Share on
×

Share

SCG ยกระดับนวัตกรรมเพื่อสังคมคาร์บอนต่ำ

ปัจจุบัน หลายคนคงเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจาก ภาวะโลกร้อน อย่างชัดเจน หนึ่งในสัญญาณเตือนภัยที่ใกล้ตัวที่สุดคือ บิลค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นภาวะโลกร้อนไม่ใช่เพียงปัญหาของบุคคลคนใดเพียงบุคคลคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของมวลมนุษยชาติ หากไม่มีการร่วมมือกันเพื่อแก้ไข ผลร้ายแรงต่าง ๆ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

SCG มุ่งปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาและค้นคว้า ผลักดันสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ในงาน SCG The Possibilities for Inclusive Green Growth พร้อมจัดเต็มนวัตกรรมรักษ์โลก โดยให้ความสำคัญกับประโยชน์ทั้งด้านความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการรักษ์โลก ซึ่งได้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ  มากมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยได้รับโอกาสหรือการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก SCG  จนกลายเป็นนวัตกรรมที่สร้างผลลัพธ์จริง

ยกตัวอย่างนวัตกรรมเด่น ประกอบด้วย แพลตฟอร์มคำนวณคาร์บอน เครื่องมือช่วยให้ผู้ใช้สามารถประเมินปริมาณคาร์บอนเกี่ยวกับวัสดุต่าง ๆ ในการสร้างบ้านหรือโรงงาน ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น และโครงการบีบอัดขยะ ช่วยลดปริมาณขยะและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

SCG พร้อมสนับสนุนทุกโอกาส

แพลตฟอร์ม KITCARBON จะสามารถช่วยลดคาร์บอนได้อย่างไร?

พงศ์พันธ์ สุธิชัย ผู้จัดการ Virtual Design and Construction แพลตฟอร์ม KITCARBON เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน กล่าวว่า ปัจจุบันมีจำนวนกิจการที่มากมายก่อให้เกิดคาร์บอนอยู่ตลอดเวลา คาร์บอนจากการก่อสร้างสามารถแบ่งออก 2 อย่าง Embodied Carbon คาร์บอนที่เกิดจากการใช้วัสดุก่อสร้างอาคารหนึ่งหลัง และ Operational Carbon คาร์บอนที่เกิดจากการใช้งานอาคารเช่นค่าน้ำ-ไฟ

“ก่อสร้าง ไม่กวนโลก” ออกแบบแต่ต้น ช่วยลดคาร์บอน

ยกตัวอย่าง Embodied Carbon การเริ่มนำวัสดุเข้ามาก่อสร้างตั้งแต่เริ่มแรก เช่นการผลิต และการขนส่งไปยังที่สถานที่ก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดคาร์บอน ควร คิด ก่อน สร้าง สามารถเลือกลดคาร์บอนได้ตั้งแต่ต้นทาง การเลือกวัสดุไปจนถึงการออกแบบอาคาร สามารถช่วยประหยัดคาร์บอนได้

เทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง ยกตัวอย่างเช่นเทคโนโลยี BIM หรือ Building Information Modeling พัฒนาต่อเป็นแพลตฟอร์ม KITCARBON เพื่อสนับสนุนการนำคาร์บอนมาคำนวณง่ายและแม่นยำมากขึ้น สามารถช่วย Design Optimization เสา-คานที่เหมาะสมและน้อยที่สุดในการใช้คาร์บอน หลังจากการออกแบบเสร็จเป็นการเลือกส่วนวัสดุ ซึ่งสามารถนำส่วนนี้มาดูผ่าน CFP Database ได้ว่าวัสดุที่ใช้ยังสิ้นเปลืองคาร์บอนหรือไม่ หากมีผลกระทบต้องปรับเปลี่ยนวัสดุทันที และติดตามการออกแบบผ่าน Monitoring Dashboard ช่วยบริหารจัดค่าการคาร์บอนที่เหมาะสม ปัจจุบันส่งต่อแพลตฟอร์ม KITCARBON สู่สถานศึกษา ทดลองใช้ฟรี นักศึกษาสามารถฝึกใช้คาร์บอนต่ำตั้งแต่แรกเริ่ม นอกจากนี้ยังมีพาร์ตเนอร์ที่นำแพลตฟอร์มไปใช้และกลับมารายงานผลเพื่อนำมาพัฒนาคาร์บอนให้มีความแม่นยำมากขึ้นต่อการก่อสร้างอาคาร

