สินค้าราคาถูกจากจีนรุกเข้ามาทำตลาดในไทยมานานแล้ว ก่อนทวีความเข้มข้นเมื่อลาซาด้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแถวหน้าจากจีนเข้ามาตั้งสาขาในไทยเมื่อปี 2555 ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยเริ่มรับรู้ถึงผลกระทบจากสินค้าจีน และพยายามส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาดูแลบ้าง จนเป็นข่าวใหญ่ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ตอนนั้นข้อเรียกร้องหลักของผู้ประกอบการไทยคือให้เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าราคาไม่เกิน 1,500 บาทที่สั่งซื้อจากต่างประเทศ จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (สินค้าราคาต่อชิ้นไม่เกิน 1,500 บาทจากต่างประเทศได้รับยกเว้นภาษีขาเข้าตามระเบียบขององค์การศุลกากรโลก จึงไม่มีฐานในการคำนวนภาษีมูลค่า) ขณะที่ผู้ประกอบการไทยต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จนรัฐบาลตัดสินใจเก็บภาษีมูค่าเพิ่มจากต่างประเทศเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แต่ที่สินค้าจีนกลายเป็นวาระร้อนขึ้นมาแบบฉับพลันในช่วงเวลานี้ มาจากหลาย ๆ ปัจจัยผสม ๆ กันแรกสุด คือ มาตรการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าสั่งซื้อจากต่างประเทศ (ราคาไม่เกิน 1,500 บาท) ที่เพิ่งบังคับใช้ได้เดือนเศษยังไม่ส่งผลกระทบกับสินค้าราคาถูกจากจีนมากนัก
ถัดมาเกี่ยวโยงกับสภาพอารมณ์คนไทยที่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับวิธีทำธุรกิจของคนจีน (บางกลุ่ม) เริ่มจากกรณีป้ายโฆษณาภาษาจีนล้วนขนาดใหญ่กลางแยกห้วยขวางชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ ที่ประชาชนคนหนึ่งที่ผ่านไปมาแถวนั้นอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่าว่า ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? ก่อนถ่ายภาพโพสต์ถามประชาคมชาวเน็ตจนกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาและนำไปสู่การตรวจสอบป้ายภาษาจีนล้วนทั่วประเทศ
ตามด้วยข่าวจีนเทาเปิดโรงงานเถื่อนผลิตวัตถุเป็นพิษที่มีให้เห็นต่อเนื่องแบบไม่สนกฎหมายไทย กรณีล่าสุดคือโรงงานเถื่อนที่จังหวัดนครปฐมและสมุทรปราการที่ตำรวจบุกค้นพบ เก็บตะกรันอลูมีเนียมซึ่งเป็นวัตถุอันตราย ข่าวทำนองนี้ยิ่งกวนให้อารมณ์คนไทยขุ่นมัวขึ้นมาอีกระดับ
ปัจจัยถัดมาคือการแห่เข้ามาเปิดร้านค้า ร้านอาหารของคนจีนในหลายพื้นที่ หนำซ้ำคนขายของหน้าร้านของคนจีน (บางแห่ง) ยังเป็นต่างด้าวที่ไม่มีวีซ่าอีกต่างหาก แล้วที่ปลุกเร้าความกังวลของคนไทยต่อการที่สินค้าจีนรุกตลาดไทยคือการมาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก TEMU ที่พร้อมนำส่งสินค้าจีนราคาถูกถึงบ้านคุณ
และปัจจัยท้ายที่สุดคือผลจากสินค้าจีนราคาถูกที่รุกกินตลาดไทยมาระยะหนึ่งเริ่มส่งผลจนผู้ประกอบการเริ่มไปต่อไม่ไหว ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจโตไม่พอแบ่งกันทั้งประเทศ แรงกดดันที่มีต่อผู้ประกอบไทยจึงมากเป็นพิเศษ
ปัจจัยทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเปรียบเหมือนสารกระตุ้นให้คนไทยหันมาสนใจผลกระทบจากการรุกตลาดของสินค้าจีนราคาถูกมากขึ้น สะท้อนจากหลายภาคส่วนออกมาแชร์ ผลกระทบที่ได้รับจากสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาตีตลาดไทยในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ออกให้ภาพสถานการณ์สินค้าจีนตีตลาดสินค้าไทยผ่านตัวเลขดุลการค้า 6 เดือนแรกปีนี้ว่า นับจากเดือนมกราคม-มิถุนายนปีนี้มีการนำเข้า (จากจีน) เพิ่มขึ้นถึง 7.12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มูลค่า 3.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าจากจีนติดลบ 19.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น ซึ่งเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นกว่า 15.66%
ประธานสอท.บอกด้วยว่าตัวเลขขาดดุลการค้ากับจีนดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตจำนวน 23 อุตสาหกรรมจาก 46 อุตสาหกรรมไทยแล้ว โดยที่เพิ่มเข้ามาอีก 2 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมเยื่อกระดาษและอุตสาหกรรมหนัง ขณะที่อุตสาหกรรมรองเท้าระดับการเข้าตีตลาดสินค้านำเข้าจากจีนลดลง
