Share on
×

Share

ออกแบบอย่างแคร์เมือง: ผู้เชี่ยวชาญถกแนวทางพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในประเทศไทย

เสวนาซีรีส์ “City that cares” ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) อภิปรายเรื่องการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบแสงสว่าง และการก่อสร้างมาร่วมกันแบ่งปันมุมมอง โดยเป้าหมายเพื่อหารือถึงความท้าทายและโอกาสในการสร้างพื้นที่สาธารณะที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

วิชัย รายรัตน์ เลขาธิการเครือข่ายความร่วมมือองค์กรธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (CECI) กล่าวถึงความสำคัญของการอัปไซเคิล (upcycle) และการก่อสร้างอย่างยั่งยืน โดยเน้นความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่เจ้าของโครงการ สถาปนิก ไปจนถึงผู้จัดการขยะ

วิชัยยังชี้ให้เห็นว่าธุรกิจก่อสร้างเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูง และเราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการก่อสร้างเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พูดถึงความสำคัญของการออกแบบที่ทุกคนมีส่วนร่วม โดยยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นที่มีกระบวนการออกแบบพื้นที่สาธารณะอย่างจริงจัง ทั้งการจัดเวิร์คช็อปและการทดลองใช้โดยผู้พิการทางสายตาและผู้ใช้วีลแชร์ ทั้งนี้ เธอชี้ว่าประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายในการนิยามและรักษาพื้นที่สาธารณะ ซึ่งหลายพื้นที่ถูกใช้ในวัตถุประสงค์อื่น เช่น เป็นที่จอดรถ ทำให้พื้นที่สาธารณะลดน้อยลง

แสงสว่างและพื้นที่สาธารณะ

ผศ.ดร.จรรยาพร สไตเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรมการส่องสว่าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้กล่าวถึงบทบาทของแสงสว่างในงานออกแบบพื้นที่เมือง เธออธิบายว่าแม้เทคโนโลยีด้านแสงสว่างจะพัฒนาไปมาก (จากหลอดไส้สู่ LED) แต่คุณภาพแสงในพื้นที่สาธารณะยังคงต้องปรับปรุง และการให้แสงที่มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหามลพิษทางแสง

ดร.จรรยาพร ยกตัวอย่างสถานที่ในต่างประเทศ เช่น สถานีรถไฟ King’s Cross ในลอนดอน ที่แสงสว่างถูกออกแบบให้สวยงามและปลอดภัย ในขณะที่ประเทศไทย การจัดแสงในที่สาธารณะยังขาดการวางแผนที่คำนึงถึงความงามและประโยชน์ใช้สอย

บทบาทของพื้นที่สีเขียว

ผศ.ปาณิทัต รัตนวิจิตร หัวหน้าฝ่ายหลักสูตรฝึกอบรมและการวิจัย กลุ่ม We!Park ได้พูดถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของพื้นที่สีเขียวในแผนพัฒนาเมือง เขาอธิบายว่าพื้นที่สีเขียวไม่เพียงแค่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาเกาะความร้อนเมือง และมลพิษทางอากาศ แต่ยังช่วยพัฒนาเมืองให้เป็นที่น่าอยู่มากขึ้นอีกด้วย

We!Park ได้สร้างแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่สีเขียวที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ผศ.ปาณิทัต ยังกล่าวถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชนและการดำเนินการที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ แต่สามารถสร้างผลกระทบใหญ่ให้กับเมือง

อนาคตของการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืน

งานเสวนาปิดท้ายด้วยข้อเรียกร้องให้มีการออกแบบเมืองอย่างบูรณาการ ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องว่าการออกแบบพื้นที่สาธารณะในประเทศไทยควรเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนเพื่อให้เกิดการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและครอบคลุม นอกจากนี้ ยังมีการเน้นย้ำถึงการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์การออกแบบใหม่ ๆ มาช่วยแก้ปัญหา เช่น การจัดการแสงสว่างและการติดตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ทันที

กิจกรรม “เมืองที่แคร์” นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการพัฒนาเมืองที่น่าอยู่ สีเขียว และยั่งยืน โดยที่พื้นที่สาธารณะไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความงดงามให้กับเมืองเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“การกินเพื่อกู้โลก” แนวคิดการบริโภคอย่างยั่งยืน เป็นไปได้จริงหรือ?

“Better Mind,Better Bangkok” ปี 3 มัดรวมเครื่องมือฮีลใจให้คนไทย 6 ต.ค. นี้ พบกันที่สามย่านมิตรทาวน์

×

Share

ผู้เขียน