‘ในชีวิตของฉัน สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ที่หลบฝน แต่เป็นที่ที่ฉันจะวิ่งไปกลางแจ้งตอนฝนตกหนัก สนุกกับการปล่อยให้เนื้อตัวเปียกโชก และเล่นให้เต็มที่ต่างหาก จริง ๆ แล้วคุณก็อยากทำแบบนี้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ’
ข้อความหนึ่งจากหนังสือที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น ประพันธ์โดยโมริซาวะ อากิโอะ
ชื่อหนังสือ ‘ส่งต่อปาฏิหารย์ผ่านหนังสือ‘ ดูเพ้อ ๆ ไม่น่าสนใจ แต่เนื้อในมีเนื้อหาที่จับใจทีเดียว จากเรื่องราวของบุคคล 5 คนที่ชีวิตดูไม่มีอะไรจะเกี่ยวข้องกันได้
เริ่มจากบรรณาธิการสาวที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือเล่มหนึ่งตอนเด็กและเชื่อมั่นว่านักเขียนผู้นั้นจะต้องเขียนได้แบบนั้นอีก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้นักอ่านคนอื่น ๆ และทำให้อาชีพการงานของเธอรุ่งไปด้วย
ต่อด้วยนักเขียนผู้ประสบปัญหาชีวิตจนคิดจะเลิกอาชีพนี้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับหนังสือแนวแรงบันดาลใจเล่มแรก แต่ล้มเหลวเพราะผันมาเขียนเรื่องลึกลับที่น่าจะขายดีกว่า เขาถังแตกจนภรรยาบอกเลิกและหอบลูกจากไป โดยที่เขาไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงดูได้ และเพราะการตื๊อจากบรรณาธิการคนนั้น และคำพูดของภรรยาที่บอกเขาให้เลิกติดต่อลูกสาวไป 8-10 ปี จนกว่าจะลูกสาวจะเรียนจบ เนื่องจากเธอกำลังจะแต่งงานใหม่ นั่นทำให้เขาเริ่มเขียนเรื่องใหม่ โดยวาดภาพจากลูกสาวว่าโตขึ้นมาจะเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและมีความสุข
นักออกแบบปกคือคนต่อมา เขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแต่ยังหาหนทางบอกภรรยาที่แต่งงานกันมา 30 ปีไม่ได้ พวกเขาไม่มีลูกและกำลังวางแผนเกษียณเพื่อย้ายไปอยู่บ้านพักชายทะเล จนเขาได้มาอ่านหนังสือเล่มนี้ จึงกล้าบอกอาการเจ็บป่วยกับภรรยาที่รับมือได้อย่างดีด้วยความรักต่อกัน
ต่อมาคือพนักงานร้านหนังสือที่มาใช้ชีวิตในโตเกียวเพราะคิดว่าพ่อแม่โทษตัวเองที่ทำให้พี่ชายตายตอนไปช่วยเธอจากการจมน้ำ เธอได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ที่ทำให้เธอกล้ามากขึ้นในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เธอกลัว ทั้งจากครอบครัวและลูกค้าประจำที่เธอเฝ้ามองเขามานาน หนุ่มนักศึกษาศิลปะที่กำลังจะเรียนจบแต่สับสนกับทางเลือกในอาชีพของตัวเอง
คนสุดท้ายคือนักอ่าน พ่อของลูกค้าร้านหนังสือคนนั้น ช่างตัดผมที่ภรรยาเสียชีวิตไปแล้วสิบปี เขาเลี้ยงดูส่งเสียลูกคนเดียวโดยไม่เคยมองใคร จนได้มาอ่านนิยายเล่มใหม่และได้ไฟเขียวจากลูกชาย จึงกล้าที่จะมีรักครั้งใหม่กับหญิงม่ายคนหนึ่ง
เรื่องราวทั้งหมดร้อยเรียงผ่านกระบวนการทำหนังสือเล่มเดียว ด้วยเนื้อหาให้กำลังใจที่ก่อเกิดปาฏิหารย์บางอย่างต่อผู้คนที่เชื่อมโยงกันด้วยหนังสือ
ผู้เขียนเขียนนิยายเหมือนมีนิยายอีก 2 เรื่องซ้อนกันอยู่ เนื้อหาอ่านง่าย แต่ลึกซึ้งถึงเหตุผล และอธิบายได้ว่าทำไมตัวละครถึงมีปฏิกิริยาต่อนิยายที่ซ้อนอยู่ขนาดนั้น แม้เราไม่ได้อ่าน 2 เรื่องนั้นตรง ๆ แต่เรารู้สึกซาบซึ้งได้ถึงพลังของมันจากปฏิกิริยาเหล่านี้ จนน้ำตาซึมไปด้วยหลายครั้ง ราวกับมีปาฏิหารย์ผ่านมาจากหนังสือเล่มนี้จริง ๆ
สุดท้าย ขอจบด้วยคำพูดของตัวละครหนึ่งไว้ปลอบใจคนที่กำลังสับสนในชีวิต
‘ทางเลือกในชีวิตไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้อง เราแค่ต้องใช้ชีวิตแบบที่สักวันจะยืดอกภูมิใจได้ว่าทางเลือกที่เราเลือกนี้แหละถูกต้อง การใช้ชีวิตแบบนี้ต่างหากที่ใช่’
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
สมองบิดเบี้ยว แต่คนไม่เบี้ยว [Book Review]
Lessons in Chemistry [Book Review]
โคจรย้อนรอยมนุษยชาติ [Book Review]