“อย่าลืมคิดก่อนสร้าง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” พงศ์พันธ์ทิ้งท้าย

From Waste to Value ย่อขยะ ขยาย Possibilities “เราปรับ โลกเปลี่ยน”

ภัทรพร วงศ์ปิยะสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม Wake Up Waste ในโครงการ ZERO TO ONE กล่าวว่าทุกคนทราบดีว่าปัญหาโลกร้อนปัจจุบันส่งผลกระทบต่อสิ่งต่าง ๆ มากมาย ปัญหาขยะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปหากมีแพลฟอร์ม Wake Up Waste การบริหารจัดการขยะรีไซเคิล และรถบีบอัดที่สามารถช่วยสร้าง “สังคม Low Carbon” เพื่อโลกและเพื่อเราทุกคน

แพลตฟอร์ม Wake Up Waste เกิดจากปัญหาขยะล้นเมือง 10,000 ตันต่อวัน จึงต้องการช่วยโลก สอดคล้องกับโครงการของ SCG ZERO TO ONE เปิดประกวด จึงเริ่มคิดค้นสร้างนวัตกรรม หาไอเดียที่สามารถใช้งานจริงได้ ปัจจุบันมีกว่า 300 อาคารที่ร่วมใช้แพลตฟอร์ม Wake Up Waste ส่งผลให้สามารถเก็บรวบรวมขยะได้มากถึง 1,150 ตัน ลดการปล่อย Carbon Footprint กว่า 750,000 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าปลูกต้นไม้ 60,000 ต้น ปัจจุบันมีผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม แยกเป็น กลุ่มขายหรือผู้อยู่อาศัยตามอาคารต่าง ๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ กลุ่มผู้ขนส่ง Wake Up Waste มีบริการรถเครื่องบีบอัดเข้ารับซื้อบีบอัดก้อน และส่งไปยังโรงงานที่เหมาะสมที่สุด สุดท้ายเป็นกลุ่มผู้ซื้อ ที่ต้องการวัตถุดิบ (ขยะ) จำนวนมาก Wake Up Waste จึงเสนอวัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อส่งต่อไปยังผู้ขาย

Wake Up Waste ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างสรรค์สังคมแบบ Low Carbon Society ผ่านแพลตฟอร์มที่มีการเก็บรวมรวมข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันเดียว สามารถลดการใช้กระดาษลง และรถบีบอัดขยะรีไซเคิล ย่อขยะลงได้ 5-10 เท่า ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง และลดการฝังกลบขยะ ถือเป็นโอกาสอันดีในการเข้าร่วมโครงการของ SCG ZERO TO ONE ส่งผลให้ทีมสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่

“ความร่วมมือของทุกคน เท่ากับ สังคมคาร์บอนต่ำ” ภัทรพร ทิ้งท้าย

นอกจากนี้ยังมีเจเนอเรชันอื่น ๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์อีกมากมาย “SCG พร้อมสนับสนุนทุกโอกาส” อนาคตจะเกิดนวัตกรรม Green ขึ้นอีกมากมายอย่างแน่นอน

การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำสามารถเกิดขึ้นจริงได้

“ยากหรือง่าย เป็นไปได้ ถ้าไปด้วยกัน”

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี กล่าวว่า Inclusive Green Growth เป็นเป้าหมายสำคัญของ SCG โดยมุ่งเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรมที่มี ยกตัวอย่างเช่นซีเมนต์ (cement), Packaging และธุรกิจเคมิคอลส์ Chemicals Business สู่ Low Carbon, Carbon Neutrality, Net Zero ภายในปี 2050 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความท้าท้าย 3 ด้านประกอบด้วย

