Share on
×

Share

8 ผู้เชี่ยวชาญฉายแนวคิด พลิกโฉมธุรกิจด้วย “เว็บไซต์” หัวใจสำคัญยุคดิจิทัล

ในยุคนี้ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจประเภทไหน การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะกลายเป็น “หัวใจสำคัญ” ของการสร้างแบรนด์ การดึงดูดลูกค้า และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาผสมผสานการทำงานและชีวิตประจำวันของมนุษย์ จึงเป็นหน้าที่สำคัญของเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องเห็นความสำคัญเรื่องการปรับตัวเพื่อใช้ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ธุรกิจไม่อาจมองข้าม

งาน WEB TRENDS 2025 จัดโดยสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย เพื่อจุดประกายแนวคิดคนที่มีเว็บไซต์ให้คำนึงถึงการสร้างหรือปรับปรุงเว็บไซต์ การอัปเดตเทรนด์ของการออกแบบเว็บไซต์ที่มาพร้อม AI รวมถึงหลักการสร้างคอนเทนต์ที่ดี โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มาร่วมแสดงแนวคิดและประสบการณ์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นหน้าตาของธุรกิจ เพื่อประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ต่อยอดเป็นการขยายตลาดให้กับธุรกิจได้ในอนาคต จะมีเรื่องอะไรที่ควรติดตามบ้างไปดูกัน!

สร้างหน้าบ้านให้ดี แล้วแบรนด์จะมีตัวตนที่ชัดเจน

การลงทุนในเว็บไซต์ในระยะยาว จะช่วยสร้างตัวตนที่ชัดเจนให้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล เพราะเว็บไซต์เปรียบเสมือน “หน้าบ้าน” ของแบรนด์ในโลกดิจิทัล เมื่อไหร่ที่คนค้นหาคุณหรือธุรกิจของคุณใน Google การมีเว็บไซต์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถควบคุมภาพลักษณ์ของคุณในสายตาคนอื่นได้

กษิดิศ (ทอย) สตางค์มงคล ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data เจ้าของเพจและเว็บไซต์ DataRockie ย้ำว่า ธุรกิจควรมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง เนื่องจากเหตุผล 5 ข้อที่จะเป็นเหมือนโอกาสให้กับธุรกิจได้มากกว่า

  1. เว็บไซต์เป็นหน้าบ้านของแบรนด์ในโลกออนไลน์ (Online Presence) การมีเว็บไซต์จะเพิ่มโอกาสการมองเห็นของกลุ่มเป้าหมาย และมีส่วนช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เป็นอย่างมาก เช่น หากคุณสมัครงานและ HR ค้นชื่อคุณใน Google เว็บไซต์ของคุณจะกลายเป็นแหล่งข้อมูลแรกที่เขาจะเห็น คุณสามารถใช้เว็บไซต์เพื่อแสดงความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และผลงานของคุณได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่แพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ยังมีข้อจำกัดเรื่องการเผยแพร่ผลงานบางประเภท
  2. เว็บไซต์เป็นพื้นที่ในการแบ่งปันเรื่องราวความรู้ (Share Your Story) เมื่อแบรนด์ของเรามีจุดเด่นที่อยากประชาสัมพันธ์หรือมึความตั้งใจที่อยากประกาศให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ การมีเว็บไซต์ช่วยให้คุณควบคุมเนื้อหาที่คุณสร้างได้ 100% ไม่ต้องกังวลว่าโพสต์จะถูกลบหรือไม่ถูกมองเห็นเพราะอัลกอริทึม แบรนด์สามารถแชร์เรื่องราวและความรู้ได้อย่างอิสระ เช่น การเขียนบทความ การรีวิวหนังสือ เป็นต้น
  3. เว็บไซต์เป็นเสมือนคอมมูนิตี้ (Build a Community) เมื่อคุณสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและตรงกับความสนใจของผู้คน คุณจะดึงดูดกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกันมารวมตัวกันในเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจุดนี้อาจต่อยอดในการสร้างรายได้เพิ่มได้ เช่น เปิดพื้นที่ให้วางโฆษณา เป็นต้น
  4. เว็บไซต์ช่วยสร้างรายได้ (Monetize Traffic) การเข้าถึงเว็บไซต์หรือที่เรียกว่า “ทราฟฟิก” หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้า การโฆษณา หรือการให้บริการผ่านเว็บไซต์ ยิ่งคนเข้าชมเว็บไซต์ของคุณมาก โอกาสสร้างรายได้ก็ยิ่งสูงขึ้น
  5. เว็บไซต์คือแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับ AI (Data Source for AI) ในยุคที่ AI อย่าง ChatGPT หรือเครื่องมือค้นหาต่างๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การสร้างข้อมูลทุกอย่างของแบรนด์ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้ไว้บนเว็บไซต์จะทำให้ AI เข้าถึงฐานข้อมูลเหล่านี้ได้ง่าย เปิดโอกาสให้ผู้ที่ค้นหาชื่อแบรนด์ของเราในเครื่องมืออื่นๆ อย่าง Generative AI พบเจอได้ง่าย สะดวกมากขึ้นไปอีก

