Share on
×

Share

KBTG Techtopia: A Blast From the Future หมุดหมาย AI ของประเทศไทย

ความจริงแล้ว AI ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นและมีอยู่มานานแล้วตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ที่ยังเป็น Rule-base AI ที่เน้นประสิทธิภาพเรื่องความเร็ว และมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องจาก Rule-base AI สู่ Machine Learngin AI และ Deep Learning AI จนมาถึงยุคปัจจุบันที่เป็นยุคของ Generative AI ซึ่งเป็นยุคพีคของ AI Transformation ที่จะทำให้โลกจากนี้ไปจะเป็นโลกที่ทุกคนต้องหายใจเข้าและหายใจออกเป็น AI

KBTG ที่เชื่อว่า AI คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีการดำรงชีพของมนุษย์ วิธีการใช้ชีวิต วิธีการเรียนรู้ เปลี่ยนวิธีการทำงาน และวิธีการทำธุรกิจ และโลกจะแข่งกันที่ความรู้ความสามารถด้าน AI เป็นหลัก ในฐานะ Tech Company ที่โฟกัสที่เทคโนโลยีสำหรับอนาคต (Frontier Technology) KBTG จึงเดินหน้าจัดงาน KBTG Techtopia เพื่อเป็นหมุดหมายว่าประเทศไทยเอาจริงกับ AI และประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นหนึ่งใน Hub ด้าน AI ของภูมิภาคและของโลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย ภาครัฐไทย และเอกชนไทยตื่นตัวและมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ AI Transformation ครั้งนี้

KBTG Techtopia ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 จัดในธีม A Blast From the Future ที่จัดยิ่งใหญ่กว่าครั้งแรกหลายเท่าตัว แม้ว่าครั้งนี้จะจัดเพียงวันเดียว แต่อัดแน่นด้วย 3 เวทีเข้มข้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น เต็มไปด้วยวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลก และระดับประเทศไทย มารวมตัวให้ความรู้ นำเสนอเทรนด์ และกรณีศึกษาของการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมและบริบทต่าง ๆ รวมถึงมีการจัดพื้นที่แสดงงานวิจัยและเทคโนโลยีด้าน AI ของ KBTG Labs ห้องวิจัยด้าน AI ของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ทำวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีทั้งงานวิจัยต้นแบบ และงานวิจัยที่ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานจริง งานในครั้งนี้ KBTG ยกทัพพันธมิตร Tech Company ที่ทำเรื่องวิจัยและพัฒนาเรื่อง AI มาขึ้นเวที และมาแสดงเทคโนโลยีไปพร้อมกันด้วย

บรรยากาศงานคึกคักตั้งแต่เช้าจรดเย็น และทุกพื้นที่ของการจัดงานที่ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ คราคร่ำไปด้วยคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ที่มีแววตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทุก Session ของทุกเวทีผู้คนให้ความสนใจกันอย่างมาก ทุกบูธที่แสดงเทคโนโลยีงานวิจัยด้าน AI มีผู้คนสอบถามและทดลองใช้งานตลอดทั้งวัน

และที่สำคัญ งานในปีนี้มีไฮไลต์ ตรงที่มีเจ้าพ่อ AI โลกอย่าง Andrew Ng ที่ไม่เพียงมาปรากฎตัวในงาน แต่ยังขึ้นเวทีและมี Session ให้นักเทคโนโลยีและสื่อมวลชนได้เข้าสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ 1 ชั่วโมง รวมถึงมีการประกาศรวมร่วมมือในการร่วมกันพัฒนา AI เพื่อสร้างคน และสร้างคนที่มีความสามารถด้าน AI ระหว่าง KBTG, Andrew Ng, สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้ความร่วมมือนี้สามารถสร้างผลกระทบได้ในวงกว้างระดับประเทศ

KBTG อาสาพาไทยไปปักธง AI บนแผนที่โลก

KBTG มองเห็นโอกาสมหาศาลหลังคลื่นลูกใหญ่เรียกว่า AI และต้องการพาประเทศไทยไปโต้คลื่นลูกนี้ การจัดงาน KBTG Techtopia เป็นการประกาศความพร้อมและแสดงออกถึงความร่วมมือของผู้มีส่วนได้เสียในระบบนิเวศ AI ที่จะร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยี AI สร้างเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างโอกาส สร้างการเรียนรู้เรื่อง AI ด้วย AI