  • เทคโนโลยี
    • การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง พลังงานสู่พลังงานสะอาด ปีที่ผ่านมา SCG ลดการใช้ถ่านหินลงถึง 40% ปี 2567 คาดการณ์ลดลงถึง 50%
    • การเปลี่ยนกระบวนการผลิต การทำ Low Carbon Cement การทำพลาสติกจากพืช และการทำ Packaging แบบใหม่สู่การรีไซเคิล
  • ลูกค้าและตลาดเปลี่ยน
    • การนำฟีเจอร์ใหม่ เกี่ยวกับ Low Carbon เพื่อเสนอลูกค้า ยกตัวอย่างหลังคาโซลาร์ SCG ที่ไม่เพียงแค่ Low Carbon แต่ยังสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ “ไมใช่แค่ดีไซน์สวยงาม แต่สามารถลดคาร์บอนได้ด้วย”
  • กฎเกณฑ์
    • กฎเกณฑ์เปลี่ยน กฎหมายหรือพรบ. Climate Change, CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) กลไกการปรับคาร์บอนข้ามพรมแดน รวมถึง ISSB หรือ International Sustainability และ (SBTi) Standards Board Science-Based Target initiative ส่งผลกระทบการทำธุรกิจ ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนตาม

ธรรมศักดิ์ให้ความเห็นว่า “สังคม Low Carbon จะเกิดได้ต่อเมื่อทุกคนมี Passion” เอสซีจี จึงสนับสนุนการสร้างองค์กรแห่งโอกาส 3 ด้าน การเปลี่ยนจากไอเดียสู่นวัตกรรม

  • ด้านที่ 1 สนับสนุนโอกาสทั้งบุคคลคนภายในและภายนอกองค์กร
  • ด้านที่ 2 สนับสนุนโอกาสพัฒนานวัตกรรมร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับโลก
  • ด้านที่ 3 สนับสนุนโอกาสสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน

หากสระบุรีแซนด์บ็อกซ์สามารถเป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำสำเร็จ ทุกเมืองแม้กระทั่งกรุงเทพมีโอกาสที่จะเป็น สังคม Low Carbon

“Passion and People สังคมคาร์บอนต่ำ เป็นไปได้ ถ้าเราไปด้วยกัน” ธรรมศักดิ์ทิ้งท้าย

3 ธุรกิจสู่ Low Carbon เกี่ยวกับการก่อสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัย (บ้าน โครงสร้าง และการตกแต่ง)

ก่อสร้างบ้านให้รักษ์โลก (บ้าน)

สุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์ทรีนโซลูชัน

สุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์ทรีนโซลูชัน กล่าวว่า เอสซีจี มีนวัตกรรมการก่อสร้าง Low Carbon ตลอด Value Chain ของลูกค้า สามารถทำให้เสาต้นแรกของบ้านหรืออาคาร ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ ธุรกิจของเอสซีจี Cement and Green Solution มีความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างที่เรียกว่า Low Carbon โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero

3 Green นวัตกรรม Low Carbon

  1. Green Process
    • เชื้อเพลิงทดแทน “พลังงานชีวมวล (Biomass)” ในรูปแบบเม็ดหรือ Energy Pallet แกลบ ฟางข้าว เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน           ปีนี้สามารถทดแทนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 40% สำหรับช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไตรมาสแรกอยู่ที่ 47%
    • พลังงานสะอาด การติดตั้งโซล่าเซลล์ ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์
    • นวัตกรรมเครื่องจักร นำลมร้อนที่เหลือจากผลิตปูนซีเมนต์มาผลิตไฟฟ้า