เว็บไซต์ในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการ “ตามเทรนด์” อีกต่อไป แต่เป็นการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ที่มั่นคงอย่างสม่ำเสมอ เพราะเว็บไซต์ช่วยให้แบรนด์มีพื้นที่แบ่งปันความรู้ สร้างชุมชน และสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต

ส่องเคล็ดลับสร้างเว็บสำหรับนักการตลาด

ความจริงแล้วเว็บไซต์ควรสร้างด้วยพื้นฐานของการทำเว็บมาร์เก็ตติ้ง (Web Marketing) เพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล การทำการตลาดผ่านเว็บไซต์นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการสร้างเว็บสวยๆ แต่ต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมและสร้างโอกาสทางธุรกิจ

สิทธินันท์ (แบงค์) พลวิสุทธิ์ศักดิ์ CEO, Content Shifu แชร์ประสบการณ์การทำเว็บมาร์เก็ตติ้ง (Web Marketing) ว่าก่อนสร้างเว็บไซต์ สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจคือเว็บไซต์ของคุณหรือแบรนด์มีบทบาทอะไรในธุรกิจ หากทำธุรกิจ B2C อาจใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางขายสินค้าออนไลน์ของแบรนด์เป็นหลัก หากทำธุรกิจ B2B อาจใช้เว็บไซต์อาจเป็นที่สำหรับสร้าง Lead Generation หรือหากเป็นธุรกิจประเภทสื่อเว็บไซต์อาจเป็นตัวดึงดูดทราฟฟิกเพื่อขายโฆษณา เมื่อแบรนด์ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วอยากให้ใส่ใจเรื่องพื้นฐานอย่างการจัดวางโครงสร้างเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการใช้งาน คำนึงถึงประสบกรณ์ของลูกค้า และต้องปลอดภัย

ถัดมาควรดูเรื่องการปรับเว็บไซต์ให้รองรับ SEO (Search Engine Optimization) เพิ่มโอกาสการเข้าชมเว็บได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นควรให้ความสำคัญกับการสร้างและใช้ข้อมูล First-Party Data โดยการสร้าง Lead Generation เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ชื่อ อีเมล หรือพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์ ซึ่งจะมีส่วนในการต่อยอดในการทำการตลาดได้ตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันนี้มีเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการสร้างหรือปรับปรุงเว็บมากมาย เช่น WordPress ที่ใช้งานง่ายหรือแพลตฟอร์มสำเร็จรูปสำหรับอีคอมเมิร์ซ อย่าง Shopify ให้ธุรกิจได้เลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยเว็บไซต์ของแบรนด์ต้องโฟกัสในสิ่งที่แบรนด์ถนัดก่อนจะลงมือทำและปรับปรุง SEO และ UX/UI อย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์เป็นมากกว่าที่เก็บเนื้อหา

