การโจมตีทางการเมือง การก่อการร้าย การโจมตีทางไซเบอร์ในระดับประเทศ แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็น่าปวดหัวมากแล้วสำหรับผู้นำประเทศ แล้วถ้าต้องรับมือทั้งสามเรื่องพร้อม ๆ กัน จะน่าปวดหัวมากแค่ไหน
The President Is Missing เล่าเรื่องได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจถึงการรับมือกับเรื่องน่าปวดหัวเหล่านี้ รวมถึงโรคเลือดที่สามารถคร่าชีวิตประธานาธิบดีได้ทุกเมื่อ เสมือนกำลังดูหนังแอคชันมัน ๆ สักกเรื่องของฮอลลีวูด เต็มไปด้วยแอคชันการหักเหลี่ยมโหดของนักการเมืองอเมริกัน การแสดงอิทธิพลของสหรัฐในวงการการทูตการเมืองระดับโลก และความยิ่งใหญ่ในหลาย ๆ ด้านของสหรัฐฯที่ดึงดูดศัตรูจากนานาประเทศ ไม่แปลกเพราะคนที่เขียนคือ บิล คลินตัน ประธานาธิบดีคนที่ 42 ของสหรัฐอเมริกา และ เจมส์ แพ็ตเตอร์สัน นักเขียนแนวอาชญากรรมระทึกขวัญระดับแนวหน้าของโลก
นิยายเริ่มต้นที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โจนาธาน ลินคอล์น ดันแคน กำลังจะโดนถอดถอนเพราะเชื่อกันว่าเขาได้ติดต่อกับสุไลมาน ซินโดรุก หัวหน้าขบวนการก่อการร้ายทางไซเบอร์ชื่อ บุตรแห่งจิฮาด (Sons of Jihad) และช่วยชีวิตสุไลมานจากการโจมตีเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เพื่อการต่อรองอะไรบางอย่าง
ก่อนหน้านั้น ลิลลี่ลูกสาวของเขาที่ปารีสได้รับการติดต่อจากหญิงสาวชาวยุโรปตะวันออกชื่อนิน่า แจ้งว่าอยากเจอเขาพร้อมกับบอกรหัสลับ ‘Dark Ages’ (ยุคมืด) ซึ่งเป็นรหัสลับที่มีคนรู้ในระดับสูงเพียงแค่ 8 คน พวกเขากำหนดมันขึ้นมาหลังจากระบบคอมพิวเตอร์ของเพนตากอนตรวจพบสปายแวร์สองอาทิตย์ก่อน ก่อนที่มันจะลบข้อมูลบางอย่างและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ประธานาธิบดีจึงยอมพบกับนิน่าในทำเนียบขาว แต่เธอไม่ยอมพูดอะไรจนกว่าเขาจะออกไปพบกับเพื่อนเธออีกคนที่สนามฟุตบอลโดยไม่มีผู้ติดตาม ด้วยความอยากรู้ว่าพวกเขารู้อะไรมา และทำไมถึงรู้จักรหัสลับนี้ ประธานาธิบดีจึงปลอมตัว ลอบออกจากทำเนียบขาว และไปพบกับเพื่อนของนิน่าที่ชื่อ ออกี้
เมื่อพวกเขาเดินออกจากสนามฟุตบอล ก่อนจะขึ้นรถตู้ที่นินาขับมารับ นินาโดนยิงจากระยะไกล และพวกเขาเกือบโดนสังหารไปด้วยถ้าไม่มีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีปรากฎตัวขึ้นมา แต่ขบวนรถของพวกเขาก็โดนโจมตีอีกครั้ง มีเจ้าหน้าที่ยอมเสี่ยงชีวิตจน ประธานาธิบดีและออกี้หนีไปถึงที่หลบภัย ที่นั่นประธานาธิบดีได้รู้ว่านินาเป็นคนสร้างไวรัสที่สามารถลบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ให้กับซินโดรุกโดยไวรัสนั้นจะลบข้อมูลแบบไม่ให้โอกาสในการกู้คืน โดยมีออกี้ แฮกเกอร์ ที่สามารถแฮกเข้าระบบสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เพื่อฝังไวรัสนั้นไว้ พวกเขาตั้งใจให้ไวรัสทำงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อน เพื่อให้สหรัฐมีโอกาสรับมือเมื่อการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบจะมาถึงในวันนี้ ซึ่งนั่นจะทำให้นีน่ามีอำนาจในการต่อรองกับประธานาธิบดีในการทำให้จอร์เจียประเทศบ้านเกิดนิรโทษกรรมให้เธอ
ประธานาธิบดีเชิญนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เยอรมนี และรัสเซียมาหารือที่แคมป์หลบภัยนอกทำเนียบขาว โดยมีทีมเทคกี้ของทั้ง 4 ประเทศร่วมหาวิธีจัดการกับไวรัส ออกี้อธิบายให้พวกเขาฟังว่าไวรัสตัวนี้จะทำลายข้อมูลทุกอย่างของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วยอินเตอร์เน็ตในสหรัฐ
และนั่นหมายความว่าโทรศัพท์มือถือจะใช้ไม่ได้ ไม่มีการผลิตไฟฟ้าหรือน้ำประปา ทุกอย่างจะตายและประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐจะกลับไปสู่ยุคมืด และหมดสิ้นอำนาจบนเวทีโลก ประธานาธิบดีได้รับคำมั่นสัญญาจากเยอรมนีว่านาโต้จะช่วยเหลือสหรัฐฯ เมื่อเวลานั้นมาถึง และจากอิสราเอล สำหรับรัสเซีย ประธานาธิบดีแจ้งว่าว่าแม้จะเจอกับไวรัสจริงแต่อิทธิพลสหรัฐและเพื่อนพ้องยังมากพอที่จะทำลายรัสเซียได้ถ้าพบว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้
ทีมเทคกี้ประสบความสำเร็จในการหยุดไวรัส ประธานาธิบดีค้นพบว่ารองประธานาธิบดีทรยศเพราะหวังในตำแหน่งของเขา สมาชิกราชวงศ์ของซาอุดิอาระเบียคนหนึ่งที่หวังกำจัดอิทธิพลสหรัฐฯ ในตะวันออกกลางได้ให้ความช่วยเหลือซินโดรุกโดยได้ติดต่อให้รัสเซียเป็นคนจ่ายเงินให้ ที่สำคัญคือหัวหน้าคณะทำงานของเขาได้รับการติดต่อโดยตรงจากนิน่าเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแต่เธอตั้งใจไม่เปิดเผยเพื่อหวังผลทางการเมือง
และเรื่องก็จบแบบหนังฮอลลีวูดเมื่อประธานาธิบดีรอดตาย และสหรัฐฯ รอดพ้นจากวิกฤติอย่างหวุดหวิด แต่ตอนจบไม่ได้ทำให้ความสนุกตื่นเต้นของเรื่องลดลงเลย
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ในปี 2018 ภายในเวลาไม่กี่เดือน กลายเป็นหนังสือขายดีที่มียอดขายเกินล้านเล่มเฉพาะในสหรัฐฯ แม้ว่านักวิจารณ์จะบอกว่าพลอตไม่น่าสนใจ
ไม่แปลกใจ เพราะเนื้อหามีอะไรหลายอย่างที่ทำให้เข้าใจได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันในยูเครนหรือฉนวนกาซา หรือความน่ากลัวในโลกที่ Internet of Things หรือ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน งานเขียนถึงสิ่งที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องจัดการในวันที่ความเป็นมหาอำนาจเหมือนจะสั่นคลอนเล่มนี้ ดูเข้ากันดีมาก ๆ กับการเลือกตั้งที่เพิ่งจะผ่านไป มันไม่ใช่งานง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ในวันที่โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงด้วยสิ่งที่เกิดจากมนุษย์และธรรมชาติ
นิยายเรื่องนี้เกือบจะกลายเป็นซีรีส์ทีวีถ้าไม่มีการระบาดของเชื้อโควิด
คลินตันและแพตเตอร์สันร่วมกันเขียน The President’s Daughter เป็นเล่มต่อมา ที่นักวิจารณ์สับเละเมื่อหนังสือตีพิมพ์ในปี 2021 เชื่อว่า ถ้าตื่นเต้นแบบ The President Is Missing นักอ่านก็คงต้องหามาอ่าน เพราะบางทีการเดินเรื่องก็สำคัญกว่าพล็อตและจุดจบของเรื่อง
รีวิวเล่มอื่น ๆ
Close to Death – ใกล้ความตาย [Book Review]
Dishonestly Yours เป็นของคุณอย่างไม่จริงใจ [Book Review]
The Storied Life of A.J. Fikry [Book Review]