      ทั้งหมดนี้สามารถทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากภายนอกถึงร้อยละ 40% ในปีที่ผ่านมา
  2. Green Product ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ยืดอายุโลกให้น่าอยู่ปัจจุบันกำลังพัฒนาผลิตสินค้าเพิ่มครั้งที่ 2 คาดว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนเพิ่มประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับปูนปกติ นอกจากนี้ยังพัฒนาสินค้าต่อเนื่องมุ่งสู่ คอนกรีตคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ลดคาร์บอนได้สูงถึง 2.5 กิโลกรัม ต่อหนึ่งคิวคอนกรีต หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 2.5 ต้น และมีเกาะป้องกันคอนกรีต อย่างคอนกรีตชายเล คุณสมบัติป้องกันการซึมหรือการกัดกร่อนของน้ำทะเลได้ดี เป็นการเพิ่มฟีเจอร์ของตัวสินค้าให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
  • Green Construction การพัฒนาการก่อสร้างสู่Low Carbon ตลอด Value Chain ของลูกค้ายกตัวอย่างแพลตฟอร์ม KITCARBON และ CPAC Green Solution
  • Green Society สร้างความร่วมมือ สู่ความยั่งยืน

 “Greener Together ทุกคนร่วมมือกันได้” สุรชัยทิ้งท้าย

การสร้างบ้านคาร์บอนต่ำ เกิดขึ้นได้แค่เราเลือก (โครงสร้าง)

วิโรจน์-รัตนชัยสิทธิ์

วิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการจัดการใหญ่ เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และ เอสซีจี ดิสทรีบิวชั่น แอมด์ รีเทล กล่าวว่า การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างคาร์บอนต่ำ การเลือกใช้พลังงานสะอาด และการสร้างอากาศสะอาดภายในบ้าน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างบ้านคาร์บอนต่ำระบบโครงสร้างแบบ Dry System ทั้งหมดนี้ส่งผลให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในสังคมคาร์บอนต่ำได้อย่างดีและปลอดภัย

Low Carbon SCG Smart Living ด้านการผลิตสินค้าและบริการ ประกอบด้วย

  • ใช้พลังงาน Solar 19% ลดการปล่อย CO2 ได้กว่า 20,000 ton CO2e ต่อปี
  • ใช้พลังงานงานชีวมวล 13% ลดการปล่อย CO2 ได้ 1,070 ton CO2 e ต่อปี
  • นำ Inhouse waste 38% หรือ 60,822 ตัน เป็นวัตถุดิบรีไซเคิล ใช้วัตถุติบริไซเคิล 8.1% ทดแทนวัตถุติบจากธรรมชาติ หรือ 280,868 ตัน และลดการปล่อย CO2 ได้ 48,544 tons CO2e ต่อปี
  • การเปลี่ยนมาใช้ ปูนเอสซีจี คาร์บอนต่ำ

วัสดุต่าง ๆ จากทาง SCG Smart Living มีสินค้ากลุ่มทางเลือกมากถึง 70% เป็นวัสดุที่ครบถ้วนด้าน Low Carbon การผลิตสินค้าโดยใช้รีไซเคิลเพิ่มขึ้น สินค้าสามารถประกอบอยู่ภายในบ้านและดูสวยขึ้น จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีในการทำ 

ทั้งนี้ยังมีระบบโครงสร้างแบบ Dry System อีกหนึ่งทางเลือกของการสร้างบ้านให้ปล่อยคาร์บอนลดลง และ ONNET อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนา เลือกใช้พลังงานสะอาด และสร้างอากาศสะอาดในบ้านด้วย Solar Roof และ Active Air Quality

สำหรับด้านอาคารสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นการบริหารจัดการพลังงานที่ใช้ภายในอาคารด้วยระบบของเอสซีจี Microgrid and Energy Storage System ทุกอาคารสามารถใช้พลังงานสะอาดบริหารจัดการระหว่างอาคารภายใน 1 มิเตอร์ ส่งผลให้สามารถใช้พลังงานสะอาดได้อย่างคุ้มค่า ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

การสร้างบ้านคาร์บอนต่ำ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ดำเนินไปได้ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมที่พัฒนาและคิดค้น

“สุดท้ายขึ้นอยู่กับทุกท่าน วันนี้เลือกที่จะใช้วัสดุก่อสร้างการสร้างบ้านคาร์บอนต่ำแล้วหรือไม่?” วิโรจน์ทิ้งท้าย