แต่เดิม เว็บไซต์มักถูกมองว่าเป็นที่เก็บเนื้อหาแบบบ้านหลังที่สอง แต่จากการทดลองและพัฒนา เว็บไซต์กลับกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สร้าง Impact ได้อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหาภายในได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เช่น การเพิ่มความน่าสนใจผ่านการออกแบบโครงสร้าง การใส่ใจ SEO และการทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่ายบนมือถือ (Mobile First)

เชษฐพงศ์ (จอม) ชูประดิษฐ์ Digital Platform Manager, The Standard เผยสถิติสำคัญจากปีที่ผ่านมามีผู้ใช้งานเข้าชมเว็บเฉลี่ยต่อเดือน 1.7 ล้านคน โดยแหล่งทราฟฟิก 70% มาจาก Organic Search และกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญมีอายุมากกว่า 30 ปี โดยเนื้อหาที่เกี่ยวกับกระแสสังคม วาระสำคัญ หรือการเกาะติดสถานการณ์ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ The Standard จึงให้หลักการออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นความเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับการจัดวางเนื้อหาเพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายด้วยเนื้อหาให้ตอบโจทย์และขยี้ประเด็น รวมถึงการใช้ AI และเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น การทำเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์พกพา หรือการนำเสนอเนื้อหาแบบ Exclusive เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์

เว็บไซต์ไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับเก็บเนื้อหา แต่เป็น “หัวใจ” ของการสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ ซึ่งเมื่อเริ่มสร้างหัวใจที่เป็นพื้นฐานได้อย่างเข้มแข็ง ก็จะสามารถสร้างเป้าหมายต่อไปที่มองภาพใหญ่มากขึ้น เช่น การทำให้เว็บไซต์เป็นแพลตฟอร์มหลักของแบรนด์ หรือการทอลองโมเดลการสร้างรายได้แบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

เทรนด์การออกแบบเว็บไซต์และ UI ในปี 2025

ในยุคที่เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว งานออกแบบเว็บไซต์และ UI ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง การรองรับเทคโนโลยีใหม่ และความต้องการของผู้ใช้งาน

อินทนนท์ (เบนซ์) ปัญญาโสภา Co-Founder, Grappik Agency บอกว่า จากอดีตที่ UI เน้นความเรียบง่าย (Flat Design) ตอนนี้เข้าสู่ยุค Morphic Design ซึ่งเพิ่มมิติด้วยแสงและเงา เพิ่มความเป็น 3D มากขึ้น รวมถึงใช้ Design System จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Apple, Microsoft และ Google ในการกำหนดมาตรฐานงานดีไซน์ รวมถึงเทรนด์ Visual Design ที่ใช้ AI ช่วยสร้างภาพหรือองค์ประกอบที่แปลกใหม่ ลดความจำเจของ Stock Photos หรือการการจัดเรียงข้อมูลในรูปแบบกล่องเพิ่มความชัดเจนและทำให้เนื้อหาอ่านง่าย การจัดวางองค์ประกอบที่ไม่สมมาตรฉีกกรอบเดิม ๆ และปรับลูกเล่นบางอย่างให้เหมาะกับพฤติกรรมผู้ใช้ที่ชอบเลื่อนดูเนื้อหาแทนการคลิก แต่ยังต้องคำนึงถึง Performance เช่น ความเร็วในการโหลดและการใช้งานบนอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสมดุล

เทรนด์คือแนวทาง ไม่ใช่กฎตายตัว นักออกแบบเว็บไซต์ที่ดีต้องเลือกใช้เทรนด์ที่เหมาะสมกับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายของตน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการออกแบบที่ทันสมัยและการใช้งานที่เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ

เว็บไซต์สำหรับสาย E-Commerce

ธุรกิจ E-commerce ในปัจจุบันไม่สามารถพึ่งพาเพียงแพลตฟอร์มหรือเว็บไซต์พื้นฐานได้อีกต่อไป ต้องมีการเชื่อมโยงระบบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น ERP, PIM, และ Marketing Automation เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและบริหารจัดการธุรกิจเน้นการลงทุนในระยะยาวเป็นสำคัญ

