สวทช. จับมือ สภาเภสัชกรรม และ สปสช. ผลักดัน “ชุดตรวจคัดกรองโรคไต” ที่พัฒนาและผลิตในประเทศไทย เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยนำร่องแจกจ่าย 3,000 ชุด ผ่านร้านขายยาในโครงการหลักประกันสุขภาพฯ ในเขต 7 ขอนแก่น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองได้ง่ายขึ้น
ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ชุดตรวจคัดกรองโรคไตนี้เป็นชุดตรวจโรคไตเชิงคุณภาพที่ประชาชนทั่วไปใช้ตรวจคัดกรองโรคได้ด้วยตัวเอง ทราบผลตรวจได้ภายใน 5 นาที ที่สำคัญ นอกจากมีราคาจับต้องได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับผู้ประกอบการแล้ว
โครงการนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านร้านยาในโครงการ การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจรโดยเภสัชกร เครือข่ายร้านยาในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศไทย นำร่องในพื้นที่ สปสช. เขต7 ขอนแก่น
ชุดตรวจคัดกรองโรคไตนี้ เป็นหนึ่งใน S&T implementation for Sustainable Thailand นวัตกรรมชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) ที่มีดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง เป็น Driver โดยต่อยอดงานวิจัย ‘AL-Strip’ โดย ดร.สาธิตา ตปนียากร
ทันตแพทย์หญิงน้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายสนับสนุนบริการปฐมภูมิและการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า
ที่ผ่านมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกับสภาเภสัชกรรม จัดบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคในร้านยาสำหรับคนไทยทุกคน ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ไม่เฉพาะเพียงผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น ซึ่งบริการดังกล่าวประกอบด้วยบริการยาเม็ดคุมกำเนิด บริการยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน บริการถุงยางอนามัย บริการชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง และบริการยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก
โดยในปี 2567 นี้ สปสช.ได้เพิ่มนวัตกรรมชุดตรวจสุขภาพด้วยตนเองที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเสริมในชุดสิทธิประโยชน์ ได้แก่ ชุดตรวจเอชไอวีด้วยตนเอง ชุดเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และชุดตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับจากปัสสาวะด้วยตนเอง โดยประชาชนสามารถเข้ารับบริการเหล่านี้ได้ที่ร้านยาที่มีสัญลักษณ์ “ร้านยาของฉันให้บริการสร้างเสริมสุขภาพ” หรือสัญลักษณ์ “30 บาทรักษาทุกที่” โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สปสช. เล็งเห็นว่า การเพิ่มชุดตรวจสุขภาพด้วยตนเองถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชน ช่วยส่งเสริมการตรวจพบและป้องกันโรคตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขของประชาชน ตลอดจนเพิ่มผลลัพธ์ด้านสุขภาพโดยรวม สำหรับ “ชุดตรวจคัดกรองโรคไตด้วยตนเอง” ถือเป็นนวัตกรรมบริการที่สนับสนุนระบบบริการปฐมภูมิ ช่วยป้องกันและชะลอการเกิดโรคไตเสื่อม
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ สปสช. จะนำบริการด้านสุขภาพเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของคนไทย จะต้องผ่านกระบวนการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HTA) อย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ผลกระทบด้านงบประมาณ ความสอดคล้องกับแนวทางเวชปฏิบัติ ความพร้อมของระบบบริการ รวมถึงประเด็นด้านจริยธรรมและสังคม ทั้งนี้ สปสช. ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมด้านสุขภาพมาต่อยอด และยกระดับบริการทางด้านสาธารณสุขให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และยั่งยืน
ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า สภาเภสัชกรรมสนับสนุนให้ร้านยาเป็นหน่วยปฐมภูมิของประเทศ เพราะมีความใกล้ชิดชุมชน ประชาชนเชื่อถือ และกระจายตัวทั่วประเทศประมาณ 17,000 ร้านยา การผลักดันการใช้ประโยชน์ “ชุดตรวจคัดกรองโรคไต” ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ของไทยนี้ เป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคไตก็เพื่อนำมาพัฒนาระบบบริการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร โดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยา ในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเภสัชกรจะนำผลการตรวจคัดกรองมาสร้างการตระหนักรู้ในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตแก่ประชาชน
โครงการ “การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิเพื่อป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังแบบครบวงจร” โดยเภสัชกรเครือข่ายร้านยาในหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินี้ เป็นโครงการวิจัยที่ดำเนินอยู่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2568 และจะผลักดันเข้าเป็นสิทธิประโยชน์ในหลักประกันสุขภาพต่อไป
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Gen AI เทรนด์มาแรงปี 2024 แต่ ETDA ชี้ ต้องใช้อย่างมีธรรมาภิบาล
ยูนิลีเวอร์เดินหน้าใช้ AI และ Data ขับเคลื่อนองค์กร พร้อมเสริมแกร่งรอบด้าน