กระทิง เรืองโรจน์​ พูนผล Group Chairman, KBTG

กระทิง เรืองโรจน์​ พูนผล Group Chairman, KBTG กล่าวว่า เชื่อว่า AI เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า KBTG ทุ่มสุดตัวเพื่อประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาประเทศไทย ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและนำ AI มาใช้อย่างเต็มที่

“เราจัดงานวันนี้เพื่อคนไทย และเพื่อประเทศไทย”

KBTG เชื่อว่าในปี 2030 เศรษฐกิจทั้งโลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยที่ AI จะเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมหลักแทบทุกอุตสาหกรรม และคาดการณ์ว่า AI จะขับเคลื่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวน 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ GDP ทั้งโลก โดยในจำนวนนี้จะเพิ่มขนาดให้ GDP ของเอเชียขึ้นอีก 10% หรือประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเกินครึ่ง (55%) ของผลผลิตของงานทุกชิ้นบนโลกใบนี้จะมาจากเทคโนโลยี AI

“คน” คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งไม่ได้หมายถึงคนของ KBTG เท่านั้น แต่หมายถึง “ทุกคน” ในประเทศไทย ที่จะต้องติดทักษะ AI เพื่อการใช้ชีวิตในโลกยุคถัดไปที่ AI

KBTG จึงพาครู AI ที่เก่งที่สุดโลก อย่าง แอนดรูว์ อึ้ง (Andrew Ng) ที่สอน AI คนมาแล้วมากกว่า 8 ล้านคน มาที่งาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future เพื่อถ่ายทอดวิชา AI ให้กับคนไทย และยังสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาคนด้าน AI และพัฒนาคนด้วย AI ผ่าน MoU 2 ฉบับ ฉบับแรก KBTG ทำกับ DeepLearning.AI และสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) เพื่อสร้าง Super AI Engineers ให้กับประเทศไทย ตั้งเป้าสร้างปีละ 6,000 คน และตั้งเป้าสร้างคนที่มีทักษะด้าน AI ปีละนับล้านคน  และ MoU ฉบับที่สอง จับมือกับ AI Fund และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อติดอาวุธให้ครูเพื่อติดอาวุธการศึกษาให้เด็กไทยทั่วประเทศ รวมถึงบรรจุหลักสูตร AI เข้าไปเป็นหลักสูตรขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็กไทยมี AI Literacy

ทั้งนี้ กระทิง เรืองโรจน์ ฝากกฎพื้นฐานในการทำงานร่วมกับ AI ไว้ว่าให้นำ AI มาใช้เสมอ โดยพิจารณาใช้ AI ในทุกโอกาสที่เป็นไปได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่ให้มนุษย์ยังคงควบคุม อย่าปล่อยให้ AI ทำงานโดยอิสระโดยปราศจากการกำกับดูแลของมนุษย์ มนุษย์ควรมีบทบาทในการตรวจสอบ ตัดสินใจ และรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โดยกำหนดบทบาทให้ AI เป็นผู้ช่วย มอง AI เป็นเครื่องมือหรือผู้ช่วยที่ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์

“จำไว้ว่า AI ที่คุณใช้ตอนนี้จะเป็น AI ที่แย่ที่สุดที่คุณจะเคยใช้ เพราะเทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว AI ที่คุณใช้ในวันนี้อาจล้าสมัยในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น ควรเปิดรับและปรับตัวต่อเทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ อยู่เสมอ”

