เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 แล้ว เชื่อว่าคงเป็นปีที่ยากสำหรับนักลงทุนหลาย ๆ ท่าน เนื่องจากราคาสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา โดยหลักทรัพย์บัวหลวงคาดว่า 4 เดือนสุดท้ายก็จะยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจัยจากนโยบายการเงินและการคลังของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ เช่น สหรัฐฯ, จีน และยุโรป รวมถึงปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง
กราฟผลตอบแทนแต่ละตลาดตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม – 6 กันยายน 2565
แม้ตัวเลขหลาย ๆ อย่างจะสะท้อนว่า เงินเฟ้อเริ่มผ่านจุดสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง โดยหลังจากการประชุม Jackson Hole ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นาย Jerome Powell ประธาน Fed ได้แสดงท่าที hawkish โดย Powell กล่าวว่า การต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อและการดึงให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้ามาอยู่ภายในเป้าหมายระยะยาวที่ 2% ยังคงเป็นเรื่องที่ Fed ให้ความสำคัญสูงสุด และเศรษฐกิจอาจต้องทนรับผลกระทบทางลบเพิ่มอีกในช่วงที่สหรัฐฯ ใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมากขึ้น ในขณะที่ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงมีอยู่ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศส่วนใหญ่ยังสะท้อนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยน่าจะเป็นลักษณะที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก (Mild Recession) สะท้อนจากตัวเลขด้านแรงงานที่ยังเติบโตได้ดี
ด้านธนาคารกลางของจีน (PBoC) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (LPR) ลง โดยอัตราดอกเบี้ยระยะ 1 ปี โดยปรับตัวลดลง 0.05% สู่ระดับ 3.65% ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะ 5 ปี ปรับตัวลดลง 0.15% สู่ระดับ 4.3% แม้ว่าจะเป็นการปรับที่ดูเล็กน้อย แต่ถือว่าเป็นสัญญาณดีที่สื่อว่า PBoC เริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอของจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงผลกระทบจากนโยบาย Zero-Covid สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ถูกประกาศออกมาในช่วงเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ดี จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย เรายังเน้นให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มคุณภาพสูงที่มีความสามารถในการบริหารต้นทุนและรักษาอัตรากำไรได้ โดยประเภทสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงเวลาที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก (Mild Recession) ได้แก่ น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากความต้องการสินค้ายังไม่ได้หดตัวรุนแรงมากนัก และธุรกิจที่สามารถทนต่อความผันผวนได้ดี (Defensive) เช่น สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (Consumer Staple), ธุรกิจการแพทย์ (Healthcare) และ ธุรกิจสาธารณูปโภค (Utilities)
ดังนั้น BLS Top Funds รายงานอัปเดตสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกแบบ Weekly พร้อมคำแนะนำ “กองทุนตัวท็อป” คุณภาพดี ผลงานเด่น ของหลักทรัพย์บัวหลวง จึงแนะนำกองทุนเด่นสำหรับโค้งสุดท้ายของปี 2565 ดังนี้
- กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ (SCBPFG) กองทุนสไตล์ Value บริหารแบบ Active ปัจจุบันให้น้ำหนักการลงทุนใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มี Economic P/E ต่ำสุด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน (Energy), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (Materials) และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงมีความน่าสนใจลงทุนในช่วงท้ายของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (Late Cycle) ด้วยภาวะเงินเฟ้อยังยืนระดับสูง ในขณะที่มูลค่ายังไม่แพง เราจึงยังแนะนำถือต่อเพื่อผสมผสานการลงทุนสไตล์คุณค่า (Value) ให้กับพอร์ต
- กองทุนเปิดบีแคป คลีน อินโนเวชั่น (BCAP-CLEAN) เรามองธีมการลงทุนด้านพลังงานสะอาดยังมีแรงหนุนต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากทั่วโลกให้ความสำคัญและพร้อมจัดการกับปัญหาภาวะโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น 0 ในปี 2593 และจีนในปี 2603 ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดจะได้รับประโยชน์จากการส่งเสริมของภาครัฐ ทำให้มีเม็ดเงินการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นก็ส่งผลให้ราคาพลังงานทางเลือกลดลง กองทุน BCAP-CLEAN กระจายการลงทุนทั้งในพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ โดยเน้นกระจายการลงทุนผ่าน ETF ครอบคลุมหลักทรัพย์โดยประมาณกว่า 400 หลักทรัพย์ สามารถกระจายและปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามสถานการณ์ ส่งผลให้กองทุนมีผลงานดี ความผันผวนและจำนวนเงินขาดทุนสะสมต่ำ (Drawdown) สามารถเข้าสะสมเพื่อรับโอกาสการเติบโตแบบเมกะเทรนด์
- กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ-A) ตลาดหุ้นเวียดนามยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อโดยเดือนส.ค. ดัชนีบวก 6.5% ปัจจัยพื้นฐานประเทศเวียดนามยังคงแข็งแกร่ง การเติบโตสูง มีปัจจัยขับเคลื่อนทั้งในระยะสั้นและยาวที่ชัดเจน GDP โตระดับ 5-6% ได้จนถึงสิ้นปี EPS Growth อยู่ที่ระดับ 15-20% มูลค่าไม่แพง PE ประมาณ 13 เท่า โดยระดับปัจจุบันเราคิดว่าตลาดเวียดนามได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A บริหารแบบ Active ผลงานโดดเด่น ผสมผสานทั้งหุ้น Growth อย่างกลุ่มค้าปลีก, เทคโนโลยี และ Defensive อย่างกลุ่มธนาคาร เราแนะนำทยอยสะสมลงทุน
ทั้งนี้ ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงสามารถติดตามรายละเอียดกองทุนเด่นฉบับเต็มได้ในรายงาน BLS Top Funds ที่ส่งตรงผ่านอีเมลทุกวันอังคาร ส่วนผู้ลงทุนที่สนใจรับรายงานดังกล่าวสามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ กับหลักทรัพย์บัวหลวงได้ที่ https://bls.tips/omnibus หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BLS Customer Service โทร. 0-2618-1111 อย่างไรก็ดีผู้ลงทุนจะต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
