Pick Me Please หมูหยองกรอบคั่วเตาถ่านสูตรโบราณ 50 ปี จับใส่แพ็กเกจดีไซน์ คลีน เจาะคนรุ่นใหม่ ปลุกกระแสอาหารที่คนคุ้นเคย ทำตลาดผ่านดิจิทัลคอนเทนต์เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ฐนาพร สุกัญจนศิริ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดีบี ทูเกตเตอร์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารว่างแบรนด์ พิก มี พลีส (Pick Me Please) เล่าถึง เส้นทางแบรนด์สินค้า เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวทำหมูหยองกรอบสูตรคั่วเตาถ่านขายมานานกว่า 50 ปี ด้วยเอกลักษณ์ความกรุบกรอบของเนื้อสัมผัสและความหอมผ่านกระบวนการการคั่วด้วยเตาถ่าน จนทำให้มีรสชาติแตกต่างไปจากหมูหยอง ฝอยเส้นหยองทั่วไป โดยนำสินค้ามาแต่งตัวใหม่บนแพ็กเกจจิ้งที่ดูทันสมัย พร้อมกับตั้งชื่อสินค้าเพื่อขยายตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
“หมูหยองกรอบคั่วเตาถ่าน Pick Me Please เป็นสูตรดั้งเดิมของครอบครัวที่ทำขายในย่านเยาวราชมาก่อน ซึ่งเราเป็นคนรุ่นใหม่มองว่าสินค้ามีโอกาสเติบโตได้อีก จากนั้นได้สร้างแบรนด์พร้อมทำตลาดตั้งแต่ 7 ปีก่อนและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีบน TikTok Shop”
พร้อมเสริมว่า อีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่เป็นจุดตั้งต้นการทำแบรนด์ Pick Me Please คือ ต้องการสร้างสินค้าหมูหยองกรอบคั่วเตาถ่านให้มีคาแรกเตอร์ใหม่ เพื่อหนีไปจากภาพจำเดิมหมูหยองในซองสีแดงที่วางขายทั่ว ๆ ไป จากนั้นจึงเริ่มต้นสร้างเส้นทางการทำตลาดสินค้าผ่านการเล่าเรื่องราวด้วยคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์ Pick Me Please ได้มากขึ้น
พร้อมใช้จุดเด่นสินค้าหมูหยองกรอบคั่วเตาถ่าน Pick Me Please ทั้งด้านเอกสิทธิ์เฉพาะกรรมวิธีการคั่วหมูหยองกรอบด้วยเตาถ่าน การคัดเลือกวัตถุดิบใช้เนื้อหมูไร้มัน เพื่อย้ำตำแหน่งอาหารว่างที่เป็นมิตรกับสุขภาพร่างกาย ฯลฯ มาประกอบการทำตลาดผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ มาสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ หมูหยองกรอบคั่วเตาถ่าน Pick Me Please ยังใช้วิธีการผลิตแบบโบราณ คือ การคั่วบนเตาถ่านด้วยมือไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อให้ได้หมูหยองกรอบคั่วแบบไร้มันจริงๆ ซึ่งหากใช้เนื้อหมู 3 กิโลกรัม จะผลิตสินค้าออกมาได้ราว 1.5 กิโลกรัม จากปัจจุบัน มีกำลังผลิตสินค้าได้ราว 60 กิโลกรัม ต่อวัน หรือเมื่อผ่านกระบวนการคั่วเสร็จสิ้น จะได้สินค้า 30 กิโลกรัมต่อวันนั่นเอง
อาหารว่างระดับคราฟต์ ของแท้เลยทีเดียว
ฐนาพร กล่าวว่า ปัจจุบันหมูหยองกรอบคั่วเตาถ่านทำตลาดทั้งในช่องทางออฟไลน์ วางจำหน่ายทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมในตลาดออนไลน์บนช่องทางขายแลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยจำหน่ายบน TikTok Shop ตั้งแต่ 2 ปีก่อน ซึ่งแบรนด์ Pick Me Please มองว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางการทำตลาดที่น่าสนใจอย่างมากด้วยเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ได้ทุกเพศ วัย ที่ครอบคลุมได้ทั่วประเทศ
สร้างตัวตนให้คนรุ่นใหม่จดจำ
ทั้งนี้ ภายหลังจากการนำแบรนด์ Pick Me Please ทำตลาดบน TikTok Shop ถึงปัจจุบันได้การตอบรับสูงทั้งด้านการรับรู้แบรนด์ ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักแบรนด์ฯ จะเป็น ผู้หญิงวัยทำงานอายุเฉลี่ย 30-55 ปี ที่ต้องการดูแลสุขภาพพร้อมรับประทานอาหารว่างรสชาติอร่อยและมีประโยชน์ไปพร้อมกัน
ดังนั้น แนวทางการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ Pick Me Please จะทำคอนเทนต์ในรูปแบบ ชอร์ต วิดีโอสั้น ด้วยแนวคิด ‘เป็นเพื่อนกิน’ ด้วยการนำเสนอสินค้าร่วมเดินทางหรือท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่า งๆ กับผู้คนต่าง ๆ
“หมูหยองคั่วกรอบฯ Pick Me Please จะสร้างคอนเทนต์ แบรนด์ สตอรี่ เทลเลอร์ จากการพาตัวเองออกเดินทางไปยังแหล่งเที่ยวต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสื่อสารให้เห็นว่าเป็นสแน็กที่เสนอตัวไปในทุก ๆ ที่กับทุก ๆ คน” ฐนาพร เสริมความสนุกของเรื่องราวแบรนด์
นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์การไลฟ์ขายสินค้าในช่วงกิจกรรมการตลาดผ่านแคมเปญต่าง ๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือการทำตลาดสำคัญมาสร้างเอนเกจเมนต์กับลูกค้า และยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงแคมเปญ Double Date 9.9
ที่ผ่านมา Pick Me Please มียอดคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาสูงมาก ซึ่งยังรวมไปถึงการทำตลาดผ่านนายหน้าตัวแทนขาย (Affiliate Marketing) ที่มาจากครีเอเตอร์ต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม TikTok มาร่วมพัฒนาคอนเทนต์ ให้กับแบรนด์ เป็นต้น
ฐนาพร กล่าวอีกว่า นอกจากการทำคอนเทนต์ผ่านแบรนด์สินค้า Pick Me Please แล้ว เธอมองว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมยอดขายให้เพิ่มขึ้น ยังจะมาจากการสร้างคอนเทนต์ผ่าน ‘CEO BRANDING’ โดยเจ้าของสินค้า หรือเจ้าของธุรกิจตัวจริงมาบอกเล่าเรื่องราวจริงของผลิตภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็นคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยสามารถสร้างให้ผู้รับชมได้ติดตามได้อย่างต่อเนื่องได้เพิ่มขึ้นอีก
แนวทางคอนเทนต์ดังกล่าวได้ต่อยอดความร่วมมือจาก TikTok Shop ซึ่งให้การสนับสนุนการทำตลาดด้วยเครื่องมือต่า ๆ ทั้งการเข้าร่วมแคมเปญโปรโมชั่นในแต่ละช่วงการขาย คูปองส่วนลด ไปจนถึงผลวิเคราะห์พฤติกรรมผู้รับชมคอนเทนต์ที่จะกลายมาเป็นผู้บริโภคไปพร้อมกันด้วย
“ข้อมูลผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่มาจากแพลตฟอร์ม TikTok Shop ยังทำให้เห็นเทรนด์การซื้อของลูกค้ามีหลากหลายกลุ่ม ลูกค้าจำนวนไม่น้อยต้องการซื้อสินค้าขนาดย่อมลงมากกว่า Size ใหญ่ และซื้อสินค้าหลากหลายประเภทมากกว่าอย่างเดียวต่อตระกร้า ทำให้ Pick Me Please มีแนวคิดพัฒนาสินค้าขนาดเล็กในไซส์มินิออกมาขายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงกับพฤติกรรมการจับจ่ายผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่เริ่มต้องการสินค้าขนาดเล็กลงเพื่อให้สามารถเลือกซื้อของได้หลากหลายรสชาติได้มากขึ้น” ฐนาพร กล่าว
โดยหลังจาก Pick Me Please เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์ม TikTok Shop ที่นอกจากสร้างโอกาสการทำตลาดใหม่ ๆ แล้ว ขณะเดียวกันยังผลักดันให้แบรนด์เอสเอ็มอีอย่าง Pick Me Please มีตัวตนมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตบนสื่อสังคมออนไลน์
ปัจจุบันนอกจาก หมูหยองกรอบคั่วเตาถ่าน ซึ่งถือเป็นพระเอกตลอดกาลแล้ว Pick Me Please ยังมีสินค้าอาหารว่างอบกรอบอื่น ๆ อีก เช่น กลุ่มผลไม้อบแห้ง กลุ่มหนังปลาแซลมอนอบกรอบรสชาติต่าง ๆ ที่ทำตลาดในในปัจจุบัน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กลุ่มบริษัทเคทีซี กำไร 9 เดือน 5,549 ล้านบาท
การเมืองไทยเดินหน้ายึดอิสระแบงก์ชาติ