ตกแต่งบ้านอย่างไร ไร้ คาร์บอนต่ำ? (การตกแต่ง)

นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD ผู้นำด้านธุรกิจตกแต่งพื้นผิว และสุขพรรณสู่อาเซียน กล่าวว่า SCGD มุ่งมั่นผลักดัน Green Innovation for Inclusive Sustainable Well Being การสร้างและการเติบโตด้วยนวัตกรรมสีเขียวเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนไปด้วยกันทุกภาคส่วน

วัสดุตกแต่งบ้าน SCG เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • COTTO ECO COLLECTION กระเบื้องรักษ์โลก หรือกระเบื้องที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ โดยการนำ WASTE ในกระบวนการการผลิตนำหมุนกลับมาใช้ใหม่ ในยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้โดยมนุษย์ในยุคแต่ละยุค ย่อมมีวันที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากร ดิน หิน หรือ แร่ธรรมชาติ ที่เป็นวัตถุดิบหลักในกระบวนการ ผลิตกระเบื้อง โดยทีมนักวิจัย และพัฒนานวัตกรรม ได้พัฒนาให้การใช้ทรัพยากร ทางธรรมชาติให้น้อยลง จากจุดเริ่มต้นด้วยการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ และยกเลิกการใช้เคมีภัณฑ์ที่มีผลต่อมนุษย์ และธรรมชาติ ให้คุณเชื่อมั่นได้ว่า สินค้ากลุ่มนี้ COTTO เราปรับเปลี่ยนตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาสู่การหมุนเวียนไม่รู้จบ เพื่อทรัพยากรที่ยั่งยืน ส่งต่อเพื่ออนาคต
  • ULTRA VENEER FIOORING นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวัสดุปูพื้น ที่ใช้เทคโนโลยีนำสมัย สร้างความยืดหยุ่น เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
  • COTTO CLAYDECOR COLLECTION นวัตกรรมแผ่นดินเหนียวรักษ์โลก อีกหนึ่งทางเลือกสร้างสรรค์ แห่งความสมดุลย์ ระหว่างสุนทรียการออกแบบ กับศาสตร์แห่งงานตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้ได้กับงานหลากหลายประเภททั้งภายใน และ ภายนอกอาคาร ตั้งแต่ ผนัง ฝ้า เพดาน อาคารสูง ไปจนถึง Façade ภายนอกอาคาร แผ่นบางน้ำหนักเบา ช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องได้ ทนน้ำ ทนแสงแดด ทนต่อรังสี UV สามารถตัดโค้งเข้ากับรูปทรงต่าง ๆ ได้ ป้องกันการลามไฟ ติดตั้งง่าย ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีและระบายออกได้เอง ทนต่อแรงกระแทก
  • สุขภัณฑ์รุ่น SIMPLY CONNECT TOUCHLESS ใช้น้ำเพียง 4.5 ลิตร ประหยัดน้ำได้มากถึง 25% พร้อมมีสารปกป้อง ULTRA CLEAN+ ลดสะสมเชื้อแบคที่เรีย 99% ใช้นวัตกรรมการผลิตแบบ High Pressure Casting ระบบการหล่อขึ้น รูปความดันสูง โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจาก solar roof และ solar floating เพิ่มประสิทธิภาพ และลดระยะเวลาการทำงาน จาก 200 นาที (3.20 ชั่วโมง) เหลือเพียง 30 นาที ปรับเปลี่ยนเป็น Polymer Mold ไม่ใช้พลังงานความร้อนในการอบไล่ความชื่น ลดฝุ่น และเพิ่มอายุการหล่อจาก 80 รอบเป็น 40,000 รอบ
  • ก๊อกน้ำรุ่น GEO SERIES ใช้นวัตกรรมในการผลิตแบบ Non-Foundry Process ดีไซน์ ก๊อกน้ำที่ใช้ท่อทองเหลืองมาเป็นส่วนหนึ่งในงานออกแบบ สามารถลดการใช้พลังงาน ในการหลอมขึ้นรูป และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 10%

