Share on
×

Share

ยิบอินซอย มั่นใจ Robinhood กำไรสิ้นปี 67 เร่งดึงร้านค้า – เพิ่มยอด ผนึก Paypoint ดันคะแนนลูกค้า

โรบินฮู้ด (Robinhood) แอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ ที่เปรียบเสมือนของขวัญสำหรับการก้าวสู่รอบศตวรรษที่ 2 ของยิบอินซอย กำลังฟื้นตัว หลังเอสซีบี เอ็กซ์ ประกาศปิดบริการ

มรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด และบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน โรบินฮู้ด (Robinhood) เผยว่า หลังเข้าซื้อกิจการโรบินฮู้ดมาประมาณ 1 เดือน มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ภายในสิ้นปี 2567 จะเริ่มทำกำไร ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าจะทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างอิสระหลังปลดล็อกจากกฎเกณฑ์เงื่อนไขทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะไม่ใช่บริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์แล้ว

“การอยู่ภายใต้ธนาคาร กฎเกณฑ์ค่อนข้างเข้มงวด ซึ่งการให้บริการระดับแอปไม่จำเป็นต้องถึงขั้นนั้น แต่ยังคงรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอย่างดี”

ยิบอินซอย เผยทิศทางธุรกิจปี 67 ชู 5 โซลูชัน ขับเคลื่อนองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐ-เอกชน

ขณะเดียวกัน การระดมความร่วมมือจากพันธมิตรต่างๆ ยังทำได้กว้างขวางขึ้น เพราะไม่ผูกติดกับธนาคารผู้ก่อตั้งเช่นในอดีต และทางเจ้าของเดิมได้เปิดกว้างต่อเรื่องนี้

มรกต เล่าว่า ดีลครั้งนี้ ยิบอินซอย จ่ายงวดแรกไป 400 ล้านบาท ยอดส่วนที่เหลือไม่มีกำหนดระยะเวลาต้องจ่ายให้ SCBX (บมจ. เอสซีบี เอ็กซ์) เจ้าของเดิมภายในเมื่อไร และภาระหนี้สินก่อนหน้านี้ทางบริษัทเดิมเคลียร์หมดแล้ว บริษัทเพียงต้องรับผิดชอบทำยอดขายให้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2567 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน โรบินฮู้ดเปิดให้บริการเฉพาะฟู้ดเดลิเวอรี่เท่านั้น ซึ่งยอดสั่งซื้อยังอยู่ประมาณ 40,000 คำสั่งต่อเดือน จากต้นปีเคยมี 60,000 คำสั่ง ซึ่งหากเพิ่มเป็น 50,000 คำสั่ง บริษัทจะอยู่ได้ และเริ่มทำกำไร โดยเชื่อมั่นว่า ภายในสิ้นปี 2567 จะทำได้ จากปัจจุบันได้ทยอยติดต่อร้านค้าที่เคยมีประมาณ 3 แสนร้านให้กลับมาเปิดให้บริการบนแอปเช่นเดิม 

SCBX ปิดดีลขาย Robinhood ให้ยิบอินซอย มูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท

หวังเป็นซูเปอร์แอป

ส่วนแอปพลิเคชันอื่นๆ ยังปิดอยู่ และจะพิจารณาทยอยเปิดแอปต่างๆ หลังฟู้ดเดลิเวอรี่เริ่มอยู่ตัว โดยแอปอันดับถัดไปที่จะเปิดคือ Mart และอาจตามด้วยท่องเที่ยว ตลอดจนจะพัฒนาปรับปรุงแอปให้ตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้าได้ด้วย

ขณะที่ปัจจุบันการดำเนินงานของแอปอาจมีติดขัดบ้าง หากมีข้อขัดข้องใด ๆ เกี่ยวกับแอป ต้องการให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาที่ช่องแชตเพื่อทีมงานจะเร่งแก้ไขให้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในอนาคตจะเป็นซูเปอร์แอปของไทย เพื่อให้บริการในประเทศไทย โดยจะดึงนักวิจัย นักพัฒนา สตาร์ทอัปของไทยเข้ามาอยู่ร่วมในแอป เพื่อเป็นหนึ่งในช่องทางให้ผู้สนใจได้ติดต่อ

ของขวัญก้าวข้าม 100 ปีแรก

“บริษัทอยู่เบื้องหลังระบบไอทีใหญ่ของประเทศ ดำเนินการด้านไอทีมา 60-70 ปีในหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ และตัวบริษัทเองมีอายุอีก 2 ปีจะครบ 100 ดังนั้น การได้รับโรบินฮู้ด ของบริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 9,000 ล้านบาทมาดูแล ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญของการก้าวสู่รอบ 200 ปีต่อไป เพราะถ้าสร้างเองจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ซึ่งเพียงมีข่าวออกไปก็สร้างชื่อให้ยิบอินซอยให้เป็นที่รู้จักขึ้นมากมาย”

ขณะเดียวกัน ยังมีผู้ติดต่อเข้ามาขอร่วมทุน มีทั้งไทย และต่างชาติ แต่บริษัทยังไม่มีความต้องการระดมทุนเพิ่ม

ผนึกพันธมิตรสะสมคะแนน

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ศูนย์รับฝากคะแนน (ประเทศไทย) จำกัด  (TPD) เจ้าของแอปพลิเคชัน Paypoint และบริษัท ควอนตัม เทคโนโลยี ฟาวเดชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (QTFT) เพื่อให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่า ในทุกคะแนนสะสมจากพันธมิตรเครือข่ายของแพลตฟอร์ม Paypoint สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นสินค้าและการบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ของ Robinhood ได้

อนุวัต บูรพชัยศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPD ให้ข้อมูลว่า Paypoint เป็นแพลตฟอร์มรวมคะแนนสะสมและแลกคะแนนสะสม ในการชำระค่าสินค้าและบริการของร้านค้าตัวแทนของพันธมิตรทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

จุดเด่นของแพลตฟอร์ม คือ เป็นตัวกลางรวมคะแนนสะสมเพื่อแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมระหว่างพันธมิตร ทำหน้าที่เป็น Point Clearing House โดยปัจจุบันมีพันธมิตรระดับแถวหน้าของไทย ประกอบด้วย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท บิ๊กไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Air Asia) บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (แอปพลิเคชั่นโรบินฮู้ด) บริษัท เฮลท์อัพ จำกัด บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัท โกลด์เด้น99 จำกัด MAAI BY KTC โดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท พริ้นซิเพิลเฮลท์แคร์ จำกัด

ดร.จิรวัฒน์ ตั้งปณิธานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร QTFT อธิบายว่า ควอนตัม เทคโนโลยี เป็นยุคถัดจากยุคดิจิทัล เป็นพื้นฐานของการพัฒนาในทุกด้าน ปัจจุบันได้นำมาใช้พัฒนาระบบของแพลตฟอร์ม Paypoint 

ดังนั้นการที่บริษัทเข้ามาร่วมพัฒนาระบบร่วมกับ TPD โดยการสร้างกรอบการทำงานเชิงอัลกอริทึมสำหรับ Paypoint ในการคำนวณการรวมคะแนนสะสมเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมระหว่างพันธมิตรแบบเรียลไทม์ ป้องกันการทำ arbitrage จึงให้ความมั่นใจได้ว่า ทุกคนจะได้รับความเป็นธรรม เพราะผู้ที่มีคะแนนสะสมสามารถแลกเปลี่ยนคะแนนไปยังกลุ่มพันธมิตรได้โดยตรง ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ขึ้นกับกลไกตลาด เป็นการตอบสนองความต้องการอย่างไม่มีขีดจำกัดแก่ผู้ต้องการแลกเปลี่ยนคะแนน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

SCB ช่วย SME “เริ่ม เพื่อ รอด” สู่ธุรกิจยั่งยืน ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

KBTG Labs ตั้งเป้าการเป็น Research PowerHouse นำธงวิจัยพัฒนานวัตกรรม AI สู่ตลาด

×

Share