การลงทุนกับการศึกษาของบุคคล เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของประเทศ เป็นเรื่องไม่เกินจริง แต่ความท้าทายเรื่องระบบการศึกษาในประเทศไทยยังมีมากมายที่ต้องรีบเร่งแก้ไข เพื่อสร้างระบบการศึกษาที่เท่าเทียมเสมอภาค ระบบที่เอื้อต่อการเรียนรู้แบบไม่มีที่จำกัด ให้กับเยาวชนไทยรุ่นต่อไปในอนาคต
ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ทีเค พาร์ค (TK Park) ได้เปิดมุมมองของระบบการศึกษาไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน จึงเปิดเวทีที่ตอกย้ำความท้าทายทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการมาถึงของ AI ที่มาเปลี่ยนแปลงอาชีพ การทำงาน และการใช้ Soft Power ไทยสื่อสารออกไปทั่วโลกพร้อมกับการเติบโตของ Creator Economy รวมถึงวาระแห่งชาติอย่างเรื่องการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้มนุษย์รู้จักการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
Tk Park จึงได้เชิญ ดร.สิริกร มณีรินทร์ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานกรรมการบริหารสถาบันอุทยานการเรียนรู้ และ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มาร่วมแชร์สถานการณ์และการเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Catalyst of Change: สร้างการเปลี่ยนแปลง”
6 การลงทุนด้านการศึกษาที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจำเป็นต้องมีการอัปเดตความรู้ด้วยในระบบการศึกษา ตัวอย่างต้นแบบประเทศที่มีระบบการศึกษาดีอย่างประเทศสิงคโปร์จะมีการปรับหลักสูตรทุก 6 ปีเพื่อให้การเรียนรู้เท่าทันกับความเปลี่ยนไปของโลก หรือประเทศฟินแลนด์ที่ปรับหลักสูตรทุก 10 ปี แต่ประเทศไทยมีการปรับหลักสูตรครั้งล่าสุดเมื่อ 16 ปีที่แล้วนับเป็นความล้าหลังในการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งกว่า 67 ประเทศทั่วโลก
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากที่สุดโดยมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นในอนาคตทั้งเทคโนโลยี การเรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นกับการใช้ชีวิต การเรียนรู้ที่เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และสามารถประยุกต์ใช้ได้จริง จากการวิจัยพบว่า คะแนนการอ่านของนักเรียนไทยมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2565 เป็นสัญญาณว่าคุณภาพการเรียนรู้ของประเทศไทยที่ลดลงต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งการสอบ PISA วัดระดับความสามารถด้านคณิตศาสตร์และการอ่านที่ตัวเลขชี้ว่าเด็กไทยอยู่ในอันดับที่ 54 จาก 64 ประเทศ เนื่องจากนักเรียนจำนวนมากยังไม่สามารถพัฒนาทักษะพื้นฐานได้อย่างเพียงพอ ไม่ใช้แค่ความรู้วิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ความรู้ที่วัดด้านตระกะเกี่ยวกับการคำนวณขั้นฐานฐานยังมีเด็กส่วนมากที่ขาดพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ขั้นสูงและทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
แนวทางแก้ปัญหาอย่างแรกสุดก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา ควรเริ่มจากการสร้างจิตใจแบบเติบโต (Growth Mindset) ให้กับเด็กไทยเพราะเด็กไทยส่วนใหญ่ยังมีทัศนคติที่เชื่อว่าสติปัญญาไม่สามารถพัฒนาได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างมากในอนาคต แต่ปัญหานี้อาจไม่ใช่ความผิดของเด็กอย่างเดียว ลองนึกภาพตามว่า หากมีคนมาบอกให้คุณวาดภาพสักหนึ่งภาพ ภาพแรกในใจที่คุณนึกได้อาจจะเป็นภาพภูเขาสองลูกพร้อมดวงอาทิตย์อยู่กึ่งกลาง ตามมาด้วยบ้านอีกหนึ่งหลังอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะการปลูกฝังของครูในสมัยก่อนที่เน้นให้เด็ก ๆ จำเรื่องที่เป็นกรอบความรู้ เน้นการสร้างวินัย รอบคอบ รู้หน้าที่ ขยันอ่าน เชิดชูคุณธรรม แต่ไร้ซึ่งความคิดสร้างสรรค์
ดร.สมเกียรติ แนะให้เร่งสร้างการตระหนักให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้เห็นความจำเป็นในการดำเนินการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงทุนด้านการศึกษา 6 ด้าน
- การลงทุนในช่วงแรกเกิด โดยยกตัวอย่างนโยบาย ผลตอบแทน 600 บาท/เดือน เงินสงเคราะห์บุตร ที่จะช่วยให้เด็กได้สารอาหารที่ดีขึ้นมีโภชนาการที่เหมาะสมในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการ มีสุขภาพที่ดีในระยะยาวและช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยคุณแม่ให้มีสุขภาพกายและการเงินที่ดีดูแลบุตรได้ดีขึ้น
- การลงทุนในเด็กปฐมวัย มีผลวิจัยของ Heckman & Materov (2007) ที่แสดงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนในระดับมหาวิทยาลัยให้ผลตอบแทนต่ำกว่าในช่วงปฐมวัย เป็นนัยสำคัญว่าเราควรให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็กในการศึกษาขั้นเริ่มต้น มีเด็กไทยจำนวนมากที่ตกหล่นการการศึกษาเมื่อระดับการศึกษาที่เพิ่มขึ้น ต้องลดปัจจัยที่เข้ามาทำให้เด็ก ๆ ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ
- การลงทุนในการรักษานักเรียนให้อยู่ในระบบการศึกษา รักษานักเรียนให้อยู่ในโรงเรียนโดยเน้นไปที่กลุ่มเด็กอายุ 3-14 ปี หากทำได้จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดูแลเด็กกลุ่มนี้ให้พ้นจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างบุคลาการที่มีประสิทธิภาพให้ประเทศได้มากขึ้น