ด้านกระบวนการผลิต วัสดุตกแต่งบ้าน SCG

  • Biomass Hot Air Generator เครื่องผลิตลมร้อนจากเตาเชื้อเพลิงชีวมวล ทดแทนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ โดยใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเช่น แกลบ เศษไม้ และวัสดุชีวมวลอื่นๆ เป็นเชื้อเพลิง ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในการผลิตลมร้อนในกระบวนการเตรียมผงดิน ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้เพิ่มสูงขึ้น ลด CO2 จากการเผาไหม้เทียบเท่ากับการดูดซับ CO2 ของต้นไม้ 30,000 ต้น ใน 1 ปี ลดฝุ่น PM 2.5 จากการเผาเศษวัสดุการเกษตร
  • Nano Ceramic Board ฉนวนเตาเผากระเบื้อง ปรับปรุงเตาเผากระเบื้อง ให้สูญเสียความร้อนน้อยลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนฉนวนใหม่ ด้วย Nano Ceramic Board คือฉนวนกันความร้อน ผลิตขึ้นรูปโดยรูปแบบสุญญากาศ (Vacuum formed product) ทำให้กันความร้อนได้อย่างดี มีค่า K Value หรือ ค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อน (Thermal Conductivity) ต่ำ ลดการใช้ก๊าซธรรมชาติ 2,600 MMBTU/ปี ลดการปล่อย CO2 ได้ 150 ตัน/ปี
  • High Pressure Casting Polymer Mold เพิ่มอายุการหล่อผลิตภัณฑ์ จาก 80 เป็น 40,000 รอบ ไม่ต้องใช้พลังงานความร้อนในการอบไล่ความชื้น ช่วยลดฝุ่นจากกระบวนการผลิต และลด Waste จากกระบวนการผลิต ได้ถึง 1,200 ตันต่อปี ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก ได้ 150 ตัน/ปี *เทียบเท่ากับการดูดซับ CO2 ของต้นไม้ 900 ตันใน 1 ปี
  • Cold Fixing การใช้สีเคลือบเซรามิกสูตรพิเศษ ผ่านแสง UV ทำให้สีเคลือบ เปลี่ยนเป็นเนื้อเซรามิก โดยใช้ระยะเวลาไม่ถึง 30 นาที ทำให้ลดทั้งการใช้เชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการปล่อย CO2 ได้ 963 ตัน/ปี เทียบเท่ากับการดูดซับ CO2 ของต้นไม้ 5,700 ตัน/ 1 ปี
  • Non-Foundry Product ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิง ด้วยการนำท่อทองเหลือง (Brass Pipe) เข้าสู่กระบวนการผลิต ทดแทนขั้นตอนการ Casting โดยไม่ต้องผ่านการหล่อ (Foundry) ซึ่งโดยปกติ ก๊อกน้ำส่วน Body จะถูกหล่อ ขึ้นรูป โดยการนำ Brass Ingot มาหลอมที่อุณหภูมิสูง และใช้ทรายเป็น Core Sand นำมาหล่อขึ้นรูป และลดการปล่อย CO2 ได้ 56 ตัน/ปี เทียบเท่ากับการดูดซับ CO2 ของต้นไม้ 334 ตัน/ 1 ปี

เอสซีจี ใส่ใจทุกกระบวนการผลิต (Green Process) สินค้าตกแต่งสวยงามเอสซีจีมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเสนอทางเลือกคาร์บอนต่ำให้กับผู้บริโภค

“Net Zero 2025 เป็นไปได้หากทุกคนร่วมมือกัน” นำพลทิ้งท้าย

การพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน “เพิ่มบรรจุภัณฑ์​กรีน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และช่วยดูแลโลก”