อัครวุฒิ (กฤษ) ตำราเรียง Adobe Commerce : Architect Master Certification, Marvelic Engine กล่าวว่า การสร้างเว็บไซต์ E-commerce โดยพื้นฐานต้องใช้แพลตหอร์มที่รองรับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ร้านค้าเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ควรมีความสามารถในการขยายระบบ (Scalability) เช่น การรองรับการเพิ่มทราฟฟิก หรือการเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ รวมไปถึงการจัดการระบบหลังบ้านอย่างคลังสินค้า คำสั่งซื้อ หรือการติดตามสถานะแพ็คสินค้าและแจ้งลูกค้าแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับระบบ CDP (Customer Data Platform) เพื่อช่วยรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายช่องทาง เช่น LINE, Facebook, หรือเว็บไซต์ Touchpoint ต่าง ๆ ของลูกค้าเพื่อสร้างระบบ Automation ที่ตอบโจทย์ความต้องการให้ได้มากที่สุด

ต่อมาคือการให้ความสำคัญกับ Marketplace ที่ได้รับความนิยมอย่าง Lazada หรือ Shopee และเลือกผู้ให้บริการ Payment Gateway ที่เหมาะสมโดยพิจารณาค่าธรรมเนียมและความปลอดภัยเป็นหลัก สุดท้ายใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า อาทิระบบแชทออนไลน์สนับสนุนลูกค้าแบบเรียลไทม์ รวมถึงโปรแกรมจัดการข้อมูลลูกค้า และระบบที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

สอดคล้องกับจักรกฤษณ์  (เม่น) ตาฬวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี้ด เว็บส์ จำกัด ที่มองว่า เว็บไซต์ที่เร็วและปลอดภัยจะยิ่งช่วยดึงดูดผู้ใช้งาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ธุรกิจ หัวใจหลักที่ช่วยยกระดับเว็บไซต์ของคุณให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้ใช้งานคือความเร็วหากเว็บไซต์โหลดช้าเกิน 3 วินาที ผู้ใช้งานอาจหายไปถึง 80% สิ่งที่ช่วยได้คือลดการโหลดข้อมูลซ้ำโดยสำรองข้อมูลไว้ในหลายจุด การปรับลดขนาดรูปภาพให้เหมาะสม ใช้ Cloudflare หรือ CDN เพื่อกระจายทราฟฟิกและเพิ่มความเร็ว หรือเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ผู้ใช้งาน เช่น สิงคโปร์สำหรับผู้ใช้งานในเอเชีย ปัจจัยต่อมาคือความปลอดภัยเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานจากการถูกแฮก สามารถป้องกันเบื้องต้นด้วยการเลิกใช้รหัสผ่านแบบกรอกเองแล้วหันมาใช้รหัสผ่านแบบ OTP (One-Time Password) หรือ Social Login เช่น Google และ Apple พร้อมอัปเดตปลั๊กอินและระบบเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ

อนาคตเว็บไซต์จะก้าวสู่ยุค Advance Web Applications

เว็บแอปพลิเคชันกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า Advance Web Applications ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีการพัฒนาและใช้งานเว็บไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ อย่าง WebAssembly (WASM) ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการเขียนโค้ดให้เว็บสามารถรองรับแอปพลิเคชันระดับสูง เช่น AutoCAD, Photoshop หรือ AI ประสิทธิภาพสูงบนเบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเดสก์ท็อปแอปพลิเคชันอีกต่อไป กล่าวง่าย ๆ คือ ผู้ใช้งานสามารถใช้เว็บในการทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องโหลด Application อื่น ๆ มาเลย ตัวอย่างที่มีให้เห็นในปัจจุบันอย่างเว็บ Canva และ Figma แอปออกแบบที่ทำงานทั้งหมดบนเว็บ เป็นต้น

