มาถึงโค้งสุดท้ายของปีแล้ว สำนักต่าง ๆ ทยอยออกคาดการณ์ จีดีพี ปีนี้ ซึ่งมีทั้ง คง และ ขยับขึ้นเล็ก ๆ ตามมุมมองแต่ละสำนัก แต่ตัวเลขที่แตกต่างกันเพียงเสี้ยวเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้สร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญแต่ประการใด โดยเฉลี่ยมองว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณ 2.6% แม้แบงก์ชาติกับสภาพัฒน์ฯมองว่า เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง แต่ถ้าไปถามพี่น้องส่วนใหญ่ของประเทศ จะได้คำตอบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กับเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปกล่าวบนเวทีทั้งในและต่างประเทศ ว่าจะนำไทยขึ้นยืนหนึ่งบ้าง นำพาประเทศออกจากกับดักรายได้ประเทศปานกลาง การที่นายกฯ มองไปข้างหน้าเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ต้องชับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมด้วย
ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาล แพทองธารหยิบเอามาชูว่าเป็นผลงานคือโครงการ แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต แต่จริง ๆ เป็นการแจกเงินสด ๆ ให้กับกลุ่มเปราะบางราว 14 ล้านคนนิด ๆ ซึ่งคนในรัฐบาลเคยโอ่ว่าจะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ปั่นเศรษฐกิจ ปีนี้ให้โตทะลุ 3% แต่เอาเข้าจริงงบประมาณกว่า 1.4 แสนล้านบาทละลายไปแบบเงียบ ๆ ซึ่งรัฐบาลอ้างว่า เป็นผลจากน้ำท่วมในหลายภาคส่วนของประเทศ จนเป็นอุปสรรคต่อการก่อตัวของพายุหมุมทางเศรษฐกิจ
แต่ถึงผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมไม่เด่นพอให้รัฐบาลเอามาโฆษณาชวนเชื่อได้ แต่ผลในทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย โดยการเมืองท้องถิ่นนั้นคงมีแน่
เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐบาลภูมิใจเสนอ แจกเงินดิจิทัลเฟส 2 แต่แจกเงินสดคนละหมื่นเหมือนรอบแรก โดยพุ่งเป้าที่พลเมืองที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 4 ล้านคน รอบนี้รัฐบาลวางกำหนด วันเวลาแจกเบื้องต้นเอาไว้ว่า ก่อนตรุษจีนปีหน้า โดยผู้อาวุโสที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐเตรียมรอรับแตะเอียได้เลย ประมาณว่ารอบนี้จะใช้เงินงบประมาณฯอีก 4 หมื่นล้าน
เท่านั้นยังไม่พอ การประชุมกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. เมื่อวันที่ 25 พฤศิจกายนที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้แจกเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 10 ไร่ตัวครัวเรือน เพื่อเพิ่มและพัฒนาการผลิตพี่น้องเกษตรกร แทนการแจกปุ๋ยที่รัฐบาลเศรษฐาเคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ข้อมูลตามรายงานข่าวระบุเอาไว้ด้วยว่า ปัจจุบันมีชาวนาที่ถือครองที่นาไม่ถึง 10 ไร่จำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็น 47.31% ของจำนวนครัวเรือนชาวนาทั้งหมด และคาดว่าต้องใช้งบประมาณฯอีกราว ๆ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้วงเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธ.ก.ส. จากนั้นรัฐบาล ซึ่งน่าจะเป็นรัฐบาลถัดจากนี้ ไปที่มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณมาจ่ายคืน ธ.ก.ส.ต่อไป
เชื่อว่าก่อนถึงเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง รัฐบาลคงมีนโยบายแจกอีก และยังแจกต่อไป เพื่อให้ประชาชนมีความสุขกันโดยด้วนหน้า
นโยบายแจกเงินนั้นถือเป็นญาติสายตรงกับ นโยบายประชานิยม ที่ตามความหมายทั่วไปหมายถึง นโยบายแจกหรืออุดหนุนประชาชนด้วยเงิน หรือมาตรการลดค่าใช้จ่าย อาทิ การตรึงราคาพลังงาน โดยยึดโยงกับผู้นำในรัฐบาลเพื่อสร้างความนิยมทางการเมืองและหวังผลจากการเลือกตั้ง
หลายทศวรรษที่ผ่านมา ประชานิยมถูกคัดค้านจากนักวิชาการ นักธุรกิจ สื่อ (บางส่วน) โดยมองว่าเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยไม่ตระหนักถึงผลกระทบทางการคลังในระยะข้างหน้า ที่ผ่านมาหลายประเทศโดยเฉพาะในลาตินอเมริกา เศรษฐกิจมีสภาพคล้ายซอมบี้ ไม่ตายแต่เดินตัวแข็งทื่อขโยกเขยกช้า ๆ เงินเฟ้อทะลุหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ มีหนี้สาธารณะท่วมประเทศจนหากู้ไม่ได้อีก เพราะการเมืองเสพติดประชานิยมงอมแงม
ถึงมีผลร้ายเชิงประจักษ์ แต่นโยบายประชานิยมกลับยิ่งเติบโตในการเมืองประชาธิปไตยหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยของเรา ดัชนี้ชี้วัดความที่ชัดเจนสุดคือ ยอดแจกจากคำสัญญาของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งที่สูงขึ้น ๆ ทุกที เป็นไปได้อย่างมากว่า การเลือกตั้งรอบหน้าคงไม่แจกแค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น…นโยบายเศรษฐกิจแจกเงินจงเจริญ
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
การเมืองไทยเดินหน้ายึดอิสระแบงก์ชาติ
เศรษฐกิจทรัมป์รีเทิร์น ไทยเจอสองเด้ง
การเมืองไทยคลุมเครือ คือความเสี่ยงของจีดีพี