Share on
×

Share

ท่องเที่ยวไทย… ต้องตีโจทย์ให้แตก

ในยามที่การส่งออกของไทยที่เป็นรายได้หลักกว่า 70% ของ จีดีพี. อ่อนแรง รัฐบาล ”เศรษฐา” หันมาเน้นปั๊มรายได้การท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนราว 20% จีดีพี. แม้จะเป็นเครื่องยนต์สำรองในการขับเคลื่อนประเทศก็ตาม ทั้งนี้ รายได้การท่องเที่ยวของไทยที่ผ่านมา เน้นขายแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก และความสวยงามของธรรมชาติ

คำถามสำคัญคือ เราจะส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างไร ให้การจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย ช่วยกระจายรายได้สู่ธุรกิจรายย่อยในท้องถิ่นต่าง ๆ ทุกจังหวัดและชุมชนมากที่สุด ปัจจุบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองหลัก และเมืองรอง เป็นหลัก เมืองหลัก คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว มากกว่า 6 ล้าน ส่วนเมืองรอง คือ จังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวปีหนึ่งต่ำกว่า 6 ล้านคน แต่ไม่เคยพูดถึงการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งแฝงตัวอยู่ในเมืองหลักและเมืองรองเหล่านี

หากเราไปดูสัดส่วนรายได้การท่องเที่ยวของเมืองหลักและเมืองรอง จะพบว่าสัดส่วนเมืองหลัก 80% สัดส่วนเมืองรอง 20% พูดง่าย ๆ คือ ทุกรายได้ 100 บาท ที่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติจ่ายเงิน จะเข้ากระเป๋าของเมืองหลักมากถึง 80 บาทเลยทีเดียว ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยกว่า 80% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด เน้นเที่ยวเมืองหลักที่มีชื่อเสียง เช่น กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ สามารถสร้างรายได้ให้กับเมืองหลักมากถึง 92% ของไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติเท่านั้นคนไทยก็ยังเที่ยวเมืองหลักมากถึง 52% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งหมด โดยสร้างรายได้ให้เมืองหลักกว่า 63% จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมรายได้การท่องเที่ยวไทย ถึงกระจุกตัวในเมืองหลัก เท่านั้น

ที่สำคัญ มีการประเมินกันว่า เม็ดเงินจากการท่องเที่ยว จะตกอยู่กับกลุ่มทุนท่องเที่ยว เช่น กลุ่มธุรกิจ โรงแรม ธุรกิจทัวร์และธุรกิจอาหาร ถึง 85% จะตกถึงชุมชนเพียงแค่ 15% เท่านั้น

การท่องเที่ยวชุมชนไม่ใช่จะอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น แต่แฝงตัวในเมืองหลัก หลายปีมาแล้วเคยมีบริษัทสตาร์ทอัพด้านท่องเที่ยวชุมชนรายหนึ่ง จัดทัวร์พานักท่องเที่ยวต่างชาติทัวร์ชมวิถีชีวิตชุมชนคลองเตย ดูการทำพวงมาลัยที่ไปขายตามสี่แยก ทำขนมขายในชุมชน ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก ทัวร์นี้ ขายหัวละ 1,500 นอกจากนี้ยังจัดทัวร์ดูวิถีชีวิตชนกลุ่มน้อยทั้งชาวเขา ชาวเล ทุกพื้นที่จะแบ่งเงินช่วยสนับสนุนชุมชน

รีสอร์ตแห่งหนึ่งทางภาคใต้ที่ สร้างจุดขาย ”ทัวร์กินข้าวกลางวันกลางทุ่ง” ด้วยการพานักท่องเที่ยวไปกินข้าวกลางทุ่งนาโดยจัดปิ่นโตอาหารพื้นบ้านภาคใต้ ดูวิถีชีวิตในชนบท ปรากฏว่ามีคิวจองแน่นข้ามปี สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้มีการกระจายรายได้จากนักท่องเที่ยวสูงชุมชน

เคยมีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวระบุว่า สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป นั้นจุดขายที่ประเทศไทยนำเสนอไม่ใช่ เป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ควรเป็นเรื่องวิถีชีวิต เพราะหากจะดูความสวยงามของธรรมชาติ ไทยควรขายเรื่องวิถีชีวิต ประเพณีของไทยมากกว่า เช่นจัดทัวร์พาคนยุโรปไปดูงานบุญงานบวช ดูการทำนาทำไร่ ดูการสอนหนังสือของโรงเรียนในชนบทโดยให้เขามีส่วนร่วมด้วยแต่ต้องให้เขาพักในเมืองที่มีความสะดวกสบายและสะอาดมากกว่า นี่คือโจทย์ข้อแรก

