Share on
×

Share

หมายเหตุโควิด-19

แม้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ของไทยเริ่มคลี่คลาย ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวัน ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงก่อนหน้านี้ พร้อม ๆ กับการลดลงโดยลำดับของตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต     

วันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศบค.รายงาน จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของไทยอยู่ที่ 2,004,274 ราย ตัวเลขทะลุ 2 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับแต่มีการบันทึกว่าคนไทยคนแรกติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 และอีก 2 วันถัดมา (14 พ.ย. 64 ) ศบค.รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 20,036 คน ทะลุหลักสองหมื่นคนนับแต่มีรายงานชายไทยวัย 35 ปี เสียชีวิตจากไวรัสร้ายตัวนี้เป็นคนแรกของประเทศเมื่อ 1 มีนาคม ปีที่แล้ว  

สถิติชวนสลดนี้สื่อส่วนใหญ่ไม่ให้น้ำหนักมากนัก ซึ่งต่างจากสถานการณ์ระบาดช่วงขาขึ้นสถิติ “นิวไฮ” ของผู้ป่วยและตายจะถูกนำเสนออย่างเร้าอารมณ์เสมอโดยเฉพาะรายการทีวี ทั้ง ๆ ที่เป็นการสูญเสีย (ชีวิต) จากเหตุการณ์เดียวมากสุดในประวัติศาสตร์ของไทย รองจากการระบาดไข้หวัดสเปนระหว่างปี พ.ศ.2461- 2463 หรือ 103 ปีล่วงมาแล้วเท่านั้น ประมาณว่าไข้หวัดสเปนคร่าชีวิตคนไทยประมาณ 80,000 คน จากจำนวนประชากรรวมขณะนั้น 8.4ล้านคน

เหยื่อที่เสียชีวิตจากโควิด-19 มีทั้งผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและเด็กเล็กที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ามีความเสี่ยงน้อย ทุก ๆ ชีวิตที่ถูกโควิดพรากไปผูกโยงกับคนอีกหลาย ๆ คนเป็นทอด ๆ เหมือนห่วงโซ่ และเชื่อว่าส่งผลต่อสังคมโดยรวมไม่ทางใดทางก็ทางหนึ่งในอนาคต

ยอดสูญเสียจากโควิด-19 ข้างต้น นับเป็นการพลิกผันอย่างหนึ่งที่ใช้คำว่า พลิกผัน เพราะเดิม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผู้อำนวยการศบค. กระทรวงสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา ฯลฯ ต่างเชื่อว่าสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในไทย “เอาอยู่” ตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังควบคุมการระบาดระลอกแรกจากคลัสเตอร์สนามมวย และผับย่านทองหล่อที่ปะทุขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้วได้ แม้หลังจากนั้นมีการระบาดเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ แต่ผู้ป่วยยังอยู่ใน “หลักร้อย” และเสียชีวิตยังอยู่ “หลักสิบ” เท่านั้น  

แต่ทันทีที่การระบาดระลอก 3 เริ่มขึ้น (กระทรวงสาธารณสุขถือเอาวันที่ 1 เมษายน  2564 เป็นจุดเริ่มต้นการระบาดระลอก 3) สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปชนิดจากหน้า….เป็นหลัง…… จากยอดผู้เสียชีวิตสะสมนับจากจุดเริ่มต้นระบาดในช่วงต้นปี 2563 ถึงปลายเดือนมกราคมปีนี้ มีคนไทยเสียชีวิตจากโควิด-19 เพียง 76 คน (ณ 27 ม.ค. 64) ขณะที่ยอดคนป่วยและเสียชีวิตของไทยนับจากเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ซึ่งถือเป็นช่วงพีคของการระบาดระลอก 3 มีผู้เสียชีวิตวันเดียวมากกว่ายอดผู้เสียชีวิตสะสมในช่วงปี 2563 โดยวันที่ 20 ตุลาคม มีผู้เสียชีวิตทำสถิติสูงสุดใหม่นับจากโควิด-19 ระบาดในประเทศไทยคือ 312 คน

ตลาดท่องเที่ยว กำลังเปลี่ยนไป

โจรโรบอต ปล้นเงียบ 130 ล้าน

นอกจากมิติของ “ชีวิต” วิกฤติโควิดแต่ยังผูกโยงไปถึง “เศรษฐกิจ” ด้วย !!! เศรษฐกิจในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมาเหมือนคนติดเชื้อโควิดที่เริ่มป่วยและเฉียด ๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่หลายครั้ง ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ดัชนีที่รวมเอากิจกรรม การบริโภค การค้า การลงทุน ส่งออก นำเข้า งบประมาณรัฐอยู่ในสภาพใกล้ ๆ กับถดถอย ที่จีดีพีขยายตัวติดลบต่อเนื่อง 

