เมื่อเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แม้แต่ภาคการเงินและธนาคารเองก็ตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกไม่ว่าจะเป็นปัญหาโลกร้อน หรือภาวะมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์มากขึ้น
“การพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม” จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องการที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเปลี่ยนผ่านกระบวนการต่าง ๆ ที่ธุรกิจทำอยู่ไปสู่การผลิตที่รักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสามารถรองรับกับมาตรฐานการค้าโลกใหม่ได้มากขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของ Financing the transition ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมไทยสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นได้
โดยภายใต้งาน Financing the transition : การเงินเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืนของภาคธุรกิจนี้ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเงินทุนให้ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวไปสู่การรักษาสิ่งแวดล้อมในรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบททางสังคมไทยมากขึ้น
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืนด้วยการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงวััตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับภาคสถาบันการเงินได้มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว โดยมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) และ Net Zero โดยจะมี Green finance มาสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเทรนด์นี้กำลังขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากตลาด Green และ Sutainability bond ของไทยที่เติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด และธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มปรับตัวได้ค่อนข้างดีโดยเห็นได้จากการที่บริษัทไทยเข้าเป็นสมาชิกดัชนีชี้วัดความยั่งยืนในระดับสากลอย่าง Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ถึง 26 บริษัทถือว่าสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) ยังคงมีความท้าทาย เนื่องจากภาคธุรกิจเหล่านี้มีความพร้อมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังคงพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในสัดส่วนที่สูง และใช้เทคโนโลยีที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับตัวสู่เศรษฐกิจสีเขียวจึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ SME สามารถแข่งขันได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน ธนาคารและภาคสถาบันการเงินจึงมุ่งเน้นการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่เป็น brown สู่การเป็น less brown (มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น) ซึ่งจะเริ่มต้นจากการปรับตัวเล็ก ๆ ที่สามารถปฏิบัติได้จริงและขยายผลในวงกว้างได้ อีกทั้งก็ต้องเข้ากับบริบทของไทยเองที่ก็มีความแตกต่างกับประเทศกลุ่มสากลอยู่พอสมควร
โครงการนี้จึงได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ซึ่งได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME และวันนี้มีผู้แทนจากภาคธุรกิจเอกชน หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรระหว่างประเทศกว่า 600 ท่านเข้าร่วมงาน เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ภาคการเงินที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจไทยในเส้นทางความยั่งยืน
วิภาวิน พรหมบุญ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินความคาดหมาย หากไม่มีการปรับตัว โลกของเราจะไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2050 ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธรรมชาติและชีวิตมนุษย์
ประเทศไทยจึงได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2065 ซึ่งอาจจะกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังคงพึ่งพาพลังงานฟอสซิลในสัดส่วนที่สูง และ SME ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ยังคงมีความพร้อมน้อยในการปรับตัวเข้าสู่ความยั่งยืน แต่ก็เพื่อให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวสู่ความยั่งยืนได้อย่างสมบูรณ์ ภาคการเงินและสถาบันการเงินมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเงินทุนให้กับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ที่ต้องเริ่มจากการปรับตัวเล็ก ๆ เพื่อเปลี่ยนจาก Brown เป็น Less brown และในที่สุดจะมุ่งสู่ความเป็นธุรกิจ “สีเขียว” ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำงานร่วมกับสถาบันการเงินในการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจ โดยเน้นการสร้างระบบนิเวศทางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการพัฒนา Thailand Taxonomy ที่จะจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมกับบริบทของไทย และการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
