รุ่น CR200J (ความเร็วปานกลาง) สามารถวิ่งได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ทางบนเขา) และรองรับ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ทางราบ) ท่านพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เป็นผู้ตั้งชื่อขบวนล้านช้าง เพราะล้านช้าง คือ ชื่ออาณาจักรล้านช้างของลาวในอดีต หมายถึง อาณาจักรของเจ้ามหาชีวิต และล้านช้างเป็นชื่อแม่น้ำโขง ที่ไหลผ่านดินแดนจีน และลาว แสดงถึงความเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดี สหายที่ดี และคู่ร่วมมือที่ดี
ขบวนล้านช้าง เป็นรถไฟสำหรับโดยสาร ประกอบด้วย 9 ตู้ คือ หัวรถจักร ตู้ที่นั่งประเภทที่ 1 ตู้ จำนวนที่นั่ง 56 ที่ ตู้ที่นั่งประเภทที่ 2 มี 6 ตู้ มีที่นั่งรวม 662 ที่นั่ง และมีที่นั่งคนพิการ 2 ที่นั่ง ส่วนตู้ที่ 4 มีเบาะนั่ง และราวจับสำหรับคนพิการ มีห้องน้ำคนพิการ มีปุ่มกดขอความช่วยเหลือ SOS และภาษาสัญลักษณ์ของคนพิการทางสายตา และตู้ห้องอาหาร 1 ตู้ ประกอบด้วยตู้โชว์อาหาร ไมโครเวบ เครื่องทำกาแฟ และอุปกรณ์อื่น ๆ มีพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร
รูปทรงภายนอกของขบวนล้านช้าง ประกอบด้วยลวดลายธงชาติ สีแดง” หมายถึง เลือดเนื้อนักรบปฏิวัติลาว “สีฟ้า” หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และ “สีขาว” หมายถึง ความสามัคคีของคนลาว ส่วนการตกแต่งภายในรถขบวนล้านช้าง ได้นำแนวคิด ‘กลิ่นหอมมีเสน่ห์ดอกจำปา’ และ’ความสวยงามของภูผาแม่น้ำลำเซ’
แม้ขบวนล้านช้างจะมีการส่งมอบตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ทดลองวิ่ง คงต้องรอความเสถียรของระบบราง และระบบไฟฟ้า ดังนั้น ในการทดลองเดินรถระบบรางเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา นำขบวนรถไฟธรรมดาที่มีหัวลากระบบไฟฟ้า HXD3CA มาวิ่งทดสอบระบบราง และระบบไฟฟ้า จากสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีบ่อเต็น ระยะทาง 420 กิโลเมตร ใช้ความเร็ว 75-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที
การทดลองครั้งต่อไปจะมีการปรับปรุงระบบที่เกี่ยวกับรถไฟ และเพิ่มความเร็วให้ขึ้นถึง 170 ก.ม.ต่อชั่วโมง เพื่อให้เลยมาตรฐานรถไฟ ขบวนล้านช้าง ที่วิ่งด้วยความเร็ว 160 ก.ม.ต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถไฟโดยสารสายด่วน ที่บริษัททางรถไฟลาว-จีน มีแผนจัดจะซื้อใหม่ ในอนาคตอีก 1 ขบวนนั้น ชื่อ ขบวนแคนลาวและมีรถไฟสำหรับใช้ขนส่งสินค้าอีก 6 ขบวน
มีหลายหน่วยงานที่ประเมินว่า ประเทศไทยมีโอกาสจะได้รับประโยชน์จากเส้นทางรถไฟคุนหมิง – นครเวียงจันทน์ มากมายทั้ง ด้านสินค้า: ไทยมีโอกาสในการขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น ด้านการลงทุน: ไทยมีโอกาสทั้ง FDI และ TDI ด้านการท่องเที่ยว: เป็นโอกาสของไทยในการรองรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มจีนตะวันตก และด้านการขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญอันดับที่ 1 ของไทย โดยปี 2563 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีน 314,956 ล้านบาท
ทั้งที่ความเป็นจริง ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดตามที่กล่าวอ้างก็ต่อเมื่อรถไฟความเร็วสูงของไทย ระยะทางรวม 608 กิโลเมตร แล้วเสร็จ โดยโครงการแรก กรุงเทพ – นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. และโครงการที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 355 กิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้โครงการระยะแรก กรุงเทพ – นครราชสีมา มีการแบ่งสัญญาก่อสร้างออกเป็นสัญญาออกเป็นช่วงย่อย ๆ ประมาณ 14 สัญญา ปัจจุบันปรากฏว่า มีเพียงช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ได้ก่อสร้างเสร็จแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2563
ทั้งนี้เพราะรางรถไฟความเร็วสูง จีน สปป.ลาว ใช้มาตรฐาน สแตนดาร์ดเกจ หรือ รางขนาดมาตรฐานยุโรป (European standard gauge) ระยะห่างภายในของรางรถไฟซ้าย – ขวา ห่างกัน 1.435 เมตร ในขณะที่รางรถไฟของประเทศไทยปัจจุบันใช้มาตรฐานรางขนาด 1.006 เมตร ดังนั้น เมื่อขบวนรถไฟขนสินค้ามาถึงสถานีเวียงจันทน์ใน สปป.ลาว ต้องมีการเปลี่ยน/ย้ายตู้สินค้า ขนข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว เนื่องจากมีจุดที่ขาดการเชื่อมโยง Missing link ระยะทางประมาณ ห่างจากจังหวัดหนองคาย ประเทศไทยเพียงแค่ 24 กิโลเมตร
นอกจากนั้น การขนส่งสินค้าจากจีนมา สปป. ลาว สถานีสุดท้ายอยู่ที่เวียงจันทน์ ดังนั้น ศูนย์ย่านเปลี่ยนถ่ายสินค้า (Transshipment Yard) อยู่ในเขตของ สปป. ลาว แทนที่จะอยู่ที่หนองคาย ประเทศไทย
แม้ประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อมในการเชื่อมโยง เพื่อให้ไทยได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นทั้งการพัฒนาสถานีหนองคายให้รองรับการขนส่งผ่านสะพานเดิม โดยพัฒนาบริเวณสถานีที่มีพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ ให้เป็นพื้นที่ตรวจปล่อยสินค้าระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนถ่ายจากถนนสู่ราง โดยให้เอกชนเช่าบริหารจัดการพื้นที่ 4 แปลง อีก 1 แปลงเป็นพื้นที่ส่วนกลาง หรือ การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานเดิมประมาณ 30 เมตร โดยเป็นสะพานรถไฟที่มีทั้งทางขนาด 1 เมตร และ 1.435 เมตร โครงสร้างสะพานจะเป็นรูปแบบสะพานคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องก่อสร้างโดยวิธีคานยื่นสมดุล แต่ไม่ใช่โครงการในระยะเวลาอันสั้น
ดังนั้น การที่ประเมินว่าไทยจะได้ประโยชน์มหาศาลจากโครงการนี้ อาจจะเป็นเรื่องจริง แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ แน่นอน