Share on
×

Share

Google Cloud นำเสนอ Gemini 1.5 ตอบโจทย์การใช้งาน AI ชู 3 บริษัท ตัวอย่างการใช้งานจริงในองค์กร

ภายในงาน ‘DGT 2024’ (Digital Governance Thailand 2024) ได้มีการจัดเซสชัน What’s coming NEXT in AI : How our customers adopt and innovate with Google AI โดยได้ AI Customer Engineer จาก Google Cloud มาให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Gemini (AI แบบ Multimodal Transformer ของ Google) พร้อมนำเสนอตัวอย่างการใช้งานจริงของ Gemini ในองค์กรชั้นนำ

Google Cloud นำเสนอ Gemini Transformer ตอบโจทย์การใช้งาน AI ครบทุกมิติ

เร ไอรมณีรัตน์, AI Customer Engineer, Google Cloud แบ่งปันเรื่องราวถึงข้อดีของระบบ Gemini (AI แบบ Multimodal Transformer ของ Google) และการนำไปใช้งานของลูกค้าที่ประสบความสำเร็จเพื่อเป็นแนวทางในการต่อยอดการใช้งาน

ย้อนกลับไปในช่วงที่มนุษย์ยังไม่มีการใช้งาน Generative AI มนุษย์ยังคงต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาโดยให้เงื่อนไขแก่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในยุคถัดมานั้นได้มีอัลกอริทึม (Algorithm) แทนที่การเขียนโปรแกรม โดยนำตัวอย่างของชุดข้อมูลป้อนเข้าไปให้ระบบคอมพิวเตอร์คำนวณและทำงาน (Machine Learning) เปรียบเทียบให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้นก็เหมือนกับการนำหนังสือให้ระบบ AI อ่าน อีกหนึ่งฟังก์ชันที่เกิดขึ้นมาใหม่ในยุคปัจจุบันก็คือ Generative AI ที่ระบบ AI สามารถให้คำตอบกับมนุษย์ด้วยความคิดสร้างสรรค์ (Creative) โดยกว่า 70% ของ AI Unicorns เป็นลูกค้าและใช้บริการ Google Cloud

ระบบ Gemini จาก Google มีทั้งหมด 2 Versions ที่แบ่งตามหมวดคือ

  1. หมวด Consumer ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักถามคำถามเช่น ช่วยวางแผน ช่วยแต่งเพลง วิธีการทำแพนเค้ก เป็นต้น ซึ่งเป็นคำถามที่หากผู้ใช้งานค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็มักจะได้คำตอบเช่นเดียวกัน
  2. หมวด Enterprises ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ทักถามคำถามเช่น จะควบคุมต้นทุนได้อย่างไร จะควบคุมข้อมูลด้านความปลอดได้อย่างไร เป็นต้น สังเกตว่าคำถามจะมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันเนื่องจากมีความต้องการที่แตกต่างกัน

การจะใช้งาน AI ให้ตอบคำถามอย่างถูกต้องนั้น ไม่สามารถใช้ Generative AI อย่างเดียวได้ จำเป็นต้องผนวกเข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ ด้วย โดยตลอดการเปิดให้บริการ Generative AI ของ Google ตั้งแต่ปี 2015 – 2023 ได้มีผู้ใช้งานแล้วทั้งหมด 3 พันล้านผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังได้ให้ข้อมูลถึงเรื่องความรับผิดชอบของระบบ AI (Responsible AI) ที่บูรณาการเข้ากับ AI อย่างลึกซึ้งและมีมาตรฐานสูงสุด สร้างระบบ AI ที่มั่นคงและปลอดภัย ตามหลักการออกแบบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานด้วยความมืออาชีพสูง

ETDA จัดใหญ่ “DGT 2024: Digital Momentum for the Future” หนุนผู้ประกอบการไทย สู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล

ชู 3 บริษัทนำ Gemini ไปใช้อย่างเกิดประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เรยังได้ยกตัวอย่างลูกค้า Google Cloud ที่นำ Gemini ไปใช้การดำเนินธุรกิจคือ