SCGC มุ่งสร้างบรรจุภัณฑ์ดีต่อโลก

มงคล เฮงโรจนโสภณ

มงคล เฮงโรจนโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า Inclusive Green Growth เป็นสิ่งสำคัญของการนำพาสู่ความยั่งยืน ภายใต้ 3 องค์ประกอบหลัก เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาโลกเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ “คนรวยมากขึ้น คนจนลดลง” สภาพสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ละเลยสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้การเติบโตที่ผ่านมาไม่ใช่การเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นควรเริ่มชดเชยให้กับสิ่งแวดล้อม SCGC วางแผนเชิงกลยุทธ์เชิงรุก เชิงลับ สู่โลกสีเขียวอีก 4-10 ปีข้างหน้า

SCGC เคียงข้างสังคมไทยกว่า 40 ปี ผู้ผลิตพลาสติกรายแรก ๆ ประเทศไทย ใช้วัตถุดิบ BIO-BASED มากขึ้น ภายใต้โครงการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพ ส่งผลให้มีผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำสู่มือผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีโครงการ EV แบตเตอรี่ โครงการทั้งหมดนี้เป็นกาส่งเสริมคาร์บอนต่ำทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ปัญหาโลกเดือด ไม่ใช่ปัญหาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทาน Inclusive Green Growth เป็นไปได้ โดย SCGC ตั้งเป้าไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2050 และผลิต Green เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2030

“ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของเอสซีจี เคมิคอลส์ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมกรีนพร้อมกับอุตสาหกรรมและสังคมไทย เพื่อผู้คนและโลก เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เอสซีจีตั้งใจ ร่วมด้วยช่วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมั่นใจว่าเอสซีจีทำได้” มงคลทิ้งท้าย

SCGP มุ่งสร้างพลาสติกดีต่อโลก

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า SCGP ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจด้วยนวัตกรรมที่ยั่งยืน ผ่านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ SCGP ไตรมาสที่ 1 จำนวน 256 ล้านบาท เทียบเท่ากับ 0.75% ของยอดขาย อีกสิ่งสำคัญ New Product เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนระดับโลก เพิ่มความก้าวหน้า พัฒนานวัตกรรมจากชิ้นไม้ยูคาลิปตัสสับ ด้วยงบลงทุนปัจจัย 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ปีนี้ SCGP มุ่งค้นหาพาสเนอร์ลงทุน ผลักดันเกิดโครงการนี้ภายในแถบเอเชีย

SCGP มุ่งมั่นพัฒนาสายพันธ์ในการปลูกยูคาลิปตัส ส่งผลให้สามารถพัฒนาได้หลากหลายสายพันธ์ หลากหลายพื้นที่ เช่นพื้นที่ฝนชื้น ฝนปกติ ฝนน้อย มีพื้นที่มากถึง 186,000 ไร่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 152,181 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าจากจำนวนพื้นที่ 31,770 ไร่ ส่งผลให้ SCGP เห็นโอกาสผ่านการทำธุรกิจ ต่อยอดจากชิ้นไม้สับยูคาลิปตัส และมีความร่วมมือจากพาสเนอร์สู่การทำรีไซเคิลมากกว่า 120 พาร์ตเนอร์

นอกจากนี้ยังดำเนินงานสู่ความเป็นเลิศด้วย Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดก๊าซเรือนกระจก ลดการใช้ CO2 สูงถึง 38,000 ตัน ลดปริมาณและต้นทุนพลังงาน 150 ล้านบาทในปี 2023 – Q1/2024

“สิ่งที่กล่าวข้างต้น เป็นสิ่งสำคัญเพื่อการตอบโจทย์ของการสร้างนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน Inclusive Green Growth อย่างต่อเนื่อง มงคลกล่าวทิ้งท้าย”

อุตสาหกรรมและการขนส่ง Low Carbon

อรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด

อรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมเผชิญสู่ความท้าท้ายโดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งผลให้ทุกภาคส่วนเร่งปรับตัว หันมาใช้พลังงานสะอาด พลังงานทดแทน “SCG Cleanergy” มีเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดที่หลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ยกตัวอย่างเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่น 2 ด้าน

  • นวัตกรรมแบตเตอรีพลังงานกักเก็บความร้อน หรือ Heat Battery หากมองภาพรวมการใช้พลังงานของโลกพบว่าภาคอุตสาหกรรมใช้งานมากที่สุดถึง 36% ที่อยู่ในรูปแบบพลังงานความร้อน ดังนั้นแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนจะเป็นเทคโนโลยีทางเลือกที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาความร้อนจากพังงานสะอาด มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยแนวคิดเป็นการนนำแหล่งไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่มาจากโซล่าเซลล์ กักเก็บในแบตเตอรี่ควมาร้อน สู่การผลิตไอน้ำและลมร้อนที่สะอาด ปัจจุบันแบตเตอรี่กักเก็บความร้อนมีการใช้งานจริงที่สหรัฐอเมริกา ตั้งเป้าหมายนำเทคโนโลยีนี้มาใช้พัฒนาประเทศไทย แบะอื่น ๆ ในอาเซียน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมได้มีการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
  • การใช้แพลตฟอร์ม Smart Micro Grid Solar Power System บริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบนี้ใช้งานสำเร็จผ่านอุตสาหกรรมของบริษัท สหยูเนี่ยน บางปะกง ผ่านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 6 เมกะวัตต์พร้อมกันถึง 6 โรงงาน สามารถปรับเปลี่ยนความต้องการใช้ได้ตลอดเวลา ลูกค้าสามารถเพิ่มการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดขึ้นไปสูงถึงสัดส่วน 20% ลดต้นทุนโดยเฉลี่ย 6% ต่อปี และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทากถึง 4,000 ตันต่อปี

SCG Cleanergy มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยลดโลกร้อนโดยการให้บริการด้านพลังงานสะอาด ครบวงจร ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้งาความยั่งยืนสู่ภาคอุตสาหกรรม และ “มีความเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) เป็นไปได้” อรรถพงศ์ทิ้งท้าย

บรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD กล่าวว่า ปัจจุบันโลจิสติกส์ เป็นหนึ่งอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้เติบโต แต่ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมที่ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่โลกจำนวนมหาศาล จากข้อมูล Smart Freight Centre พบว่าปี 2022 อุตสาหกรรมโลจิสติกส์เป็น ปล่อยก๊าซเรือยกระจกสูง 8-10% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก คาดการณ์ว่าปี 2050 หากไม่มีการจัดการจะพุ่งสูงขึ้นเป็น 42% ส่งผลให้อุตสาหกรรมนี้ต้องพัฒนาอย่างเร่งด่วน ภายใต้แนวควมาคิด Green Supply Chain Collaboration ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สู่สังคมคาร์บอนต่ำ

SCGJWD มุ่งเน้นส่งเสริมสร้างมาตรฐานใหม่ เน้นย้ำคู่ค้าในเครือข่ายเล็งเห็นถึงความสำคัญ สู่ Green โลจิสติกส์ และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการบริการก้าวสู่ Net Zero ปี 2050 ยกตัวอย่างแนวทางการลดคาร์บอนหลักที่ดำเนินการประกอบด้วย EV TRUCK, ASRS, SOLAR ROOF, Multi modal Transportation และ Backhaul Matching ทั้งนี้สำหรับธุรกิจคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อลดต้นทุนด้วยเช่นกัน

“SCGJWD พร้อมสนับสนุนลูกค้าสู่การบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอน เชื่อว่าหากทุกคนร่วมมือกัน ความสำเร็จของเราอยู่แค่เอื้อม” บรรณทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตาม อนาคตที่ยั่งยืนเป็นสิ่งที่เราทุกคนร่วมสร้างได้ SCG มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านนวัตกรรมและโครงการต่าง ๆ ขอเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับรุ่นต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ความยั่งยืน คือหมุดหมายปลายทางของ ESG ที่ปฏิบัติจริงของ ‘แปซิฟิกไพพ์’

The Story Thailand Forum เผยกลยุทธ์ Tech Vanguard ขับเคลื่อนองค์กร ย้ำพัฒนาเศรษฐกิจไทยต้องใช้ AI สร้างความยั่งยืน

×

Share

ผู้เขียน