โจทก์ที่ 2 ต้องยกระดับรายได้ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยต้องเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง ที่ผ่านมาเรามีนักท่องเที่ยวจากจีนแต่เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางลงมา จึงมีปัญหา ”ทัวร์ศูนย์เหรียญ ”ไม่มีรายได้เข้าประเทศเพราะกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้ค่อนข้างต่ำและใช้บริการของคนจีนทุกอย่าง แต่ควรยกระดับกลุ่มคนจีนที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเมืองจีนบอกว่า กลุ่มนี้มีประชากรไม่ต่ำกว่า 300 ล้านคน เราดึงมาแค่ 3% ก็ 9 ล้านคน ไลฟ์สไตล์คนกลุ่มนี้จะเดินทางมาท่องเที่ยวเองมาแบบครอบครัว ภาษาอังกฤษดีไม่พึ่งไกด์ ไม่ใช้บริการทัวร์จีน กินหรูอยู่สบาย พักโรงแรมหรู กินร้านอาหารชื่อดังของท้องถิ่น

ที่สำคัญ คนกลุ่มนี้ชอบอาหารจีนในเมืองไทย เขาบอกว่าอาหารจีนที่ไหนในโลกไม่อร่อยเท่าอาหารจีนในเมืองไทย ถ้ารัฐบาลโปรโมตย่านอาหารจีนเยาวราช น่าจะเป็นแม่เหล็กนี้ได้

อีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย ในอดีตกลุ่มนี้เคยสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยจนเป็นที่ฮือฮา โดยคนอินเดียนิยมจัดงานแต่งานในเมืองไทย คนกลุ่มนี้กำลังซื้อสูงจัดงานแต่งแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 10 วัน แขกมาจากทั่วโลกเลือกโรงแรมที่มีชื่อเป็นมงคลตามความเชื่อซึ่งมีหลายแห่งในเมืองไทย แต่รัฐบาลไม่ได้โปรโมตอย่างจริงจัง อย่าลืมว่า คนอินเดียมีแค่ 2กลุ่ม คือ คนจนกับคนรวย คนที่เที่ยวต่างประเทศได้ คือกลุ่มคนรวยมีกำลังซื้อสูง เท่านั้น

นักท่องเที่ยวรัสเซีย เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ ปกตินักท่องเที่ยวรัสเซียจะนิยมมาเที่ยวไทยอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มีปัญหาถูกคว่ำบาตร จากกลุ่มประเทศยุโรป ประเทศไทยจึงเป็นเป้าหมาย นอกจากนี้ รัฐบาลควรจะเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี กลุ่มตะวันออกกลาง กลุ่มนี้มีรายได้สูงชอบท่องเที่ยว ประเทศไทยได้เปรียบที่เดินทางสะดวกไม่ไกลเกินไป

โจทย์ข้อสุดท้าย ในทางกลับกัน รัฐบาลจะทำอย่างไรให้คนไทยเที่ยวไทยมากกว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศ ล่าสุด มีตัวเลขยืนยันว่า หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่ากับหลาย ๆประเทศเพื่อดึงนักท่องเที่ยวประเทศนั้น ๆ มาเที่ยวเมืองไทย แต่ตรงกันข้ามปรากฏว่าคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ญี่ปุ่นขึ้นแท่นนักท่องเที่ยวไทยนิยมไปเที่ยวมากที่สุด รอลงมาจีนที่มีนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ เป็นโจทย์ที่ต้องเร่งแก้ หากทำได้ท่องเที่ยวไทยจะกลับมาบูมอีกครั้ง ไม่ใช่คิดการใหญ่จะจัดคอนเสิร์ตระดับโลก จัดมหกรรมระดับโลก ประโยชน์ที่ได้ก็อยู่กับกลุ่มทุนท่องเที่ยว ทุนบันเทิงรายใหญ่ทั้งไทยเทศ ไม่ถึงมือชาวบ้าน รัฐบาลได้หน้าแต่ประเทศอาจไม่ได้ตังค์

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

เศรษฐา-เศรษฐพุฒิ ห่างไม่ได้ ใกล้ไม่ดี

ทางออกจากวิกฤติต้อง … ปลดล็อก เศรษฐกิจนอกระบบ

เศรษฐกิจไทย หมดบุญเก่า

×

Share