วรัทธน์ (ตั้ง) วงศ์มณีกิจ Chief Product Officer, WISESIGHT อัปเดทเทรนด์พัฒนาเว็บไซต์ด้วยเทคโนโลยี WebAssembly (WASM) ที่ช่วยให้ภาษาโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น C++ หรือ Rust สามารถรันบนเบราว์เซอร์ได้โดยตรง หรือเทคโนโลยี GPU และ WebGPU ที่จะช่วยให้เว็บแอปพลิเคชันเข้าถึงการ์ดจอโดยตรง ส่งผลให้แอปบนเว็บสามารถสร้างกราฟิกคุณภาพสูง หรือประมวลผล AI ได้เร็วกว่าเดิมถึง 100 เท่า ต่อมาภาษา Rust เป็นภาษาที่มีประสิทธิภาพสูงและกำลังมาแรงในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันถูกใช้ในการพัฒนาเว็บอย่างชื่อดัง เช่น Canva และ Figma สุดท้ายคือ Neural Networks บนเบราว์เซอร์ในอนาคตจะสามารถเลือกการ์ดจอหรือหน่วยประมวลผล AI ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชัน AI บนเว็บง่ายและทรงพลังมากขึ้น

ในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่แอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เคยอยู่บนเดสก์ท็อปจะย้ายมาเว็บทั้งหมด และจะเสริมด้วยการประมวลผล AI แบบเรียลไทม์อย่างการตรวจจับใบหน้าหรือข้อมูลภาพหรือการแปลภาษาหรือแก้ไขข้อความทันทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้ทำงานได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น เว็บไม่ตายแต่กำลังวิวัฒนาการให้ครอบคลุมทุกสิ่งที่เคยต้องทำบนแพลตฟอร์มอื่นเท่านั้นเอง

โอกาสและความท้าทายสำหรับธุรกิจ

AI เข้ามาทำงานกับการพัฒนาเว็บไซต์ในบางส่วน นับเป็นความท้าทายใหญ่ที่เกิดขึ้น ในขณะที่คนจำนวนมากมักกังวลหรือต่อต้านการเรียนรู้สิ่งใหม่ สิ่งสำคัญคือการปรับมุมมองจากความท้าทายให้เป็นโอกาสเพื่อค้นหาวิธีที่ AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานของแบรนด์ได้

โชค วิศวโยธิน, ผู้ก่อตั้งกลุ่ม AI เพื่อธุรกิจและสังคม แนะนำแนวทางการใช้ AI ในการพัฒนาเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบหน้าตา คอนเทนต์ที่ปรากฏ ไปจนถึงการเขียนภาษาโปรแกรมเพื่อสร้างเว็บไซต์หนึ่งขึ้นมา ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายตัวอย่างเช่น Galileo AI และ Figma AI สามารถช่วยสร้างเว็บไซต์จากแนวคิดเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว และลดขั้นตอนการทำงานของนักออกแบบ หรือเครื่องมือ Perplexity AI ช่วยทำวิจัยจากข้อมูลออนไลน์ และสร้างรายงานที่มีการอ้างอิงครบถ้วน หากเป็นส่วนของคอนเทนต์และข้อความสามารถใช้เครื่องมือ MidJourney หรือ Adobe Firefly ช่วยสร้างเนื้อหาภาพและข้อความที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ โดยทั้งหมดควรใช้ AI เพื่อแนะนำคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้งานซึ่งจะช่วยเพิ่ม Traffic และการค้นพบคอนเทนต์ใหม่

แต่การใช้งาน AI ดังกล่าวจะต้องคำนึงถึง งานลิขสิทธิ์หาจะใช้งานควจเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ดัดแปลง และแก้ไขให้ต่างจากต้นแบบอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์ และควรระวังการนำข้อมูลสำคัญใส่ในระบบ AI เพราะอาจถูกนำไปใช้หรือเผยแพร่ซึ่งอาจส่งผลเสียกับธุรกิจอีกด้วย สำหรับงานด้านเว็บไซต์แล้ว AI เป็นเครื่องมือที่เสริมศักยภาพของมนุษย์ หากเปิดใจเรียนรู้และนำไปใช้ในงานของเราอย่างเหมาะสม AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาลอย่างเเน่นอน

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ปฏิรูปแรงงานไทยสู่ “แรงงานแห่งอนาคต” ฝันเฟื่อง หรือ เรื่องจริง?

ความท้าทายและโอกาสในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาของประเทศไทย

×

Share

ผู้เขียน