  • บริษัท Deutsche Bank (ธุรกิจธนาคาร) ที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับข้องกับการขาย โดยได้นำ Generative AI เข้ามาช่วยทำสรุปข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ จำนวนมาก ให้แก่นักวิเคราะห์ทางการเงิน ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพของการดำเนินงานที่รวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่าบริษัทจะมีการจะมีการจัดทำ Research จำนวนมากเพียงใดก็สามารถสรุปได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ จนถึงขั้นที่ผู้บริหารออกมาเผยว่า Generative AI ได้เปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานของบริษัท โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลในวงกว้าง
  • บริษัท Wendy’s (ธุรกิจฟาสต์ฟูด แฮมเบอร์เกอร์) ที่ต้องการจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อดูแลการสนทนาของผู้ใช้ หรือ Chatbot ในจุดบริการ Drive-Thru ที่ปกติแล้วต้องใช้พนักงานในการสื่อสารกับลูกค้า แต่เนื่องจากรับรู้ว่า Generative AI นั้นเก่งและเข้าใจในภาษา ทำให้ลูกค้าที่สั่งอาหารในทุกเมนูผ่านระบบ Chatbot นั้น เกิดความถูกต้อง แม่นยำของเมนูอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถส่งออเดอร์อาหารไปยังห้องครัวเพื่อทำอาหารต่อไปได้ จนถึงขั้นผู้บริหารออกมาเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับ Google Cloud ในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นคลื่นลูกใหม่ของประสบการณ์การใช้บริการ Drive-Thru
  • บริษัท Orange (ธุรกิจโทรคมนาคม) ที่ได้ใช้ Generative AI ภายใต้ชื่อ Orange Bot เป็น Chatbot ที่ฝังตัวอยู่บนเว็บไซต์ของ Orange France ช่วยให้บริษัทสามารถจัดการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ (CRM – Customer Relationship Management) ลดต้นทุน และยังส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (User-Friendly) ซึ่งโซลูชันนี้เกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ โดย Orange Bot จะเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการสนทนาและให้ความช่วยเหลือ ตลอดไปจนถึงช่วยติดต่อกับเจ้าหน้าที่

ปัจจุบัน Gemini Version 1.5 ได้มีสิ่งที่เรียกว่า ‘Multimodal’ ที่สามารถเข้าใจ รูปภาพ, ภาษา, เสียง, ตัวหนังสือ, และคลิปวิดีโอในเวลาเดียวกัน โดยการถามคำถามเดียวของผู้ใช้งาน ระบบสามารถประมวลผลออกมาได้ทุก Format โดย Gemini ถือเป็น Generative AI รุ่นแรก ๆ ของโลกที่มีการประมวลผลแบบ Multimodal โดยใช้เวลาเพียง 90 วินาที ในการประมวลผลข้อมูล 1 ล้าน Token มีการทดสอบให้ Gemini แข่งเขียนโค้ดกับมนุษย์จำนวน 100 คน ผลคือชนะ 85 คน

2 สิ่งที่ผู้ใช้งานกังวลในการเริ่มต้นใช้ Gemini

บนเวทีเดียวกัน เรยังพูดถึงสิ่งที่ผู้ใช้งาน Gemini เป็นกังวลใจในการเริ่มต้นใช้งาน Generative AI ของ Google Cloud ดังนี้

1. ความปลอดภัย โดยผู้ใช้งานมีความกังวลใจว่าจะถูกระบบเก็บข้อมูลเมื่อป้อนคำสั่งงานลงในช่อง Prompt แต่ทาง Google นั้นได้มีการประกอบธุรกิจเชิงข้อมูลมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ดังนั้นสิ่งไหนที่เป็นชุดข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานจะถูกดูแลอย่างปลอดภัย โดยไม่มีการแอบสำรองข้อมูลของผู้ใช้งานไว้อย่างแน่นอน

2. กังวลว่าระบบจะตอบผิด และให้ข้อมูลที่ผิดพลาด มีศัพท์เทคนิคเฉพาะเรียกว่า ‘Hallucination’ โดยมีวิธีการลดอยู่ 3 วิธีคือ

  • Prompt Engineering คือการปรับโครงสร้างการป้อนคำถาม และการให้ข้อมูลในการใช้งาน Gemini
  • Grounding Technique คือการที่เรามีชุดข้อมูลของเราเอง สามารถป้อนเข้าไปให้ระบบเรียนรู้เพิ่มเติมได้ ยกตัวอย่างธุรกิจ Uber Eats ที่มีฟังก์ชันเปิดให้ผู้ใช้งานได้ใส่ข้อมูลของอาหารลงไปในระบบ เพื่อเพิ่มข้อมูลของอาหารให้หลากหลายและแม่นยำมากยิ่งขึ้นจากผู้ใช้งานจริง    
  • Model Tuning with your DATA คือการปรับแต่งโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ให้ทำงานได้ดีขึ้นกับงานเฉพาะหรือโดเมนเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลที่ผู้ใช้จัดเตรียมไว้เอง

อย่างไรก็ตาม Generative AI เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ ช่วยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และในอนาคต Generative AI  มีแนวโน้มที่จะถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและส่งผลต่อชีวิตผู้คนเป็นอย่างมาก

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ศุภมาส ประกาศนโยบาย “อว. for AI” ติดอาวุธคนไทยใช้ AI 

เครื่องมือและเเนวทาง การเริ่มต้นสร้างความยั่งยืนสำหรับองค์กร

×

Share

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ผู้เขียน