- ลงทุนสร้างทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อย่างที่กล่าวไปเรื่องการเข้ามาของเทคโนโลยีที่กระทบกับการเรียนรู้และการทำงาน ทักษะที่สำคัญจึงเป็นเรื่องที่เด็กทุกคนต้องเปิดรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยเน้นไปที่การพัฒนา 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ทัศนคติและอุปนิสัย (Attitude) ให้มีทัศนคติเชิงบวกและอุปนิสัยที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้และการทำงาน ต่อมาคือทักษะ (Skills) ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill ที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน และสุดท้ายความรู้ (Knowledge) การพัฒนาความรู้พื้นฐานและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เหมาะกับความชื่นชอบ ความถนัดของเด็ก
- พัฒนา AI เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนและสนับสนุนบทบาทของครู เช่น การสอนนักเรียนแบบตัวต่อตัว AI ช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนในรูปแบบที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละคน ช่วยวางแผนการเรียนการสอน รวมถึงจัดเตรียมสื่อการเรียนให้เหมาะสมกับผู้เรียน หรือช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีผ่านโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น เป็นต้น
- สร้างพื้นที่การเรียนรู้ ที่เข้าถึงง่ายระตุ้นความคิดสร้างสรรค์เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ผ่านสภาพแวดล้อมและกิจกรรมหลากหลายทั้งในรูปแบบเล่นและอ่าน
TK Park สถานที่ที่ทำให้ฝันของเด็ก ๆ เป็นจริง

ในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา TK Park อุทยานการเรียนรู้ที่กลายมาเป็นจุดศูนย์รวมแห่งความฝันและพื้นที่สร้างสรรค์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของคนทุกวัย ด้วยแนวคิดที่ต้องการให้การเรียนรู้เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย สนุกสนาน และไร้ขีดจำกัด TK Park จึงเป็นทั้งพื้นที่ปลอดภัยและพื้นที่แห่งโอกาส ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้กล้าแสดงความคิดสร้างสรรค์ เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
ดร.สิริกร มณีรินทร์ ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานกรรมการบริหารสถาบันอุทยานการเรียนรู้ กล่าวว่า TK Park ไม่ได้เป็นเพียง “ห้องสมุด” แต่คือ “ห้องสมุดมีชีวิต” ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของห้องสมุดแบบดั้งเดิมให้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวและสีสันมาเป็นระยะเวลากว่า 21 ปีแล้ว เป็นพื้นที่แหล่งรวมของ หนังสือ ดนตรี กิจกรรม และมัลติมีเดีย ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด (Unlimited Imagination) ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ การแสดงความสามารถ และการเสริมทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่กำลังมาถึง มีโครงการมากมายที่รอให้เด็กหรือคนทุกเพศทุกวัยเข้ามาเรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่ Soft Power ของไทยไปได้ไกลถึงต่างประเทศ ทาง TK Park ก็อยากส่งเสริมด้วยการสร้างสถานที่ที่เป็นการเรียนรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ จะมีพื้นที่ให้ลองเต้น ร้องเพลง ไลฟ์สด และแสดงความสามารถที่เป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่อยากมุ่งมั่นขยายบทบาทสู่การเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ ที่ครอบคลุมทั้งในระดับบุคคลและสังคม

จากการริเริ่มการสร้างห้องสมุดมีชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2547 ได้กลายมาเป็นพื้นที่ที่สร้างให้ฝันของเด็ก ๆ เป็นจริง เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ และเป็นพื้นที่สร้างชีวิตที่ยั่งยืนให้กับหลาย ๆ คนที่ได้เจอกับสิ่งที่ตนเองรักและพร้อมจะต่อยอดมันไปเป็นอาชีพที่มั่นคงและมีความสุขในทุก ๆ วัน
หลักฐานความสำเร็จของ TK Park ที่ผ่านมาคือการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทั่วประเทศขยายสาขาและนำแนวคิด “ทุกที่สามารถเป็นพื้นที่การเรียนรู้” สู่ทุกๆ คนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านการรวบรวมพันธมิตรกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เละให้คำมั่นว่า TK Park ยังคงมุ่งมั่นเป็นพื้นที่ปลอดภัยและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน พร้อมที่จะพัฒนาและเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความต้องการในอนาคต
เป้าหมายคือการสร้างคนและสังคมที่พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน TK Park ไม่ใช่แค่ห้องสมุด แต่คือพื้นที่ที่ความฝันและจินตนาการเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
2 ทศวรรษ TK Park เดินหน้าผลักดันสังคมไทย สู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน
WorkVenture เปิดเทรนด์สร้างแบรนด์นายจ้างปี 2568: ESG, ดิจิทัล, EVP