กรีน เยลโล่ ผู้ลงทุนและดำเนินงานด้านการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ จัดพิธีเปิดโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PPA) กับ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เพื่อลงทุน ติดตั้ง และดูแลระบบโซลาร์เซลล์ขนาด 3.2 MWp ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นับเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงานทุกแห่งของเนสท์เล่ ในประเทศไทย ความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนของเนสท์เล่ ผ่านความร่วมมือกับ กรีน เยลโล่ ในการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตของบริษัท
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นก้าวแรกของการเดินหน้าโครงการนวัตกรรมด้านพลังงาน เป็นการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ทั้งแบบบนพื้นดินและบนอาคารจอดรถ ที่โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ ในจ.พระนครศรีอยุธยา แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการติดตั้งและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ในปัจจุบัน
ด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาด 3.2 MWp โครงการโซลาร์เซลล์นี้จะสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ถึง 4.5 GWh ต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 2,000 ตันต่อปีตลอดระยะเวลา 20 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของ กรีน เยลโล่ และเนสท์เล่ ในการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน และบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปีพ.ศ. 2593
แฟรงค์ คลุค ซีอีโอกรีน เยลโล่ ในประเทศไทยและเอเชีย กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมด้านความยั่งยืนในภูมิภาค และในฐานะผู้นำโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด กรีน เยลโล่ มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ซึ่งโครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา”
ฟิลิปป์ เกลาเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเทคนิคและอุตสาหกรรมการผลิต เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าว “เนสท์เล่มุ่งใช้พลังงานทดแทน 100% ในโรงงานผลิตทุกแห่งภายในปี พ.ศ. 2568 การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำดื่มในครั้งนี้ จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมความอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรม นอกจากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนแล้ว เนสท์เล่ยังได้ดำเนินโครงการประหยัดพลังงานอื่น ๆ อีกหลากหลายโครงการ ซึ่งรวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่มีอยู่ และการออกแบบกระบวนการผลิตเพื่อให้ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น”
โลกจะรับมือความเสี่ยงใน 6 ปีข้างหน้านี้อย่างไร เปิดมุมมอง 4 ผู้นำกับวิสัยทัศน์ช่วยสร้างโลกให้ยั่งยืน