ปี 2563 จีดีพี ติดลบ 6.4% ส่วนปีนี้ ปี 2564 ที่กำลังจะปิดฉากในเร็ว ๆ นี้ ภาพรวม 10 เดือนเศษ ๆ ที่ผ่านมาดีกว่าปี 2563 เล็กน้อย  อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังการันตีว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโตไม่น้อยกว่า 1% ไม่ใช่ติดลบเหมือนที่หลายสำนักคาดการณ์เอาไว้  

ต้นสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 3 แนวโน้มไตรมาส 4 และพ่วงไปถึงปีหน้า 2565 ด้วย ไตรมาส 3 มีความสำคัญกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ตรงที่ว่าเป็นช่วงเวลาที่โควิดระลอก 3 แผลงฤทธิ์เต็มที่ จนภาครัฐจำใจต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์ขึ้นมาใช้อีกครั้ง ในสภาวะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่สามารรถขับเคลื่อนได้เต็มที่ เพราะกิจกรรม กิจการ จำนวนมากต้องหยุดตามคำสั่งของรัฐ มุมมองของนักเศรษฐศาสตร์สำนักต่าง ๆ ในห้วง ต่อความเป็นไปของเศรษฐกิจ ณ เวลานั้น เหมือนยกมือชูนิ้วโป้งขึ้นแล้วค่อยพลิกมือกลับให้นิ้วโป้งชี้ลงพื้นแทน

กล่าวโดยสรุป เลขาฯ สศช.ระบุว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2564 ติดลบ 0.3% ส่วนผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมามีดังนี้   ไตรมาส 1 จีดีพี ติดลบ 2.6 % และไตรมาส 2 บวก 7.6% เมื่อสรุปรวม 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจขยายตัว 1.3% และทั้งปีประมาณว่าจีดีพีจะขยายตัว 1% (จากเดิมหลายสำนักมองว่า จีดีพี ปีนี้ติดลบแน่ๆ) ส่วนปีหน้า 2565 สศช.คาดการณ์ว่า จีดีพีจะขยายตัวระหว่าง 2.5-3.5% 

กิจการและการจ้างงานที่หายไปคือภาพสะท้อนส่วนหนึ่งของของเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิดที่จีดีพีหลายไตรมาสติดลบหรือขยายตัวอย่างประหยัด ส่วนสถานการณ์การเปิดและเลิกกิจการในช่วงที่ผ่านมานั้น ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าปี 2563 มีการยื่นขอจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนตั้งใหม่ 63,340 ราย เทียบกับปี 2562 ที่มีการยื่นขอฯ 71,485 รายถือว่าลดลง 8,145 ราย และบอกเลิกกิจการมี 20,920 ราย  

ส่วนปี 2564 ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีธุรกิจแจ้งตั้งใหม่ 41,022 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 7,685 ราย สำหรับกิจการที่บอกเลิกในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มี 4,930 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า (2563) 1,297 ราย ตัวเลขที่รายงานเป็นทางการจากกระทรวงพาณิชย์อาจสวนกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่มองว่า น่าจะมีกิจการร้านค้าเลิกกิจการมากกว่านี้ 

ขนาดธุรกิจที่ยืนหยัดมายาวนานไม่ว่า สวนเสือศรีราชา ประกาศเลิกปิดตำนาน 24 ปีของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังภาคตะวันออกไปพร้อม ๆ กับความวังเวงของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หรือโรงเรียนอำนวยศิลป์ ธนบุรี ที่ประกาศปิดกิจการหลังเปิดสอนมายาวนานถึง 82 ปี รวมทั้งสถานอาบอบนวดเจ้าพระยา 3 ที่ประกาศปิดตัวเอง ทำเอานักท่องราตรีรุ่นใหญ่ส่งเสียอื้ออึงไปตาม ๆ กัน และคงมีอีกหลาย ๆ กิจการที่บอกลาไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้บอกกล่าวต่อลูกค้า ซึ่งทำให้คาดเดายากว่า ณ วันนี้ มีกิจการอีกกี่แห่งที่ไปต่อได้และมีอีกกี่แห่ง ที่ต้องจอดรอความช่วยเหลืออยู่ข้างทาง

สศช.และอีกหลาย ๆ สำนักมองว่าปีหน้า ปี 2565 จีดีพีไทยจะขยายตัวราว 2-3% ถือว่าดีกว่าปีนี้และปีก่อนหน้า แต่ยังไม่ดีพอที่จะนำเศรษฐกิจไทยกลับไปอยู่ในจุดก่อนที่โควิด-19 จะอาละวาด ในขณะที่หมอใหญ่หลายคนเชื่อ ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในไทยอาจะเกิดช่วงกลางปีหน้า โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น หลังการฉีดวัคซีนของไทยทะลุ 100 ล้านโดส แต่ทั้งนี้โปรดทราบว่าการคาดการณ์ไม่ได้การันตีว่าผลสรุปสุดท้ายจะเป็นไปตามนั้นเสมอไป

ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ ที่ผ่านทั้งช่วงเวลา เฟื่องฟู โรยรา จนถึง ถดถอย จากวิกฤติค่าเงินปลายทศวรรษ 2530   
วิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 และล่าสุดวิกฤติโควิด

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง