Share on
×

Share

รู้จัก Ethereum Killer กับ 3 เหรียญรุ่นใหม่ที่น่าจับตาในปี 2022

ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี Ethereum (ETH) จัดเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin (BTC) แต่ในเรื่องของความ Active ฝั่ง Ethereum มีความเคลื่อนไหวมากกว่า Bitcoin เสียอีก นั่นเพราะ Ethereum รองรับ Smart contract เพื่อสร้างแอปพลิเคชัน อย่าง DApp และ DeFi ไปจนถึง NFT และ Web 3.0 

ถ้าเปรียบ Bitcoin เป็น “ทองคำดิจิทัล” Ethereum ก็เปรียบเสมือน “เครื่องคอมพิวเตอร์ของโลก”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันก็มีสกุลเงินดิจิทัลและเครือข่ายบล็อกเชนรุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยบางเหรียญก็นำคุณสมบัติของ Ethereum มาพัฒนาต่อยอด บางเครือข่ายก็สร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ซึ่งหลาย ๆ เครือข่ายที่เกิดขึ้นมานี้คนในวงการนิยมเรียกกันว่า Ethereum Killer หรือเครือข่ายที่จะมาโค่นแชมป์อย่าง Ethereum ลงไปนั่นเอง

หากคุณกำลังสงสัยว่า Ethereum Killer มีเครือข่ายอะไรบ้างที่น่าจับตา แต่ละเครือข่ายมีจุดเด่นอย่างไร หรือต้องการหาความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มเติม เรามาอ่านไปพร้อมกันได้ที่บทความนี้เลย

ทำไมจึงต้องมี Ethereum Killer?

นับตั้งแต่ที่ Ethereum เริ่มต้นทำงานในปี 2015 จำนวนธุรกรรมบนเครือข่ายก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจาก Ethereum ใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof-of-Work ที่นักขุดในเครือข่ายต้องแข่งกันแก้สมการเพื่อจะสร้างบล็อกขึ้นมาได้ ซึ่งใช้เวลาและพลังงานค่อนข้างสูง ประกอบกับขนาดบล็อกที่มีจำกัด ส่งผลให้ผู้ใช้แข่งกันเสนอค่าธรรมเนียม หรือ Gas Fee ที่สูงขึ้นเพื่อให้ธุรกรรมของตนได้รับการยืนยันก่อน ทำให้ค่าธรรมเนียมโดยรวม Ethereum พุ่งสูงขึ้นไปโดยปริยาย

ต่อมาจึงเริ่มมีคนนำคุณสมบัติของ Ethereum โดยเฉพาะ Smart contract มาพัฒนาต่อยอด บ้างก็นำระบบฉันทามติใหม่มาใช้เพื่อยืนยันธุรกรรมได้เร็วขึ้น บ้างก็ เกิดเป็นเครือข่ายใหม่หรือเหรียญใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขจุดอ่อนของ Ethereum 

ซึ่งเครือข่ายที่ได้ชื่อว่า Ethereum Killer รุ่นใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง เรามาดูกันต่อได้เลย

1.Avalanche (AVAX)

Avalanche คือแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ Smart contract เพื่อพัฒนา DApps โดยถูกออกแบบมาให้มีความเสถียร ความเร็ว และความปลอดภัยสูง Avalanche ยังรองรับการเขียน DApps ด้วย Solidity ซึ่งเป็นภาษาเดียวกับที่ใช้บนเครือข่าย Ethereum นักพัฒนาที่มีความคุ้นเคยกับ Ethereum จึงสามารถย้ายมาสู่ Avalanche ได้อย่างไม่ยากเย็น

อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ Avalanche ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครือข่ายเดียว แต่เป็นถึง 3 เครือข่ายที่ทำงานร่วมกันจนเกิดเป็นแพลตฟอร์ม Avalanche ได้ 1) Exchange Chain (X-Chain) คอยดูแลด้านการแลกเปลี่ยนมูลค่าเป็นหลัก โดยมีโทเคน AVAX เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน 2) Platform Chain (P-Chain) — ผู้พัฒนาสามารถสร้างเครือข่ายย่อย (Subnets) ผ่าน P-Chain โดย P-Chain จะเป็นตัวคอยติดต่อกับเครือข่ายย่อยอีกที และ 3) Contract Chain (C-Chain) — ผู้พัฒนาสามารถสร้าง Smart contract ผ่านการใช้ API ของ C-Chain นี้ได้

2.Solana (SOL)

Solana คือเครือข่ายบล็อกเชนที่โดดเด่นด้านความเร็วในการทำธุรกรรม สามารถรองรับธุรกรรมได้สูงถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที และใช้เวลาในการสร้างบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาทีต่อบล็อก จึงทำให้ Solana ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ปัจจุบัน Solana ยังมีโปรเจกต์มากกว่า 400 โปรเจกต์ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย ทั้ง DeFi, NFTs, Web3 และอีกมากมาย เช่น Serum, Raydium รวมถึง USDT กับ USDC ที่เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีก็สามารถทำงานบน Solana ได้เช่นกัน

3.Fantom (FTM)

Fantom คือเครือข่ายที่รองรับการสร้าง Smart contract เพื่อพัฒนา Decentralized Application (dApp) หรือ Decentralized Finance (DeFi) รวมถึงรองรับสินทรัพย์ประเภท NFT (Non-Fungible Token) โดยมีจุดเด่นที่ความรวดเร็ว ปลอดภัย และมีค่าธรรมเนียมในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจาก Fantom มีโครงสร้างเครือข่ายแบบ DAG ร่วมกับการใช้ระบบฉันทามติของตัวเองที่ชื่อว่า Lachesis

ปัจจุบัน Fantom มีโปรเจกต์ dApp และ DeFi ที่สร้างขึ้นบนเครือข่ายมากกว่า 80 โปรเจกต์ โดยมีโปรเจกต์ที่น่าสนใจอย่าง Curve และ SushiSwap ที่อยู่บน Ethereum ก็มาสร้างบน Fantom ด้วยเช่นกัน  

Ethereum เตรียมอัปเกรดเป็น 2.0 ในปี 2022 นี้?

ถึงแม้จะมีเครือข่ายที่น่าสนใจเกิดขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย ๆ แต่แชมป์อย่าง Ethereum ก็ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยการพัฒนาที่ทุกคนกำลังเฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อก็คือ Ethereum 2.0 ที่จะเป็นการเปลี่ยนระบบฉันทามติจาก Proof-of-Work มาเป็น Proof-of-Stake รวมถึงนำระบบ Sharding มาใช้ ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะทำให้ Ethereum สามารถดำเนินธุรกรรมได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว แถมยังประหยัดพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

โดยกำหนดการแล้ว Ethereum มีกำหนดการจะพัฒนาเป็น 2.0 ภายในปี 2022 นี้ ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าผู้พัฒนาจะออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คือการอัปเกรดครั้งนี้จะเป็นการอัปเกรดที่สะเทือนวงการคริปโทเคอร์เรนซีอย่างแน่นอน

บทความอื่น ๆ ของ Bitkub Online

ตลาดคริปโทฯ ปี 2021 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง มาดูกัน!

GameFi จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมเกมอย่างไร มาดูกัน!

Metaverse กำลังมา! เทคโนโลยีอะไรที่น่าจับตาบ้าง?

×

Share

ผู้เขียน