Share on
×

Share

DR “SP50001” เปิดโอกาสนักลงทุนไทยสู่การลงทุนในดัชนีระดับโลก S&P 500

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจเมื่อออกไปลงทุนต่างประเทศเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากเป็นตลาดหุ้นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนราว 40% ของตลาดหุ้นโลกในแง่มูลค่าตลาด และยังเป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำที่มีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งอาจหาได้ยากในตลาดหุ้นไทย อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีดัชนีชั้นนำให้เลือกลงทุนอ้างอิงที่หลากหลาย ยกตัวอย่าง เช่น ดัชนี S&P 500, Dow Jones Industrial Average และ Nasdaq 100 เป็นต้น ปัจจุบันทางเลือกในการลงทุนต่างประเทศได้เปิดกว้างมากขึ้น โดยมี Depositary Receipts (DR) เป็นเครื่องมือที่สะดวกและมีประสิทธิภาพซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปีนี้

หลักทรัพย์บัวหลวง จึงได้ขยายความร่วมมือกับ Hang Seng Investment Management ผู้ออก ETF ชั้นนำจากฮ่องกง นำ  DR SP50001 เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 นับเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 ผ่าน DR และการเปิดตัว SP50001 ยังทำให้หลักทรัพย์บัวหลวงมี DR ที่ครอบคลุมดัชนีสำคัญของสหรัฐฯ 2 ดัชนี ต่อยอดจาก NDX01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC NASDAQ 100 ETF ที่ลงทุนอิงดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 2565

การลงทุนต่างประเทศผ่าน DR เป็นช่องทางที่สะดวก ง่าย และมีประสิทธิภาพ เนื่องจากนักลงทุนไทยสามารถใช้บัญชีเดียวกับหุ้นไทยและเงินบาทในการซื้อขาย รวมถึง DR ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการ 2 ต่อ เหมือนกับกองทุนรวมต่างประเทศ อีกทั้งผู้ลงทุนยังไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศด้วย โดย SP50001 เป็น DR ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng S&P 500 Index ETF สัญลักษณ์ 3195 เป็น ETF ตัวเดียวในตลาดหุ้นฮ่องกงที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่เป็น ETF ในฮ่องกง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีเวลาเปิดทำการซ้อนทับกับตลาดหุ้นไทยประมาณ 4 ชั่วโมง ทำให้นักลงทุนไทยมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อขาย SP50001 กว้างขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถปรับพอร์ตได้อย่างทันท่วงทีตามสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป

ดัชนี S&P 500 เป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญของโลก เริ่มจัดตั้งในปี 2500 ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ 500 แห่ง และมักถูกใช้ในการสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากครอบคลุมมูลค่าตลาดกว่า 80% ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกทั้งดัชนี S&P 500 ยังได้รับการติดตามอย่างกว้างขวางในระดับโลก เนื่องจากครอบคลุมมูลค่าตลาดหุ้นโลกถึงราว 40% การลงทุนอ้างอิงกับดัชนี S&P 500 เปิดโอกาสการเข้าถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Apple, Microsoft, NVIDIA, Starbucks, Netflix และ Berkshire Hathaway เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีขนาดใหญ่และมีอิทธิพลในหลายอุตสาหกรรม ทั้งยังดำเนินธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีสัดส่วนรายได้นอกสหรัฐฯ เฉลี่ยราว 40% ดังนั้นการลงทุนอ้างอิง S&P 500 ผ่าน SP50001 จึงเสมือนได้กระจายการลงทุนในตลาดรอบโลกด้วย

SP-500-index

ผลตอบแทนของดัชนี S&P 500 เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามอง โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา (ปี 2536-2566) ดัชนีให้ผลตอบแทนรวมประมาณ 10.8% ต่อปี สูงกว่าดัชนีหุ้นโลกอย่าง MSCI World ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.5% ต่อปี และสูงกว่าดัชนี SET ของไทยที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.9% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ S&P 500 ยังเป็นดัชนีที่ยากต่อการเอาชนะ ที่กองทุน active ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ กว่า 94% ยังไม่สามารถเอาชนะได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จึงส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการเป็นดัชนีชี้วัดผลตอบแทนจากการลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffett ยังได้ยกย่องให้การลงทุนใน S&P 500 เป็นทางเลือกที่ดี ด้วยผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและการกระจายความเสี่ยง ทั้งยังเคยแนะนำว่าการลงทุนอ้างอิงดัชนีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงในระยะยาว การลงทุนในอ้างอิงดัชนี S&P 500 จึงเป็นโอกาสที่ดีแก่นักลงทุนไทยที่ต้องการเข้าถึงการลงทุนในดัชนีระดับโลกที่มีผลตอบแทนระยะยาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ รวมถึงยังมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของหุ้นชั้นนำระดับโลกเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันสามารถลงทุนได้สะดวกผ่านตลาดหุ้นไทย ซื้อขายด้วยสกุลเงินบาทผ่าน SP50001 โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ bualuang.co.th/dr

นอกจากนี้ หากนักลงทุนต้องการลงทุนใน SP50001 จำนวนมาก หรือ big lot (ปริมาณซื้อขายมากกว่า 1 ล้านหุ้น หรือ มูลค่าซื้อขายมากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป) ซึ่งมีโอกาสได้ราคาที่ดีกว่าราคาบนกระดานและดำเนินการผ่านผู้ดูแลสภาพคล่องโดยตรง สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 02-618-1999

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

หนึ่งเดียวในตลาดหุ้นไทย “DW01 อ้างอิง SET Index” พร้อมซื้อขายวันแรกแล้ว 19 ส.ค. 67

กระจายพอร์ตลดความเสี่ยงด้านเครดิต พร้อมสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มด้วย FCN

×

Share

ผู้เขียน