Share on
×

Share

เปิดมุมมองผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กล้าคิดใหญ่และทำจริง จากงาน Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 5

บิทคับ จัดงาน Bitkub Meetup 2024 ครั้งที่ 5 ชวนผู้ประกอบการถ่ายทอดเส้นทางสู่ความสำเร็จ ผ่านการเสวนาในหัวข้อ The Next-Gen Rising Star โดยนักธุรกิจดาวรุ่ง ที่เริ่มต้นทำธุรกิจจากความชอบ ความเชื่อ และความกล้า จนนำมาสู่การสร้างเป้าหมายในการไปสู่สายตาชาวโลกด้วยเทคโนโลยี อาทิ ซีเค เจิง, CPA – CEO of Fastwork, ซารต์ และ กานต์ 21Sunpassion Company Limited และระริน และ นที Guss Damn Good Co.,Ltd. ร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์

Bitkub Meetup รวมผู้ประกอบการ 3 Gen ชั้นนำของไทย เตรียมจัด Bitkub Summit 2024 ตุลาคมนี้

Fastwork ‘ความเชื่อ = โอกาส’

ซีเค เจิง, CPA – CEO of Fastwork เล่าว่า Fastwork ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากผู้ก่อตั้ง 3 คน ร่วมทุนกันในมูลค่า 250 ล้านบาท และเข้ามาลงทุนในประเทศไทยปี 2018 ต่อมาในปี 2019 สูญเสียเงินลงทุนไปมหาศาล ทำให้เข้าสู่สถานการณ์ที่เริ่มวิกฤติ เนื่องด้วยประสบกับปัญหาโควิด-19 ผู้ร่วมทุนในตอนนั้นไม่มีใครเข้ามาดูแล เพราะต่างมองหาความมั่นคง ซึ่งสิ่งที่ทำอยู่ไม่ตอบโจทย์ เลยดึงตัวซีเคเข้ามาดูแลบริษัท และมอบหมายให้เพียงโจทย์เดียวเท่านั้นคือ ต้องขายธุรกิจให้ได้ ต่อมาในปี 2020 CK เข้าไปพูดคุยกับนักลงทุนหลาย ๆ คน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ นับเป็นช่วงเวลาที่หนักหน่วงที่สุดของ Fastwork เพราะเหมือนทุกอย่างที่ทำมากำลังจะถูกยกเลิก

ซีเคเล่าว่า “ตอนนั้นเรียกได้ว่า ทั้งบริษัทมีแค่ผมคนเดียว สิ่งที่ชนะใจของผมมากที่สุดคือทีมงานข้างใน เป็นบทเรียนทำให้เรียนรู้หลาย ๆ อย่างว่า หลายคนคิดว่าคนที่รักบริษัทคือคนที่ถือหุ้น คนที่รักบริษัทคือคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่สิ่งผมเห็นมันไม่ใช่ คนที่รักบริษัทที่สุดคือพนักงานในตอนนั้น”

Fastwork ในตอนนั้น สามารถไปต่อได้เพราะมีพนักงานที่รักบริษัท ซีเคจึงตัดสินใจซื้อบริษัทนี้ในราคา 10 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นผู้ถือหุ้น 100% ของ Fastwork ที่มีฟรีแลนซ์ 300,000 ราย ลูกค้า 3,000,000 ราย และกำลังบุกอยู่ 3 ประเทศ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ซีเคกล่าวว่า “ข้อสำคัญของผู้ประกอบการคือ ในวันที่ไม่มีใครเชื่อคุณ ในวันที่ไม่มีใครเชื่อธุรกิจ ในวันที่ทุกคนคิดว่าธุรกิจนี้ไม่สามารถไปต่อได้ แต่ถ้าคุณยังเชื่อนั่นคือโอกาส”

21Sunpassion ‘เริ่มต้นให้ได้ แล้วลุยต่อให้สำเร็จ’

