ปัญหาครูไม่เพียงพอในการสอนนักเรียน ครูเรียนจบไม่ตรงสาย เด็กเรียนจบมีงานทำ แต่สิ่งที่เรียนมากลับไม่ได้ใช้ หรือสิ่งที่ต้องใช้ในการทำงานกลับไม่ได้เรียนมา คนวัยทำงานแล้วยังต้อง Reskill หรือ Upskill อยู่ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาในวงการการศึกษาไทยที่สั่งสมมานาน แต่ในยุคที่ทุกอุตสาหกรรมต่างก็ใช้เทคโนโลยี AI เป็นตัวช่วยแก้ปัญหา วงการการศึกษาไทยก็ดูจะมีอนาคตที่ดีเช่นกัน
สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษา พวกเขาเชื่อกันว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้ของห้องเรียนในอนาคต ช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเฉพาะด้านของเด็ก และเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ทั้งครูและเด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจพวกของเขาได้อย่างเต็มที่
จาก Conventional Classroom เป็น Personalized Classroom
ฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SkillLane มองว่า การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในวงการศึกษาจะช่วยเปลี่ยนการเรียนการสอนแบบ Conventional Classroom มาเป็น Personalized Classroom ห้องเรียนแบบ Conventional คือการที่ครูยืนพูดอยู่หน้าห้อง สอนเด็ก 50 คน แบบเดียวกันหมด ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเด็กทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน
“การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการอยู่กับ Personal Tutor สมมติ เด็กแก้สมการ 2 ตัวแปรไม่เป็น ติวเตอร์ก็จะมาช่วยสอน มาจับมือทำ แต่ความยากคือเราไม่สามารถส่ง Personal Tutor ไปประกบเด็กจำนวนหลัก 10 ล้านทั้งประเทศได้ แต่ตอนนี้ด้วยเทคโนโลยี เราสามารถส่งติวเตอร์ไปที่มือถือของเด็กทุกคนได้ ซึ่งเคยมีการทำวิจัยว่า ถ้าสามารถทำได้เช่นนั้น จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น มีความรู้เพิ่มขึ้นและทำคะแนนได้ดีขึ้น” กล่าวในงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future
สำหรับการใช้ AI เพื่อการศึกษานั้นสามารถทำได้ 4 ระดับ
- การใช้ AI เพื่อหาคำตอบ เช่น ถาม ChatGPT
- การใช้ AI ให้ตัวอย่างเพื่อต่อยอดความรู้
- การใช้ AI สอนคอนเซ็ปต์ใหม่ ๆ แต่ไม่ต้องให้คำตอบ
- การใช้ AI เพื่อช่วยกระตุ้นให้คิดวิเคราะห์และหาคำตอบ โดย AI จะไม่ตอบเราทันที แต่ถามเราเพิ่ม เป็นเหมือน Personal Tutor
ผู้สอนคือ Cyborg-เด็กมีติวเตอร์ส่วนตัว 24 ชม.