โครงการ “Financing the Transition” จึงเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน โดยเน้นการเริ่มต้นจากการปรับตัวเล็ก ๆ ของ SME เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษ และปรับตัวเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติให้ทันตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้การเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่ง่ายและต้องใช้เวลา แต่ด้วยการสนับสนุนจากภาคการเงินและสถาบันการเงินจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางความยั่งยืนได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
เสริมเพิ่มเติมจากคุณวิภาวี ชมนันทน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กล่าวถึงโครงการสินเชื่อเพื่อการปรับตัวสู่ความยั่งยืนในแง่มุมของประโยชน์และความแตกต่าง นั่นคือ โครงการนี้มุ่งเน้นการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมและ SME ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงใช้พลังงานฟอสซิลสูงถึง 60% การปรับตัวจาก Brown ให้เป็น Less brown จึงเป็นสิ่งจำเป็น และการปรับตัวนี้จะต้องเริ่มจากก้าวเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้จริงก่อน
โครงการนี้จึงให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมกับบริบทของ SME ที่ต้องการปรับตัว โดยสินเชื่อจะต้องมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่สอดคล้องกับความต้องการและความพร้อมของ SME นอกจากนี้ โครงการยังเน้นให้ SME ได้รับทั้งสินเชื่อและความรู้ในการปรับตัวไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้การปรับตัวเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ซึ่งได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดการใช้พลังงานฟอสซิล การลงทุนในระบบจัดการขยะ (waste management) เพื่อลดการสร้างมลพิษ หรือการลงทุนในระบบบริหารจัดการน้ำในภาคการเกษตรเพื่อลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ดังนั้น นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวสู่ความยั่งยืนที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย โดยมุ่งหวังให้เกิดการขยายผลจากธุรกิจที่เริ่มปรับตัวแล้วจุดประกายให้ธุรกิจอื่นๆ ทำตาม และผลักดันให้สถาบันการเงินออกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์การปรับตัวของลูกค้ามากขึ้นอีกด้วย
ธปท.กับการขับเคลื่อนภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน
สำหรับหัวข้อสุดท้ายคุณรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวถึงเส้นทางของธปท. ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนภาคการเงินเพื่อความยั่งยืนเพิ่มเติมเอาไว้ว่า การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ได้กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก การเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามแนวคิดทุนนิยมในอดีตไม่ได้ตอบโจทย์ในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกต่อไป ภาคการเงินจึงจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดสรรเงินทุนและผลักดันภาคธุรกิจให้มุ่งสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยคำนึงถึงผลในระยะยาวและประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม
ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงเริ่มต้นการเดินทางสู่ความยั่งยืนตั้งแต่ปี 2018 ผ่านการจัดงาน “Bangkok Sustainable Banking” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาแบ่งปันประสบการณ์ในเรื่อง ESG (Environmental, Social, Governance) ให้กับบอร์ดและ CEO ของธนาคารในไทย จากนั้นในปี 2019 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลงนามใน MOU เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืน
ต่อมาในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปรับตัวสู่ Green Economy และได้ออก Green Direction Paper ในปี 2022 เพื่อวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในประเทศ
และเพื่อให้มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น โครงการ “Financing the Transition” ที่เกิดขึ้นในปี 2023 นี้ จึงได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ทั้ง 8 แห่ง โดยเน้นการสนับสนุน SME ในการปรับตัวจากเศรษฐกิจ Brown สู่การเป็น Less Brown โครงการนำร่องที่เริ่มต้นร่วมกับธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เน้นการสนับสนุนสินเชื่อในภาคอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น การลดการเผาอ้อยและการจัดการ PM 2.5 ในภาคการเกษตร
การขยายผลจากโครงการนำร่องนี้ จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจ เพื่อให้ SME สามารถปรับตัวและแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้และความช่วยเหลือในด้าน Know-How นอกเหนือจากการสนับสนุนทางการเงิน
ท้ายที่สุด ธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนภาคการเงินสู่ความยั่งยืน โดยจะยังคงพัฒนาและปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
What? Why? How? “ดร.ธัชพล โปษยานนท์” ชี้เป้าปรับแนวรบกันภัยไซเบอร์ยุค AI Security
OR เปิดตัว “ศูนย์ฝึกอบรมการขจัดคราบน้ำมันรั่วไหล OR”