ซารต์ และ กานต์ 21Sunpassion Company Limited เริ่มต้นธุรกิจ จากเงินเก็บที่ทำ YouTube โดยนำเงินทั้งหมดมาลงทุนกับธุรกิจทั้ง Bearhouse และ Sunsu ในตอนนั้นมีรายได้จาก YouTube และสปอนเซอร์หลักล้านต่อเดือน นับเป็นจุดสูงสุดของช่อง

ในส่วนของ Bearhouse เกิดจากการได้ไปเที่ยวต่างประเทศ บวกกับเป็นคนที่ชอบทานชานม และรู้สึกว่าประเทศไทยยังไม่มีรสชาติที่ตัวเองได้มาทานที่ต่างประเทศ จึงตั้งใจตั้งแบรนด์กันเอง โดยระยะกำหนดเวลาไว้ 4 เดือน ที่จะสร้างธุรกิจร้านชานม ปรากฎว่าผ่านไป 4 เดือน ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

“ซารต์ไปมัดจำที่ สำหรับตั้งร้านสาขาแรกที่สยามไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็เปิดร้านไม่ทัน เพราะยังคิดสูตรยังไม่เสร็จ”

ซารต์ กล่าวว่า “เมื่อมองย้อนกลับไปวันนั้น ถ้าตอนนั้นไม่ไปมัดจำ คงไม่ได้เปิดแบรนด์แบร์เฮาส์ แล้วก็คงไม่มีวันนี้”

จากจุดเริ่มต้นของการทำ YouTube ทำให้ Bearhouse ได้ฐานลูกค้ามาจากฐานคนดู เปลี่ยนคนดูให้เป็นคนซื้อ ปัจจุบันร้านชานม Bearhouse มี 36 สาขา และมี      แบรนด์ Sunsu ที่มีสินค้าหลักออกมาจำหน่ายคือ เยลลี่ และหมึกกรุบ

Guss Damn Good ‘Story to Flavor ทุกรสชาติมีเรื่องราว’

Guss Damn Good เป็นแบรนด์คราฟต์ไอศกรีมที่ปัจจุบันมี 16 สาขา โดยเริ่มต้นจากตอนที่ ระรินและนที เรียน MBA ที่บอสตัน ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองนี้เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวมาก แต่ผู้คนก็ทานไอศกรีมเยอะมาก ติด top 10 ของที่อเมริกา มีร้านไอศกรีมดี ๆ เยอะ

หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไอศกรีมที่เมืองไทยจะเน้นความแฟนซีด้วยท็อปปิ้ง น้ำแข็งแห้ง แต่ที่บอสตันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไอศกรีมถือเป็น ฮีโร่ ที่ดูภายนอกเรียบง่ายแต่รสชาติตราตรึง ด้วยของที่มีคุณภาพ และวัตถุดิบที่ทำเอง ซึ่งเรียกว่า “คราฟต์ไอศกรีม” ระริน รู้สึกว่าคำนี้มีเสน่ห์ และมีจุดร่วมกับคุณนทีที่ชอบทานไอศกรีม

หลังเรียนที่บอสตันมักจะไปนั่งที่ร้านไอศกรีม และพบว่าแม้อากาศจะหนาวแค่ไหนคนก็ยังคงต่อแถวเพื่อทานไอศกรีม ทำให้ได้พบว่า “การทานไอศกรีมทำให้เขาคิดถึงบรรยากาศในช่วงหน้าร้อน คิดถึงแสงแดด” 

ทุกรสชาติของ Guss Damn Good ใช้หลักการ “Story to Flavor ทุกรสชาติมีเรื่องราว เรื่องราวคราฟต์มาเป็นความรู้สึก จากความรู้สึกมาเป็นรสชาติ”

ตอนแรกตั้งชื่อแบรนด์ว่า Guss ice cream เพราะอยากจะมีร้านไอศกรีมให้ผู้คนได้พบปะกัน โดยใช้ไอศกรีมเป็นสื่อกลาง เมื่อกลับมามาเมืองไทยช่วงที่เริ่มทำสูตรเพื่อนชิมแล้วอุทานออกมาว่า “Guss Damn Good” จึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน เพราะอยากจะทำให้คนรู้สึก Damn Good กับทุกอณูของ Guss Damn Good ซึ่งเป็นคำที่พลังและเข้าถึงได้ง่าย

Key Success จากการลองผิดลองถูก ที่ถูกจังหวะ

กล้าที่จะออกจากเซฟโซน กล้าที่จะลงทุน กล้าที่จะล้มเหลว

กานต์ จาก 21Sunpassion กล่าวว่า “Key Success ของเราคือ กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะออกจากเซฟโซน กล้าที่จะลงทุน กล้าที่จะล้มเหลวให้มากที่สุด” ย้อนกลับไปในวันที่เริ่มทำ YouTube ได้เริ่มทำตั้งแต่คนยังไม่เข้าใจการเป็น Youtuber ซึ่งเหมือนกับในวันที่เริ่มต้นธุรกิจ แทนที่จะเก็บเงินแล้วอยู่เฉย ๆ จึงลองกระโดดเข้าไปทำ และกว่าจะถึงวันนี้ก็ล้มเหลวมาสมควร

ยิ่งใครว่าไม่เวิร์ก ยิ่งต้องลองเสี่ยง

หากมองที่ธุรกิจไอศกรีมหลายคนมองว่าจำเป็นต้องสวย ต้องแต่งหน้าเยอะ ๆ ถ่ายรูปออกมาดูดี แต่แบรนด์มีความตั้งใจที่จะทำไอศกรีมลูกกลม ๆ ธรรมดา ซึ่งในตอนนั้นคนรอบข้างต่างบอกว่าไม่เวิร์ก

นทีกล่าวว่า “ถ้าคนบอกว่ามันไม่เวิร์ก เราน่าลองเสี่ยงดู” เพราะไอศกรีมต้องเป็น ฮีโร่ เท่านั้น ไม่อยากให้ตัวอื่นมาดึงความสนใจ กลบรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ตั้งใจปั้นขึ้นมา Key Success อีกข้อคือ ไอศกรีมสามารถสื่อความรู้สึกได้ ทำให้ลูกค้ารับรู้ถึงแก่นที่ แบรนด์ตั้งใจส่งไปถึงลูกค้า เป็นสื่อที่แสดงถึงเรื่องราวให้ชวนนึกถึง พูดคุย และน่าค้นหาอยู่เสมอ

ไม่พยายามมองหาทางลัด

การนำจุดแข็งของการเป็นนักลงทุนกว่า 17 ปี มาสวมหมวกนักธุรกิจที่พยายามคิดตลอดว่า “ถ้าตัวเองเป็นนักลงทุน อยากให้ธุรกิจไปไหนทิศทางไหน” โดยที่ไม่พยายามมองหาทางลัด เพราะการตลาดที่ดี่ที่สุดคือการตลาดที่ไม่ต้องจ่ายเงิน และต้องมองผลในระยะยาว ไม่ทำในสิ่งที่เห็นผลรวดเร็วแต่ไม่ยั่งยืน

มุมมองของเทคโนโลยีกับการพัฒนาธุรกิจ สู่เป้าหมายในอนาคต

ซารต์ และ กานต์ เริ่มนำ AI มาใช้ในการทำงาน มาช่วยแก้ไขปัญหาและลดค่าใช้จ่าย โดยได้มีการลงทุนใน AI เพื่อ forecast สินค้าทั้งเข้าหน้าร้านและสำหรับการผลิต เพื่อประหยัดเวลาในการทำงานและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และอีกสิ่งที่สำคัญคือ การที่องค์กรจะยั่งยืนได้วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยได้ลงทุนกับวัฒนธรรมในช่วง 2 ปีแรกที่เปิดบริษัท ในการซื้อระบบและโปรแกรมต่าง ๆ แยกเครื่องมือการทำงานกับเครื่องมือส่วนตัวออกจากกัน ให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองมี work life balance ทำงานตามที่รับมอบหมายได้อย่างรวดเร็ว

เป้าหมายที่ตั้งไว้ คือการไปเปิดสาขาที่ต่างประเทศ และมีแฟรนไชส์ทั่วโลก ให้คนทั้งโลกได้ทานซึ่งเป็นความตั้งใจตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ และจำทำจนกว่าจะสำเร็จตามที่ตั้งไว้ โดยในตอนนี้เริ่มมีการส่งออกไปยังต่างประเทศแล้ว

ระริน และ นที กล่าวว่า ธรรมชาติของ Guss Damn Good ที่มีความอาร์ตอยู่ในตัว การใช้เทคโนโลยีจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จึงมีการใช้หลัก Bottom up อย่างการพูดคุยเรื่องกลยุทธ์ เป้าหมาย วางแผนจะใช้คนในการพูดคุย แต่ Top down ในการดูและองค์กรและพนักงานจะใช้เทคโนโลยีในการดูแลจัดการ เรื่องของ operation ส่วนใหญ่ผ่าน Discord ในการสร้างกลุ่มพูดคุยงาน อนุมัติงาน ซึ่งเป็นโปรแกรมที่พนักงานรุ่นใหม่คุ้นเคยอยู่แล้ว

สิ่งที่อยากให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย Guss Damn Good คือ เรื่องการเงิน บัญชีต่าง ๆ ที่ดูได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งทุกอย่างต้องเชื่อมต่อกันตั้งแต่หน้าร้านจนถึงหลังบ้านและในตอนนี้อยู่ช่วงพัฒนา

เป้าใหญ่ที่อยากไปให้ถึงคือ Guss Damn Good เป็นคนเปิดสวิตซ์ความรู้สึกที่ดีให้กับทุกคนผ่านไอศกรีม ให้ในทุกๆที่มี Guss Damn Good อยู่ด้วย และจะเป็นบริษัทที่ไปได้ไกลกว่าเดิม

ซีเค กล่าวว่า ตอนนี้เวทมนต์ใหม่ของโลกคือ AI โลกเราตลอดเวลาที่ผ่านมาเราหา S Curve ใหม่เจอแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่หน้าตื่นเต้นสำหรับประเทศไทย แต่มีจุดอ่อนอย่างเดียวคือภาษาอังกฤษ ในการสร้างงาน สร้างอาชีพ

“ผมสามารถปลดล็อกตรงนี้ได้แล้วด้วย AI ผมจะทำให้การพูดคุยสื่อสารระหว่างฟรีแลนซ์กับผู้จ้างคุยกันได้เข้าใจทุกภาษา” Fastwork จะสามารถแปลได้ทันที ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการบริการ จึงอยากจะส่งออกบริการของไทยออกไปทั่วโลก นำรายได้เข้ามาสู่ประเทศไทยและกระจายไปสู่ฟรีแลนซ์หลายล้านหลายทั่วประเทศ

ตั้งเป้าหมายเป็นตัวอย่างของคนไทยที่ไปบุกโลก โดยได้เริ่มไปบุกที่ประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อจะทำให้เห็นว่า Fastwork เป็นของคนไทยแล้วมีคนต่างชาติใช้ ทำให้คนทั้งโลกมาจ้างคนไทยกลายเป็น Soft power ซีเคกล่าวว่า “สุดท้ายผมเปลี่ยนประเทศไทยคนเดียวไม่ได้หรอก ผมต้องการหลาย ๆ คน กล้าคิด กล้าฝัน กล้าลงมือทำ จริงๆ เราไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดในโลก”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“ดร.กอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร” จากเด็กติดเกม สู่นักพัฒนา AI แห่ง iApp Technology

CHANGAN ประเทศไทย ครบรอบ 1 ปี เตรียมเปิดตัว AVATR และ DEEPAL E07 ปลายปีนี้

×

Share

ผู้เขียน