AI เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

แอนดรูว์ อึ้ง (Andrew Ng), Managing General Partner, AI Fund & Founder of Landing AI กล่าวว่า AI คือ เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกตัวใหม่ (A New General Purpose Technology) AI เปรียบเสมือนไฟฟ้าที่เมื่อร้อยปีที่แล้วไฟฟ้าได้เปลี่ยนโฉมหน้าของทุกอุตสาหกรรมเช่นไร AI จะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่ง AI เป็นชุดของเครื่องมือ Andrew Ng มองว่า AI คือชุดเครื่องมือที่มีความสามารถหลากหลาย ชุดเครื่องมือที่แต่ละชนิดมีความสามารถเฉพาะทาง นักพัฒนา AI จึงควรเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Large Scale Supervised Learning ในช่วงปี 2010-2020 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ AI เริ่มมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วยการใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการฝึกสอนโมเดล AI ทำให้ AI สามารถเรียนรู้และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นำไปสู่การประยุกต์ใช้ AI ในหลากหลายด้าน เช่น การแปลภาษา การจดจำเสียง และการขับรถอัตโนมัติ

“ความก้าวหน้าของ Large Scale Supervised Learning ในช่วงปี 2010-2020 ที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนา Generative AI ในปัจจุบัน”

ทศวรรษนี้ (2020s) เป็นทศวรรษของ Generative AI ส่วน Agentic AI เป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนา Agentic AI ยังคงมีความท้าทายหลายประการ เช่น การออกแบบระบบ AI ที่มีความปลอดภัยและมีจริยธรรม และสำหรับ AGI (Artificial General Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ทั่วไปที่มีความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้านนั้น เขามองว่ายังห่างไกลจากความเป็นจริงในปัจจุบัน

โดยบอกว่า Technical trends ที่น่าสนใจในวงการ AI มี 3 ประเด็นหลักที่น่าสนใจ คือ

  • AI Agentic Workflows: เป็นการทำงานของ AI ที่สามารถทำตามคำสั่งที่ได้รับอย่างเป็นลำดับขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ถ้าเราสั่งให้ “ค้นคว้าเรื่อง X ให้หน่อย” AI ก็จะสามารถทำการค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ และสรุปผลมาให้เราได้
  • Edge (On-Device) AI: เป็นการนำ AI ไปใช้บนอุปกรณ์ของเราเอง เช่น แล็ปท็อป หรือสมาร์ทโฟน แทนที่จะต้องเรียกใช้ผ่านระบบคลาวด์ (อินเทอร์เน็ต) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผล และลดการพึ่งพาอินเทอร์เน็ต
  • Large Vision Models (LVMs): เป็นโมเดล AI ที่เน้นการประมวลผลภาพ ซึ่งกำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต ไม่เพียงแค่การสร้างภาพ (Generative) แต่รวมถึงการวิเคราะห์ภาพด้วย ซึ่งจะมีผลต่อวงการต่าง ๆ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ การตรวจสอบในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น 
KBTG-Techtopia-2024

เขามองว่าความกังวลเรื่องความเสี่ยงจาก AI นั้นถูกพูดเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลเกี่ยวกับ Artificial General Intelligence (AGI) หรือ AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ ซึ่งเขามองว่ายังห่างไกลจากความเป็นจริงหลายสิบปี เขาเชื่อว่าสังคมมนุษย์มีประสบการณ์ในการควบคุมสิ่งที่มีพลังสูงมาก่อน เช่น องค์กรขนาดใหญ่หรือประเทศต่างๆ และ AI ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะ AI พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดดจนกลายเป็นภัยคุกคามในชั่วข้ามคืน นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำว่า AI สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเสี่ยงที่แท้จริงที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ เช่น การระบาดของโรค หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Andrew Ng เน้นย้ำถึงความสำคัญของ Responsible AI หรือ AI ที่มีความรับผิดชอบ โดยเชื่อว่าเราควรประเมินผลกระทบทั้งทางการเงินและสังคมอย่างรอบด้านก่อนเริ่มโครงการ AI ใดๆ เพื่อให้มั่นใจว่า AI ที่พัฒนาขึ้นนั้นจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคม นอกจากนี้ เขาสนับสนุนให้ปฏิเสธโครงการที่อาจเป็นอันตรายต่อสังคม และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อให้มั่นใจว่า AI ที่พัฒนาขึ้นนั้นมีความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

“AI เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ควรใช้เพื่อช่วยให้คนเก่งขึ้น และทำให้ต้นทุนในการสร้างปัญญาถูกลง ซึ่งจะนำไปสู่ประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อสังคม”