ฐิติพงศ์มองว่า Educator หรือผู้ให้การศึกษาในยุค AI จะเป็นเหมือน Cyborg คือมีการผสมผสานส่วนที่ดีที่สุดของมนุษย์กับสิ่งที่ดีที่สุดของเทคโนโลยี
เขาเล่าถึงการไปเยี่ยมชม Khan Lab โรงเรียนแนวทดลองใน Silicon Valley ที่มีการเรียนการสอนแนวใหม่ ครูแทบจะไม่เลคเชอร์ เด็กๆ เรียนเองที่บ้านจากวิดีโอ ครูเปลี่ยนบทบาทจาก Lecturer มาเป็น Facilitator หน้าที่การสอนหรือเลคเชอร์ให้คอมพิวเตอร์หรือ AI ทำ ส่วนครูทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ นั่นคือ การทำให้เกิด Group Discussion กระตุ้นให้เด็กดีเบทกัน ถกเถียงกัน จะได้มีการต่อยอด คิดและวิเคราะห์ และที่สำคัญครูสามารถ Inspire เด็กได้ ให้เด็กอยากไปในจุดที่พวกเขาไม่เคยไป
“ผมมองว่า จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่เราจะสามารถมี Personal Tutor ได้จริงๆ ที่อยู่กับเรา 24 ชม. สอนและตอบเราได้ทุกอย่าง มีความสามารถทุกเรื่อง และในอนาคตนอกจาก AI จะมีความรู้เกี่ยวกับโลกแล้ว จะมีความรู้เกี่ยวกับคนเรียนด้วย มีความเข้าใจในคนที่เรียนว่ามีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร เป้าหมายที่ต้องการจะไปอยู่ตรงไหน และสามารถ Tailor วิธีการเรียนการสอนและเลือกบทเรียนที่มาช่วยเด็กให้ไปถึงเป้าหมายได้”
4 รูปแบบการศึกษาในอนาคต
อนาคตของการศึกษาถ้าจะให้ตอบโจทย์คนเรียนจบมาแล้วทำงานได้จริง ฐิติพงศ์มองว่า การศึกษาจะต้องเป็นการ
- เรียนเพื่อเน้นทักษะมากกว่าการท่องจำ
- เรียนแบบ Self-paced Learning มากขึ้น คือ ผู้เรียนกำหนดจังหวะของตัวเอง จะเรียนเวลาไหนก็ได้เพราะเป็นการเรียนออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานเพื่อมาเรียน
- การเรียนรู้จะใช้เวลาสั้นลงและถี่ขึ้น เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว สิ่งที่เรียนมาอาจไม่สามารถใช้ได้ตลอดไป เราไม่สามารถใช้เวลาเรียนอะไรนาน ๆ เพื่อมาทำอะไรสักอย่างได้ คอร์สการเรียนในอนาคตจะใช้เวลาสั้น ๆ เก็บเครดิตไปเรื่อย ๆ แต่อาจจะต้องเรียนถี่ขึ้น
- ภาคเอกชนต้องมีส่วนร่วมในการออกแบบคอนเทนท์และหลักสูตรมากขึ้น เพราะเอกชนเป็นคนสร้างอุตสาหกรรม สร้างองค์ความรู้ขึ้นมา เป็นคนกำหนดว่าอยากได้พนักงานประเภทไหน การเข้ามามีส่วนร่วมช่วยออกแบบหลักสูตรก็จะทำให้เด็กสามารถได้เรียนในสิ่งที่สามารถนำไปใช้จริงตอนทำงาน
Skillset คนในยุค AI
ด้านเจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Venture Director, KX องค์กรภายใต้ KBTG ให้มุมมองว่า Skillset ที่คนในยุคที่ภูมิทัศน์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงต้องมีและเป็นสิ่งที่ KBTG กำลังทำอยู่กับพนักงานขององค์กรคือ
- AI Literacy การปลูกฝังให้พนักงานทุกคนต้องมีความรู้พื้นฐานและความเข้าใจเกี่ยวกับ AI และนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์และใช้อย่างรับผิดชอบ
- AI Engineer เรากำลังทำ Change Agent ในแต่ละทีมที่ KBTG ที่เป็นหน่วยใหญ่ ๆ เราอยากให้คนมีความสามารถในการ Apply AI ให้เข้ากับ Department หรือ Working Unit นั้น ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ได้ โดยตั้งเป้าให้มี Change Agent 250 คน
- AI Researcher มีทีมงานที่ดูเรื่องการพัฒนา AI เพื่อเข้ามาสร้างธุรกิจของเรา
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
KXVC จับมือ AI Fund หนุนการสร้างสตาร์ตอัพด้าน AI
จริงหรือที่เอเจนซี่โฆษณาใกล้ตาย มาเริ่มต้น AI Agency ดีกว่า
รวมเทคนิคการใช้ “Gemini” ผู้ช่วย AI จาก Google ใช้ง่าย ใช้ได้จริง