Share on
×

Share

เปิดมุมมองภาครัฐ – ภาคธุรกิจ ในการเตรียมตัวรับมือกับโลกที่เต็มไปด้วย AI

การมาถึงของโลก AI มีผลกระทบต่อโลกในวงกว้าง ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับหลายคน ที่จะต้องรู้จักและปรับตัวในการนำ AI มาใช้ในชีวิตประจำวัน ในภาคของธุรกิจจนถึงระดับประเทศ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนา AI ของประเทศไทยต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรที่สามารถนำไปสู่การพัฒนา AI Ecosystem ได้อย่างแข็งแกร่ง

ภายในงาน AI Thailand Forum 2024 ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) สรุจ ทิพเสนา Executive Director and CTO, STelligence Co., Ltd. และทัชพล ไกรสิงขร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท อะมิตี้ โซลูชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ร่วมแบ่งปันมุมของภาครัฐและภาคธุรกิจในการเตรียมตัวรับมือโลก AI

Gen-AI จะกลายเป็น New S-Curve ของโลกและธุรกิจ

การทำธุรกิจในยุคที่มี AI เป็นตัวขับเคลื่อน คนไทยกลับไม่ค่อยตื่นตัวเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แม้ทั่วโลกจะตื่นเต้นกัน เพราะเชื่อว่าการมาถึงของ Gen-AI จะเปิดประตูทุกด้านได้มากขึ้น มาเปิดท่อเรื่องของ unstructured data ที่มีข้อมูลมหาศาลบนโลกที่ไม่เคยถูก process แต่ Gen-AI สามารถช่วย process ข้อมูล structure data ได้ เราอยู่ในเศรษฐกิจโลกที่หนึ่งที่เชื่อมโยงกันเยอะมาก แต่คนกลับไม่ได้เชื่อมโยงในฐานะของความต่างทางด้านภาษา ความต่างเรื่องขององค์ความรู้ที่ไม่เท่ากัน Gen-AI จะมาเชื่อมเรื่องพวกนี้เข้าด้วยกัน

ก่อนที่จะมี Gen-AI ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องของคาร์บอน เมื่อ 3 ปีล่าสุดทุกคนต่างพูดแต่เรื่อง AI สาเหตุที่ทุกคนตื่นเต้นเพราะเชื่อว่า AI จะมา improve productivity ได้ ในสังคมโลกที่มีแต่ผู้สูงอายุ อัตราการเกิดน้อยลง คนซื้อของน้อยลง ในแง่ของการลงทุนทุกคนถึงตื่นเต้นกับเทคโนโลยีเพราะว่าจะทำให้ improve productivity เพิ่มขึ้น ถึงกำลังคนเท่าเดิมแต่กลับผลิตงานได้มากขึ้น จึงเป็นจุดที่ระดับโลกให้ความสนใจ ตอนนี้ที่ต่างประเทศมอง AI เป็น New S-Curve ที่จะทำให้เศรษฐกิจไปอีกระดับ

แผนการทำงานของภาครัฐที่ตอบรับกับยุคของ AI

ภาครัฐมีการจัดทำแผน AI แห่งชาติขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นแผนระยะ 6 ปี มีการตั้งแผนมองภาพว่า AI จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วง 2 ปีแรก พยายามจะวิเคราะห์ว่าประเทศไทยขาดอะไรเกี่ยวกับเรื่อง AI จึงเกิดยุทธศาสตร์ดังนี้

  1. กฎหมาย ต้องครอบคลุมและมีความเข้าใจตีแผ่ไปยังประชาชน
  2. Infrastructure 2 ปีที่ผ่านมาประเทศไทย infrastructure เติบโตดีมาก infrastructure ได้พยายามสร้างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ LANTA เป็น Supercomputer Center ขนาดใหญ่ที่สุดของอาเซียน ถือว่าเป็นฮาร์ดแวร์กลุ่มใหญ่ที่มีการลงทุนจากทั้งหน่วยงานในประเทศไทย แล้วก็ทั้งหน่วยงานข้ามชาติ ส่วนในด้านซอฟต์แวร์ได้ทำ AI Service Platform สำหรับคนไทย
  3. การพัฒนากำลังคน กำลังคนค่อนข้างไม่เพียงพอยังต้องพัฒนาต่อไป ตั้งเป้าพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวน 30,000 คนภายในปี 2570
  4. Research and Development ประเทศไทยจำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง หากไม่ทํา R&D เดต้าอาจจะไม่อยู่กับเรา ต้องทำเดต้าเพื่อนำไปสร้างกำลังคนและ Ecosystem  

รัฐต้อง subsidize ให้เกิดความมั่นใจในการใช้ และลงทุน

นอกจากการพัฒนากำลังคนป้อนให้กับภาคธุรกิจ ต้องพัฒนากำลังคนป้อนให้อุตสาหกรรมด้วย การที่จะเป็นตัวกลางในการหา demand ของโจทย์มาได้ โดยเฉพาะโจทย์ที่ใหญ่ต้องทำ prove of concept ให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศ แล้วนำเครือข่ายธุรกิจเข้าไปทำให้เกิดความมั่นใจว่าให้หน่วยงานว่า AI จะไปเพิ่ม productivity ให้ได้

ภาครัฐต้องเลือกจุดเสี่ยงที่ผู้ประกอบการหรือว่าภาคเอกชนไม่ค่อยกล้าลงทุน โดยภาครัฐจะต้อง subsidize ให้เกิดความมั่นใจแล้วต่อยอดเป็น Operation ในการตั้งงบประมาณเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องทำ ส่วนการส่งเสริมการใช้ AI ต้องรักษาสมดุลควบคู่กับการระมัดระวังการใช้ AI ในทางที่ผิด พร้อมทำมาตรฐาน ทำศูนย์รับรองหรือศูนย์ทดสอบ หากภาคธุรกิจอยากจะให้ AI service ของตัวเองมีความมั่นใจต้องผ่านการทดสอบที่และได้รับ E-certificate ให้ภาครัฐดูแลตรงนี้ให้ดี มีการ Inspect AI-service จะช่วยได้ทั้งภาคธุรกิจในการ promote และช่วยระมัดระวังความเสี่ยงให้กับประชาชน ส่วนในภาคการศึกษารวมถึงทักษะของคน ถ้าเราเชื่อกันว่า AI จะมาเพิ่ม productivity และขับเคลื่อน GDP ประเทศ เราต้องการคนเข้ามามีส่วนร่วมเยอะกว่านี้ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเรื่อง Upskill Reskill

Ecosystem ของไทยต้องมีขึ้น หากเราเชื่อว่านี่คือนี่คืออุตสาหกรรมที่ AI จะขับเคลื่อนขยับ GDP ประเทศได้ การจะออกไปนอกประเทศแล้วแข่งกับคนอื่นได้ต้องนำ AI ไปยุกต์ใช้ในสิ่งที่เราแข็งแรง ประเทศไทยเป็นประเทศ rich culture ที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับคนอื่น ถ้าเราอยากทำ AI เกี่ยวข้องกับการแพทย์แผนไทย คนอื่นก็สู้ไม่ได้ หรือทำ AI เกี่ยวกับอาหารไทย ไม่มีใครสู้ Soft Power เราได้ แต่ทํายังไงเราจะนำสิ่งนั้นมา collab กับ AI ได้ยังถือว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย

AI จะถูกนำมาใช้และมีคุณค่าต่อเมื่อนำมา collab ใช้งานร่วมกับตัวโดเมนทำ Analytic AI ที่มีความเฉพาะทาง เพราะบางที context ที่มีบริบทไทยอาจจะใช้ tools ต่างชาติไม่ได้อย่างเช่น รถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว ถ้าใช้ analytics cctv ของต่างชาติอาจจะวิเคราะห์ไม่ได้ เป็นชุดข้อมูลพิเศษเป็นหน้าที่รัฐที่จะช่วยจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน เพราะว่าการลงทุนแบบนี้ถ้าเกิดเอกชนไปลงทุนซ้ำๆ จะไม่เพิ่ม productivity แต่เพิ่มความซ้ำซ้อนของข้อมูล ต้องเริ่มจากธุรกิจที่แข็งแรงแล้วนำมาจับกับเทคโนโลยี เพื่อหา perfect balance และต้องมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะเชื่อมธุรกิจ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน หาจุดแข็ง จุดต่างของตัวเองให้เจอ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พิชิตกำไรจากหุ้น เทคนิคเลือกหุ้น ลงทุนกองทุน แบบผู้เชี่ยวชาญ

ดัน LIVE & KOL ขยายธุรกิจไทย ด้วยเทรนด์จีน Cross-border e-Commerce

×

Share

ผู้เขียน