สำหรับประเทศไทย Andrew Ng กล่าวว่า ประเทศไทยมีโอกาสและมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้าน AI ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมจำนวนมากซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนา AI การสนับสนุนจากภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา AI และมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยี AI รวมถึงความต้องการของตลาดในประเทศไทยมีความต้องการเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มสูงขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม

“เชื่อว่าประเทศไทยสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้าน AI ได้โดยการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะ AI ของบุคลากร การสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา”

เขามองว่า AI อาจเข้ามาแทนที่แรงงานในบางตำแหน่งงาน โดยเฉพาะงานที่ทำซ้ำ ๆ และไม่ซับซ้อน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการว่างงานในบางกลุ่มอาชีพ และ AI อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ที่มีทักษะในการทำงานร่วมกับ AI จะได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้น ในขณะที่ผู้ที่ไม่มีทักษะเหล่านี้อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทั้งนี้ AI ไม่ได้มาเพื่อแย่งงานของมนุษย์ แต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำงาน รัฐบาลและภาคเอกชนควรร่วมมือกันในการพัฒนาทักษะของแรงงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวและทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โอกาสของ AI อยู่ที่ชั้น Application ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของ AI Stack และเป็นโอกาสของบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ตอัพที่จะสร้าง AI Application เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรม โดยสูตรที่น่าสนใจคือการร่วมกันระหว่างผู้เล่นที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสหากรรมนั้น ๆ กับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI ในการร่วมกันสร้าง AI Application ซึ่งโอกาสที่เขามองเห็นในประเทศไทย คือ อุตสาหกรรมการเกษตร การท่องเที่ยว และสุขภาพ

บทบาท AI ในการแพทย์​และการศึกษา

ภายในงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future มีหลายเวทีที่น่าสนใจ ทั้งเวทีที่พูดถึงเทคโนโลยี ความก้าวหน้าของการพัฒนา ตัวอย่าวการนำไปใช้ กรอบจริยธรรมการพัฒนาและการใช้งาน AI

สองเวที่ที่น่าสนใจในการประยุกต์ใช้ AI คือ การใช้ AI ของ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาล BNH นายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาล BNH ได้เล่าประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี AI ในวงการ Healthcare ว่าสามารถช่วยรักษาชีวิตคนได้อย่างไร พร้อมเล่าถึงประสบการณ์การทำ Transformation โรงพยาบาลสมิติเวชที่ใช้เวลานานมากกว่า 7 ปี ถึงจะเปลี่ยนคนในองค์กรให้เข้าสู่ยุค AI First ได้ และมองว่าอนาคตของวงการ Healthcare นั้น จะเป็นเรื่องของการ Prevention หรือป้องกันไม่ให้ป่วย จะ Personalized มากขึ้น และต้อง Prediction ให้แม่นยำมากขึ้นว่าคนไข้กำลังจะป่วยเป็นอะไร เพื่อใส่ Treatment เข้าไปให้ถูกต้องและทันท่วงที คนจะได้ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล

และการใช้ AI ในการพัฒนาการศึกษา AI จะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้ของห้องเรียนในอนาคต ช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเฉพาะด้านของเด็ก และเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ทั้งครูและเด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจได้อย่างเต็มที่

ฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง SkillLane กล่าวว่า Educator หรือผู้ให้การศึกษาในยุค AI จะเป็นเหมือน Cyborg  คือมีการผสมผสานส่วนที่ดีที่สุดของมนุษย์กับสิ่งที่ดีที่สุดของเทคโนโลยี เขาได้ยกตัวอย่างการ Khan Lab โรงเรียนแนวทดลองใน Silicon Valley ที่มีการเรียนการสอนแนวใหม่ ครูแทบจะไม่เลคเชอร์ เด็ก ๆ เรียนเองที่บ้านจากวิดีโอ  ครูเปลี่ยนบทบาทจาก Lecturer มาเป็น Facilitator

