เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กุญแจสำคัญต่ออนาคตของประเทศ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 31% ของทั้งประเทศ ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในประเทศที่ 46,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านบาทในปี 2568 ปริมาณนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์จากพื้นที่ EEC เติบโตสูงตามทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่แห่งนี้
ศศธร ภาสภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟดเอ็กซ์ ประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ล่าสุด FedEx ได้เปิดตัวศูนย์บริการแห่งใหม่ ให้บริการครบวงจรด้านการส่งพัสดุและโลจิสติกส์ ถือเป็นก้าวสำคัญในการรองรับความต้องการของธุรกิจนำเข้าและส่งออกในพื้นที่ EEC ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจสู่ตลาดสากล
FedEx หวังว่า ศูนย์บริการแห่งนี้จะมีส่วนร่วมผลักดันการเติบโตของพื้นที่ EEC ที่ปัจจุบันคิดเป็น 15.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย (GDP) พร้อมทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ให้เติบโตขึ้น 6.3% ในระหว่างปี 2566 – 2570 ด้วย

ศูนย์บริการแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4,900 ตารางเมตรใหญ่ขึ้นกว่าศูนย์เดิมเกือบสี่เท่า ตั้งอยู่ที่ปิ่นทอง โลจิสติกส์ ปาร์ค ซึ่งเป็นทำเลยุทธศาสตร์ใจกลาง EEC จึงทำให้เข้าถึงพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญได้สะดวกต่อการให้บริการรับ-ส่งพัสดุและสินค้าจากพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ถึงมือผู้รับในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง
ระบบคัดแยก 3,000 ชิ้นต่อชั่วโมง
ศูนย์ใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีการจัดการพัสดุขั้นสูง และระบบการคัดแยก ที่คัดแยกพัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 3,000 ชิ้นต่อชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันใช้ความเร็วอยู่ที่ระดับ 1,000 ชิ้นต่อชั่วโมง และคาดว่า ภายในปีนี้จะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ และขนาดของศูนย์จะรองรับการทำงานได้อย่างน้อย 5 ปี แต่ถ้าไม่พอสามารถขยายพื้นที่เช่าออกไปได้อีก อย่างไรก็ตาม สินค้าที่รับมาจะส่งออกวันต่อวันไม่ให้ตกค้าง
นอกจากนี้ ศูนย์บริการยังมีคลังสินค้าขนาด 4,560 ตารางเมตร เพื่อรองรับการขนส่งหลากหลายรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการโซลูชันการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ และบริการที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ ทั้งการขนส่งทางเครื่องบิน ทางเรือ และทางรถที่ร่วมกับเฟดเอ็กซ์ โลจิสติกส์ เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมในการจัดการการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก
อุตสาหกรรมที่ทำให้บริษัทต้องขยายพื้นที่บริการ ประกอบด้วย ยานยนต์ อากาศยาน และอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และบริษัทกำลังจะขยายลูกค้าเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยมองหาพันธมิตรในพื้นที่ หรือแบรนด์ไทย ปัจจุบันมีให้บริการแก่ผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน ที่ต้องส่งตัวอย่างไปตรวจสอบยังต่างประเทศ
ให้บริการครบวงจร
ศูนย์บริการแห่งนี้พร้อมนำเสนอบริการเสริมด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ประกอบด้วย บริการเหมารถสำหรับเข้ารับสินค้า/นำส่งสินค้า บริการตีลังไม้ บริการรมยา (Fumigation) ตามข้อกำหนดการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการรบกวนของแมลงหรือสัตว์ บริการจัดเรียงสินค้าบนพาเลต (ขนาดมาตรฐาน หน่วยลูกบาศก์เมตร) บริการช่วยเหลือ ณ สถานที่ของลูกค้า (On-dock Support) บริการจัดส่งสินค้าอันตรายแบบครบวงจร รวมถึงบริการการจัดการพิเศษอื่น ๆ
ความสามารถในการรับส่งสินค้าไม่มีขีดจำกัด ซึ่งที่เคยส่งมานอกจากเอกสารแล้ว ชิ้นใหญ่สุดคือ แพนด้า และยังมีสิ่งมีชีวิต เช่น ม้าแข่ง ปลาสวยงาม เป็นต้น การขนส่งสินค้าพิเศษจะต้องดูแลเป็นกรณีไป แม้แต่ลังไม้บรรจุสินค้า กรณีที่สินค้าไม่ใช่ขนาดมาตรฐานจะมีผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบ และดำเนินการให้ ณ พื้นที่ของลูกค้า
นอกจากนั้น ยังขยายเวลาเตรียมการจัดส่งเป็น 16.00 น. สำหรับการส่งออกจากพื้นที่อุตสาหกรรมหลัก เช่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เพื่อมอบความสะดวกสบาย และความยืดหยุ่นแก่ลูกค้า
“การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและการปรับการให้บริการ ช่วยให้การขนส่งข้ามพรมแดนเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าที่เรามอบให้ผู้ใช้บริการ การขยายศูนย์บริการครั้งนี้ ช่วยให้ตอบสนองความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในท้องถิ่นในตลาดโลกอีกด้วย
การให้บริการในประเทศไทย มีบุคลากรกว่า 1,300 คน การบิน 34 เที่ยวต่อสัปดาห์ ยานพาหนะ 394 คัน เป็นรถEV 40 คัน ซึ่งทยอยปรับเปลี่ยน ขึ้นกับสภาพโครงสร้างพื้นฐาน และการใช้งาน คาดว่าปี 2573 จะครบ 100% ซึ่งเป้าหมายของ FedEx ระดับโลกต้องการเป็น carbon neutral ภายในปี 2583
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
IWG เปิด 12 พื้นที่ใหม่ทั่วประเทศ รองรับการทำงานไฮบริด-ยืดหยุ่น
รพ.จุฬาภรณ์ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด รักษามะเร็ง’ แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว