Share on
×

Share

เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และชุมชน รากฐานของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

การอยู่ร่วมกันของนิคมอุตสาหกรรมและชุมชน ต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจที่ดี เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความไว้วางใจในพื้นที่ หากละเลยความสำคัญของชุมชน อาจเกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อทั้งองค์กร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

WHA Group เผยศักยภาพผู้นำ Tech & Sustainable Company ครบวงจรในงาน Techsauce Global Summit 2024

เป็นเหตุผลให้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group มีแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจบนหลักของ Sustainable Community Development หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการร่วมมือกันในหลายภาคส่วนเพื่อผลักดันเป้าหมายสร้างความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเป้าหมายที่แน่วเเน่ขององค์กร การดำเนินงานในภาคนิคมอุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐาน การสนับสนุนภาคการศึกษา และการสร้างสัมพันธ์อันดีกับประชนชนผ่านกิจกรรมหลายประเภท ทั้งหมดถูกสรุปขึ้นภายในงาน WHA Open House 2024 โดยมีรักษ์พล กังน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการนิคมอุตสาหกรรมบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), นุชนาถ กองสูงเนิน ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) การนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง), ประทีป จุฬาเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันอาชีวศึกษาภาคตะวันออก, พันจ่าเอกมนตรี ม่วงทำ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต เขาคันทรง และวิไลวรรณ พรายเพชร กลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาด ตัวแทนจากชุมชน มาร่วมอภิปราย

การพัฒนาเชิงนิเวศเพื่อสร้างสมดุลอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม

WHA Group เป็นบริษัทของประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และบริการด้านดิจิทัลซึ่งวางเป้าหมายระยะยาวในการเป็น “Tech Company” ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นในการสร้างความยั่งยืน ทั้งในด้านการจัดการพลังงาน น้ำ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเชื่อมโยงชุมชนเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ชุมชนสามารถเติบโตไปพร้อมกับองค์กรได้

รักษ์พล กังน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการนิคมอุตสาหกรรมบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ที่ WHA ให้ความสำคัญกับการเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับความเสี่ยงจากน้ำทะเล โครงข่ายถนนที่ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม และการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบมีการกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทันสมัยและใช้พลังงานสะอาด เพื่อสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Industrial Ecology) ผ่านหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ดำเนินมาตลอดคือการรับฟังความคิดเห็นของชุมชน เพื่อให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา การสร้างนิคมจึงไม่ใช่เพียงโครงการของผู้ประกอบการ แต่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างรัฐ เอกชน และชุมชน โดยจะดำเนินการประเมินภายใต้การดูแลของ คณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากชุมชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานราชการ เพื่อพิจารณาและกำหนดแนวทางป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการน้ำเสีย การลดการปล่อยมลพิษ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

แนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Industrial Ecology) เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมและการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักการของระบบนิเวศธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ในระบบอุตสาหกรรม สามารถลดของเสีย และการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถพึ่งพาและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ เช่น นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (ประเทศไทย) โรงงานในนิคมแบ่งปันระบบบำบัดน้ำเสียร่วมกัน หรือแลกเปลี่ยนทรัพยากรอย่างปิโตรเคมีสามารถมอบไอน้ำและก๊าซบางชนิดให้กับโรงงานใกล้เคียงที่ใช้วัตถุดิบประเภทเดียวกัน ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากร เป็นต้น โดยภาพรวมแล้ว WHA Group มุ่งมั่นพัฒนาระบบจัดการน้ำแบบหมุนเวียน (Water Recycling) เพื่อนำทรัพยากรน้ำกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า และมีโครงการจัดการขยะในพื้นที่อุตสาหกรรมให้เกิดการรีไซเคิลมากที่สุด ให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาคือรากฐานสำคัญของการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว และสนับสนุนชุมชนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี

5 มิติของการ พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ แนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน

ทางด้านนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน กนอ. ดูแลนิคมอุตสาหกรรม 62 แห่งใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมกับชุมชนโดยรอบ โดยการเพิ่มองค์ประกอบของ “ความยั่งยืน” ในการพัฒนา กนอ. มุ่งเน้นให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างกลมกลืน

WHA นำ AI ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Tech & Sustainable Company

นุชนาถ กองสูงเนิน ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) การนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) ชี้ว่าที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) โดยใช้ 5 มิติเป็นเกณฑ์หลักในการต่อยอดพัฒนา ได้แก่

  1. เศรษฐกิจ เน้นสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจให้กับชุมชนและโรงงาน หวังเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
  2. สิ่งแวดล้อม ดูแลสิ่งแวดล้อมโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทุกพื้นที่ให้สะอาด ไม่ส่งผลกระทบกับชุมชนและโลก
  3. สังคม ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและพนักงานอย่างแน่งแน่ อย่างเช่น การปลูกฝังเรื่องความยั่งยืน การพัฒนาทักษาของพนักงานในโรงงาน การเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่สายเทคนิคได้มีงานทำ หรือการส่งเสริมชุมชนก้านการหาเลี้ยงชีพ ทุกการศึกษาของเด็ก เป็นต้น ตัวอย่างที่เกิดขึ้นคือการปลูกฝังแนวคิด “ผลประกอบการดี ชีวิตดี” เพื่อสร้างความยั่งยืนในนิคมอุตสาหกรรม โดยเริ่มต้นจากการสร้างเสถียรภาพให้กับพนักงานในโรงงาน เช่น การดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานมีพฤติกรรมและแนวคิดที่ดีขึ้น ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในทางบวก และช่วยลดต้นทุนในระยะยาว
  4. กายภาพ มีการออกแบบและบริหารจัดการพื้นที่นิคมให้เหมาะสม โดยใส่ใจรายละเอียดอย่างการมั่นพูดคุยกับคนในพื้นที่อยู่เสมอ ปรับเปลี่ยนแผนงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา
  5. การบริหารจัดการองค์กร ด้วยการสร้างมาตรฐานการจัดการองค์กรที่ส่งเสริมความยั่งยืน โดยนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มอบรางวัล “Eco Industrial Town” ให้แก่นิคมอุตสาหกรรมที่สามารถบรรลุเป้าหมายในด้านความยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้นิคมอื่น ๆ ปรับตัวและพัฒนาตามแนวทางนี้

ปรับการศึกษา สร้างแรงงานคุณภาพ

ในยุคที่ตลาดแรงงานมีความต้องการแรงงานที่มีศักยภาพสูงกว่า 600,000 คนต่อปี แต่การผลิตบุคลากรจากระบบการศึกษายังคงอยู่ในระดับหลักหมื่นต้น ๆ เป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับประเทศไทย การเชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับตลาดแรงงาน รวมถึงการสร้างความรู้ที่เท่าทันเทคโนโลยีระดับสากล จึงเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาคนให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

ประทีป จุฬาเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันอาชีวศึกษาภาคตะวันออก แสดงกล่าวถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในภาคการศึกษาว่าปัจจุบันการผลิตบุคลากรไม่เพียงพอต่อตลาดแรงงานตลาด ความต้องการแรงงานในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และอุตสาหกรรมสมัยใหม่มีจำนวนมาก แต่ระบบการศึกษายังไม่สามารถผลิตบุคลากรที่มีความรู้และทักษะตรงกับความต้องการได้อย่างเพียงพอ แถมระบบการศึกษายังขาดเทคโนโลยีที่จะทำให้บุคลากรมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมีเพื่อใช้ในการพัฒนาตนเองและความก้าวหน้าในสายงาน อีกทั้งยังมีค่านิยม ความเชื่อที่ผิด ๆ โดยเฉพาะกับสถาบันอาชีวศึกษา ที่ผู้คนจะคิดว่าไม่ได้เรื่อง เกเร แต่ความจริงไม่ใช่

สถาบันอาชีวศึกษาเป็นหนึ่งในรูปแบบการศึกษาที่สร้างให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์จริงในการทำงาน เน้นสร้างเสริมอาชีพด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม การเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมเกี่ยวกับสายอาชีวศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ การสร้าง “Norm” ใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับศักยภาพและทักษะของบุคคลมากกว่าระดับการศึกษา โดยเฉพาะในสายงานที่ต้องการความชำนาญเฉพาะทาง จะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของนักเรียนและผู้ปกครอง และทำให้การเรียนสายอาชีพกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับการยอมรับในสังคม หากประเทศมีการสร้างความเชื่อที่ถูกต้อง สร้างแรงจูงใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ว่าการมีเรียนที่สถาบันอาชีวศึกษาจะสามารถต่อยอดอนาคตไปได้ไกล จะยิ่งช่วยส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางด้าน IT ที่มีศักยภาพให้กับตลาดแรงงานได้อย่างแน่นอน

ตัวอย่างการดำเนินงานที่เกิดขึ้น เช่น EC Model Type A เป็นแนวคิดหรือโมเดลการพัฒนาที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรและสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการศึกษา การพัฒนาทักษะเฉพาะทาง และความต้องการของตลาดแรงงาน สร้างคนที่มีคุณภาพเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยให้การศึกษาและการพัฒนาคนเป็นไปในทิศทางที่ทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดแรงงาน เน้นไปที่การเป็นต้นแบบ (Prototype) ที่สามารถนำไปปรับใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ เช่น การปรับหลักสูตรเพื่อสอนทักษะที่เกี่ยวข้องกับ AI, IoT, และ Automation Technology หรือการฝึกอบรมบุคลากรผ่านโครงการฝึกงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ตรง และลดช่องว่างระหว่างการศึกษาและการทำงาน เป็นต้น

WHA-Open-House-2024

ความร่วมมือของนิคมอุตสาหกรรมและชุมชนในมิติความยั่งยืน

สุดท้ายคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม โดยให้การสนับสนุนทั้งในด้านทรัพยากร เศรษฐกิจ และการศึกษา เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงในระดับท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นการใช้วัตถุดิบในพื้นที่ เช่น ผักตบชวา ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน โดยสนับสนุนการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ทั้งยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผักตบชวาที่อาจขวางทางน้ำ ส่งเสริมการค้าขายช่วยชุมชนเปิดโอกาสในการค้าขายผ่านการสนับสนุนช่องทางจำหน่ายสินค้า เช่น การจัดตลาดชุมชน การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์ และการสนับสนุนการตลาด การให้ทุนการศึกษากับผู้ที่ขาดแคลนรายได้ รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของหมู่บ้าน

วิไลวรรณ พรายเพชร กลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาด ตัวแทนจากชุมชน ประทับใจในความช่วยเหลือขององค์กรที่ช่วยการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชนเสมอมาทำให้คนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและโอกาสทางการศึกษามากขึ้น

ทางด้านพันจ่าเอกมนตรี ได้เล่าถึงความประทับใจทีได้รับการสนับสนุนจากองค์กรว่า บริษัทเข้าไปพูดคุยกับชุมชนเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ เช่น การป้องกันโรคระบาดหรือการเข้าถึงบริการสุขภาพ พร้อมให้ความช่วยเหลือและให้ความรู้ มีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรค เช่น โรคติดต่อที่พบบ่อยในพื้นที่อุตสาหกรรม การจัดอบรมสุขอนามัยพื้นฐานอยู่เสมอ

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ WHA ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล หรือองค์กรเอกชน โดยมุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

WHA เปิดบ้านโชว์ศักยภาพธุรกิจ ชูวิสัยทัศน์สู่การเป็น Tech and Sustainable Company

“รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล” แห่ง BDI กับความท้าทายบนเส้นทาง Data Driven Nation

×

Share

ผู้เขียน