หน้าที่การสอนหรือเลคเชอร์ให้คอมพิวเตอร์หรือ AI ทำ ส่วนครูทำในสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ นั่นคือ การทำให้เกิด Group Discussion กระตุ้นให้เด็กดีเบทกัน ถกเถียงกัน จะได้มีการต่อยอด คิดและวิเคราะห์ และที่สำคัญครูสามารถ Inspire เด็กได้ ให้เด็กอยากไปในจุดที่พวกเขาไม่เคยไป

เจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Venture Director จาก KX องค์กรภายใต้ KBTG เผยถึงทักษะสำคัญที่คนในยุคปัจจุบันต้องมีเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเน้นย้ำ 3 ด้านที่ KBTG กำลังพัฒนาในพนักงานขององค์กร:

  1. AI Literacy: การสร้างความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ AI ให้กับพนักงานทุกคน เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ
  2. AI Engineer: การสร้าง Change Agent ในแต่ละทีมของ KBTG เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ AI ให้เข้ากับลักษณะงานของแต่ละหน่วยงาน โดยตั้งเป้าให้มี Change Agent ถึง 250 คน
  3. AI Researcher: การสร้างทีมงานวิจัยและพัฒนา AI เพื่อนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ให้กับ KBTG

KBTG Showcase ในงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future

นอกจากเวทีสัมมนาแล้ว อีกส่วนสำคัญของงาน KBTG Techtopia 2024: A Blast From the Future คือ พื้นที่แสดงเทคโนโลยีด้าน AI ทั้งของ KBTG เอง และของพันธมิตรผู้ร่วมออกงานจำนวนมาก

สำหรับเทคโนโลยี Gen AI และ LLM ที่พัฒนาเอง ได้แก่ AthenaMind ซึ่งเป็น Multiple LLMs platform, THaLLE LLM ด้านการเงิน, LUNA แชตบอทที่พัฒนาต่อยอดบน THaLLE, TamMe ผู้ช่วยเสมือนจริงให้บริการตอบคำถาม ผ่านการสนทนาโต้ตอบ, Finly เพื่อนการเงิน, Virtual Patient+ การศึกษาทางการแพทย์เพื่อจำลองภาคปฏิบัติของนักศึกษาแพทย์ด้านคนไข้ AI และ PUFFIN ผู้ช่วยด้านการลงทุน

AINU

ส่วนการวิจัยด้าน AI ที่ KBTG ทำร่วมกับ MIT Media Lab คือ Future You พูดคุยกับตัวคุณในอนาคตเพื่อการเรียนรู้ในระยะยาวและสร้างแรงบันดาลใจเชิงบวก, FinLearn การเรียนรู้แบบ online ที่มีการตอบกลับเชิงโต้ตอบได้, Kookid พูดคุยกับเพื่อน AI ด้วยมุมมองที่หลากหลาย และ Future Jobs พูดคุยกับเพื่อน AI เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นตัวตนในอาชีพต่างๆ และงานวิจัยที่ KBTG ทำเอง อาทิ CCTV Analytics, VDO Analytics, Waan.AI แพลตฟอร์ม AI บริหารการเงินสำหรับ SMEs และ Document OCR เป็นต้น

การจัดงาน KBTG Techtopia: A Blast From the Future แสดงถึงความมุ่งมั่นของ KBTG ในการเป็นผู้นำด้าน AI ในประเทศไทย และเชื่อมั่นว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในอนาคต นอกจากนี้ การจัดงานยังเป็นการประกาศความพร้อมของประเทศไทยที่จะปักธงบนแผนที่ AI โลก พร้อมคำมั่นสัญญาว่ายังมีภารกิจอีกมากที่จะต้องลงมือทำ และเป็นสัญญาณที่ดีของการตื่นตัวของทุกภาคส่วนในประเทศไทย ทั้งภาครัฐ​เอกชน การศึกษา และประชาชน ในการโอบรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้แล้วใช้มันเพื่อพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ

KBTG-Techtopia-2024-Thalle-2

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

AI กับอนาคตการศึกษา ตัวช่วยเพื่อเด็กและผู้สอนที่ดีกว่า

KXVC จับมือ AI Fund หนุนการสร้างสตาร์ตอัพด้าน AI

×

Share

ผู้เขียน