ถัดมา สมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแอร์ยี่ห้อ “ซัยโจเด็นกิ” ออกมายืนยันว่า อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาด
บิ๊กบอส ซัยโจ เด็นกิ ชี้ว่าปัจจุบันเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิตด้านอุปกรณ์ชิ้นที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องปรับอากาศ เช่น คอมเพรสเซอร์ มอเตอร์ พัดลม สายไฟ และอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ปิดกิจการไปแล้วประมาณ 70-90% นับจากปลายปี 2566 ถึงปัจจุบัน ซึ่งบางรายก็เป็นซัพพลายเออร์ให้กับซัยโจเด็นกิด้วยเนื่องจากลูกค้า (ผู้ผลิตแอร์) หันไปซื้อสินค้าจากจีนที่ราคาถูกกวา 20-30%
และก่อนหน้านี้ มติชนออนไลน์ รายงานอ้างแหล่งข่าวจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย แจ้งว่าขณะนี้มีกลุ่มทุนจีนเริ่มเข้ามาตั้งคลังส่งสินค้าและเปิดกิจการขนส่งเองอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับมีสินค้าจากประเทศจีนทะลักเข้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยสินค้าเหล่านั้นมีการใช้รถขนส่งสินค้าของจีนและเกือบทั้งหมดผ่านบริษัทนอมินี
ข่าวเดียวกันนั้นยังอ้างถึง ประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู้ด ที่เปิดเผยว่าการเข้ามาของกลุ่มทุนจีนส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด รวมถึงธุรกิจร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย เนื่องจากทุนจีนที่เข้ามาจะมาทำเองเบ็ดเสร็จเหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญคือมาเที่ยวและมากิน
เธอระบุว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นทำให้กำลังซื้อหายไปราว 50% และมีผลให้ร้านอาหารปิดกิจการไป 50% แต่ก็มีรายใหม่เข้ามา พร้อมกันนั้นได้เรียกร้องให้รัฐสงวนธุรกิจร้านอาหารไว้สำหรับคนไทย เธอกังวลว่าหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะเปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาช้อนซื้อทรัพย์สินโดยเฉพาะจากจีน และยกตัวอย่างย่านรัชดา ห้วยขวางที่มีการเปิดร้านอาหารจีน
ภาครัฐมีการตื่นตัวในประเด็นนี้มากครั้งก่อนมีการประชุมระหว่างกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลคุณภาพอาหารและผลิตภัณฑ์ อย่างสำนักงานอาหารและยา (อย.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เร่งตรวจตราคุณภาพสินค้าราคาถูกจากจีน
ส่วนระดับนโยบายนั้น ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมต.ว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวปัญหาสินค้าจีนทุ่มตลาดและมาตการช่วยเหลือภาคเอกชนว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งเฉย แต่จะไม่ห้ามนำเข้าเพราะจะส่งผลข้างเคียงมาก แต่จะใช้มาตรการที่อยู่ในพันธกรณีตอบโต้รุกตามกฎหมายที่มีอยู่ และใช้กับทุกประเทศเหมือนกัน
พร้อมชี้แนะว่า “เรา (ผู้ประกอบการทั้งหลาย) ต้องเน้นทำให้สินคัาไทยดีเป็นที่ยอมรับ จะต้องพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น เพื่อให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก” ภูมิธรรมยังโพสต์ถึงการมาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิรซ์ TEMU ว่าเป็นทั้งโอกาสและการความท้าทายของเอสเอ็มอีไทย
สรุปว่าตอนนี้รัฐบาลรับมือกับสินค้าจีนราคาถูกปิดล้อมตลาดไทยด้วยมาตรการนุ่มนวล เริ่มจากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับคุณภาพสินค้า คอยตรวจตราสินค้าจีน ส่วนมาตรการที่อยู่ในพันธกรณีคงต้องรอแบบไม่มีกำหนด เพราะการเมืองเข้าสู่ภาวะสุญญากาศชั่วขณะ หลังศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ เศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ระหว่างนี้ผู้ประกอบการคงต้องพึ่ง ยาดม หงส์ไทย ให้หายมึนกับสถานการณ์ไปพลางก่อน
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน