Share on
×

Share

4 เทรนด์สำคัญกำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทย พร้อมเผยทักษะ “5 อวัยวะ” ที่ผู้นำยุคใหม่ต้องมี

โลกในปัจจุบันกำลังเผชิญหน้ากับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่หลังสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ทิ้งร่องรอยไว้บนเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนทั่วโลก ในหนังสือ “Tweet and Turn” มีการเปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่า คล้ายกับพล็อตเรื่องที่ไม่รู้จะจบลงอย่างไร เช่นเดียวกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง วิกฤติต่าง ๆ กลายเป็นบททดสอบว่าภาคธุรกิจจะปรับตัวและอยู่รอดได้หรือไม่

ดร.สันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้าน Future Economy TDRI และกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มาเจาะลึกถึงประเด็นใหญ่ ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกและผลกระทบต่อธุรกิจรวมถึงเศรษฐกิจไทย พร้อมแนวทางในการปรับตัวเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในงาน CTC CREATIVE BUSINESS AWARDS 2024 เกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจ อันได้แก่ Demographic การเข้าสู่สังคมสูงวัย, Geopolitics การเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในภูมิประเทศไทย, Sustainability ความยั่งยืนในธุรกิจในยุคใหม่ และ AI การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี แนวแนวทางการรับมือของเจ้าของธุรกิจในการปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

4 เทรนด์สำคัญ กำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทย

ยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจของไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยที่ท้าทายมากมาย ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก ความต้องการความยั่งยืน และการเข้ามาของเทคโนโลยี AI ที่กำลังพลิกโฉมทุกวงการ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึง 4 เทรนด์สำคัญที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและอนาคต

1) Demographic การเข้าสู่สังคมสูงวัย

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน วัยทำงานอย่าง Gen X และ Gen Y หรือที่เราเรียกว่า “Gen เดอะแบก” กำลังแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรแรงงานหดตัวลงเรื่อย ๆ ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่เพียง 3% เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเติบโตสูงกว่า เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังส่งผลต่อการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศที่ลดลง อีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาคือการนำเข้า Talent จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นสะท้อนถึงความต้องการแรงงานทักษะสูงในตลาดที่คนไทยไม่สามารถตอบสนองได้เพียงพอ การนำเข้ากลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาทำให้ธุรกิจสามารถขยายตัวได้ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการบริหารจัดการที่ทันสมัยขึ้น แต่ในอีกมุมการมีแรงงานต่างชาติเข้ามาอาศัยในไทยกลัส่งผลเชิงบวก เช่น การบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนเหล่านี้ ธุรกิจในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่มุ่งเน้นไปยังชาวต่างชาติก็ได้รับอานิสงส์เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะการอยู่อาศัยและการลงทุนจากชาวต่างชาติกลายเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

2) Geopolitics ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์

Geopolitics ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ และจะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มนักลงทุนเริ่มเคลื่อนย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศที่มีความขัดแย้งสูงมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ เช่นการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น Solar Panel และ Data Center แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนที่ทะลักเข้ามาในตลาดไทยเนื่องจากจีนต้องระบายสินค้าเหล่านั้นออกไปต่างประเทศ แต่จะส่งออกไปทางยุโรปก็มีการตั้งกำแพงภาษี จึงเริ่มส่งมายังประเทศที่มีกำแพงภาษีต่ำหรือไม่ตั้งกำแพงภาษีเลยอย่างประเทศไทย กลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องหาทางต่อสู้กับสินค้าที่มีราคาต่ำและคุณภาพที่แตกต่าง

3) Sustainability ความยั่งยืน

Sustainability หรือความยั่งยืนเป็นเทรนด์ระยะยาวที่ไม่ควรมองข้าม ความยั่งยืนกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจทั่วโลก การลงทุนใน Green Capital และนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นแรงผลักให้ธุรกิจต้องปรับตัวสู่การดำเนินงานสีเขียว เช่น การมุ่งสู่ Net Zero ขององค์กรใหญ่ๆ ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายหลักของหลายองค์กร นอกจากนี้ การเติบโตของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจไทยในการสร้างความแตกต่างจากสินค้านำเข้าจากจีน แต่ความท้าทายที่เกิดขึ้นคือ ไม่ใช่ผู้บริโภคทุกคนที่จะยอมจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้ารักษ์โลก ดังนั้นเป็นหน้าที่ของธุรกิจต้องใช้ความ Creativity ในการหาทางสร้างความคุ้มค่าและจูงใจให้ลูกค้ายอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อ

4) AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดงาน เมื่อก่อนเทคโนโลยี AI ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปัจจุบันนี้กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเมื่อถูกนำมาใช้ใน “งานสร้างสรรค์” และงานที่ต้องใช้ความคิดนอกกรอบ AI ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างนวัตกรรม ตลาดงานในอนาคตจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มคนที่สามารถใช้งาน AI ได้และกลุ่มคนที่ใช้งานไม่เป็น ซึ่งผู้ที่ใช้งาน AI อย่างเชี่ยวชาญจะกลายเป็นผู้ชนะในโลกธุรกิจ การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในองค์กรช่วยสร้าง Workflow ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ทักษะ 5 อวัยวะ หัวใจสำคัญของผู้นำยุคใหม่

ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องมีทักษะที่สามารถปรับตัวและนำพาทีมงานให้ผ่านพ้นความท้าทายต่าง ๆ การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่การสั่งการหรือควบคุมองค์กร แต่ต้องสามารถมองเห็น เข้าใจ และคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ ทักษะที่เรียกว่า “5 อวัยวะ” จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของผู้นำยุคใหม่ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาแต่ยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ ได้แก่

  1. ตา : มองเห็นเทรนด์และสถานการณ์ธุรกิจอย่างทะลุปรุโปร่ง เหมือนต้องดับไฟทุกวัน การเป็นผู้นำต้องถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อมองภาพรวมและคาดการณ์ว่าโลกจะเปลี่ยนไปทางไหน การมองเห็นแนวโน้มธุรกิจช่วยให้สามารถปรับตัวและวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที
  2. หู : การรับฟังด้วยความเข้าใจ (Empathy) ไม่เพียงรับฟังแค่เสียงจากในองค์กรเท่านั้น แต่ยังต้องฟังเสียงจากลูกค้าและคู่แข่งเพื่อเข้าใจปัญหาและโอกาสที่แท้จริง การรับฟังแบบนี้จะช่วยให้ผู้นำสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและไม่พลาดโอกาสสำคัญ
  3. จมูก : คล้ายกับการดมกลิ่นที่ทะแม่ง ๆ จากสัญญาณเล็ก ๆ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ การตัดสินใจร่วมงานกับพันธมิตรหรือเลือกลงทุนจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน บางครั้งสิ่งที่ดูดีจากภายนอกอาจซ่อนปัญหาภายในที่สามารถพาธุรกิจไปสู่ความล้มเหลวได้
  4. ปาก : การสื่อสารที่ชัดเจนและมีวิสัยทัศน์ การสื่อสารกลยุทธ์และทิศทางขององค์กรให้ชัดเจนช่วยสร้างความเชื่อมั่นและทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจเป้าหมายและทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
  5. ใจ : ใจที่นิ่งและมั่นคงเป็นสิ่งที่ช่วยในการตัดสินใจอย่างไม่มีอคติ ไม่มีอีโก้ การตัดสินใจที่ชัดเจนและมีเหตุผลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะนำไปสู่การเลือกทางที่ถูกต้องและลดความผิดพลาด

Creativity กุญแจสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ

ดร.สันติธาร ย้ำว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ เพราะความครีเอทีฟไม่ได้จำกัดอยู่ในงานศิลปะเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้ในทุกมุมขององค์กร ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 มิติ ได้แก่

  1. Connect the dots – การเชื่อมโยงสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ความสามารถในการมองเห็นสิ่งที่แตกต่างและนำมารวมกันจะทำให้เกิดนวัตกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ต้องระวังไม่ให้โยงสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องจนเกิดเป็นความมโนที่ผิด
  2. การแยกแยะ – ทักษะในการแยกแยะของที่คล้ายกันเพื่อค้นหาความจริง สิ่งไหนถูก ผิด หลอกลวง หรือจริงใจ การแยกแยะอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้นำสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลเท็จ
  3. มองให้ออกว่าอะไรสำคัญ – การระบุว่าสิ่งใดคือพระเอกและสิ่งใดคือตัวสำรองจะช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นที่แก่นแท้ของธุรกิจ การมีจุดยืนและเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
  4. มองการณ์ไกลไปถึงอนาคต – การจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและวางแผนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้นำ การคาดการณ์อนาคตช่วยให้ธุรกิจอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและเติบโตได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา การมีทักษะการมองเห็นและรับฟังเทรนด์จะช่วยให้ผู้นำสามารถนำพาองค์กรให้เติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง ความคิดสร้างสรรค์ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความแตกต่างและโอกาสใหม่ ๆ การสนับสนุนให้เกิดมุมมองที่หลากหลายและการรับมือกับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้องค์กรพร้อมเผชิญหน้ากับอนาคตได้อย่างมั่นคง สำหรับผู้ประกอบการไทย สิ่งสำคัญคือการเปิดรับและส่งเสริมความหลากหลายของมุมมองเพื่อให้เห็นถึงโอกาสและความท้าทายที่ซ่อนอยู่

ดร.สันติธาร ฝากสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทยไว้ว่า Creativity นั้นเกิดได้จากการมองของเดิมในมุมที่แตกต่างจากเดิม เพราะฉะนั้นในทุกองค์กรควรสนับสนุนการสร้างมุมมองที่แตกต่างเพื่อจะทำให้ธุรกิจได้เห็นโอกาสใหม่ ความเสี่ยงใหม่ หรือคู่แข่งที่มองไม่เห็นได้ในอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Depa กางแผนปี 68 ทุ่ม 1,800 ล้านบาท ยกระดับทักษะดิจิทัลคนไทยทั้งประเทศ – หนุนดีปเทค สตาร์ตอัพ

จาก League of Legends สู่ VALORANT ความสำเร็จของ Riot Games

AI for All Thais: ไมโครซอฟท์ ประกาศสร้างทักษะ AI ให้คนไทย

×

Share

ผู้เขียน