G-Able บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี ประกาศมุ่งสู่การเป็น Tech Enabler เต็มรูปแบบ ที่ไม่เพียงแต่นำเสนอเทคโนโลยี แต่ยังช่วยลูกค้าตัดสินใจเลือกโซลูชันที่เหมาะสมเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน พร้อมทั้งเสริมศักยภาพด้าน Business Consulting สู่การเป็น One-Stop IT Solution Provider ที่ครบวงจร ตั้งเป้าการเติบโตแตะระดับหมื่นล้านบาท ผ่านทั้ง Organic Growth และ Inorganic Growth
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด กล่าวว่า ทิศทางของ G-Able 2025 โฟกัสที่การเป็น Tech Enabler Business Consulting Fact ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชื่อมโยง เทคโนโลยี (Tech Enabler) กับ การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consulting) โดยเน้นข้อเท็จจริง (Fact) หรือหลักการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ปัจจุบัน G-Able ไม่ได้แค่นำเทคโนโลยีมาวางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เท่านั้น แต่เรายังช่วยลูกค้าตัดสินใจว่า ทำไมพวกเขาควรเลือกโซลูชันเหล่านี้ เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าตลาดได้”
G-Able มองว่าการเป็น System Integrator อย่างเดียวไม่เพียงพอแล้ว เพราะอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปมาก ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่ติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานทาง IT แต่ต้องการคำแนะนำว่าเทคโนโลยีแบบไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจของเขา ดังนั้น จึงขยับมาเป็น Tech Enabler ซึ่งหมายถึงการเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ลูกค้าใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้าง Competitive Advantage และความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
เสริมศักยภาพด้วย 5 Business Portfolio
G-Able ขยายขีดความสามารถขององค์กรจากการให้บริการด้าน Infrastructure และ Cybersecurity ไปสู่โซลูชันที่ครอบคลุมมากขึ้น แบ่งออกเป็น 5 Portfolio หลัก ได้แก่
- Cloud & Infrastructure – บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที รวมถึง Cloud Solutions ที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจ
- Cybersecurity – โซลูชันด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ช่วยป้องกันภัยคุกคามดิจิทัล
- Business Applications – บริการพัฒนาและติดตั้งแอปพลิเคชันทางธุรกิจ
- Data Analytics & AI – การใช้ Big Data และ AI เพื่อช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจอย่างแม่นยำ
- Connected Services – บริการ Managed Services และ IT Outsourcing เพื่อช่วยลูกค้าบริหารจัดการเทคโนโลยี
การเปลี่ยนผ่านนี้มาพร้อมกับการ Reskill และ Upskill ทีมงานภายในองค์กร เพื่อให้สามารถให้คำปรึกษาเชิงธุรกิจได้มากขึ้น ทำให้ G-Able สามารถเป็น One-Stop IT Solution Provider ที่สามารถดูแลลูกค้าได้ครบวงจร
กลยุทธ์มุ่งสู่การเป็น Tech Enabler
ดร.ชัยยุทธ ระบุว่า G-Able จะให้ความสำคัญกับ Customer-Centric Approach โดยให้คำปรึกษาที่ตรงจุด และปรับแนวทางไปสู่การเป็น Tech Company ที่อยู่ในใจของลูกค้า
“เรายึดมุมมองของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพราะโจทย์ของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”
นอกจากนี้ G-Able ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้า Enterprise เช่น ธนาคาร ประกันภัย โทรคมนาคม และค้าปลีก และขยายบริการไปสู่กลุ่ม SME โดยพัฒนาโซลูชันที่เข้าถึงได้ง่าย เช่น Cloud และ AI ที่เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทิศทางใน 3-5 ปีข้างหน้า
ดร.ชัยยุทธ เล่าว่า วงการ IT ในปัจจุบันมีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือการทำงาน เราแค่ต้องหาจุดที่เหมาะสมและนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีของเราต้องปรับไปตามเทรนด์ของโลก ดังนั้น หากถามว่าทิศทางใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าคอนเซ็ปต์ของ Tech Enabler ยังคงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญคือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ ทุกวันนี้โจทย์ของลูกค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงต้องปรับแนวทางการทำงานของเราให้สามารถให้คำแนะนำที่ตรงจุด และเสริมสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้า
แน่นอนว่า เราเคยตั้งเป้าให้ G-Able เติบโตเป็น 2-3 เท่าหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จไม่ได้มีเพียงยอดขาย แต่รวมถึงการบริหาร Net Profit และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมด้วย ในอุตสาหกรรมไอที การเติบโต Organic Growth และ Inorganic Growth เป็นสิ่งสำคัญ เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านบริการให้คำปรึกษาและโซลูชันที่เป็นมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์แบบเดิม
โดยสรุป ภายใน 3 ปีข้างหน้าเป้าหมายของเราคือการเป็น One-Stop IT Solution Provider ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจร ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ไปจนถึง Business Application และโซลูชันที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เราไม่ได้ต้องการขายแค่ฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ แต่ต้องการเป็น Tech Enabler ที่สามารถช่วยลูกค้าปรับเปลี่ยนธุรกิจของพวกเขาให้เติบโตอย่างยั่งยืน
และมองว่า G-Able จะเป็น ผู้นำด้าน IT Solutions และ Tech Enabler อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งจะขยายบริการให้ครอบคลุมทั้ง Enterprise และ SME รวมถึงขยายตลาดไปต่างประเทศ และเชื่อว่าถ้าเรายังสามารถเป็น Partner ที่สำคัญของลูกค้าได้ และช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต เราก็จะเติบโตไปพร้อมกับพวกเขาด้วย
เป้าหมายการเติบโตสู่ระดับหมื่นล้านบาท
G-Able ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่หมื่นล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์เติบโตทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth โฟกัสสู่ลูกค้า การสร้างคุณค่าผ่านการให้คำปรึกษา
- Organic Growth เติบโตจากฐานลูกค้าเดิม พัฒนาโซลูชันให้มีมูลค่าเพิ่ม และขยายบริการใหม่
- Inorganic Growth ขยายผ่าน M&A (Merger & Acquisition) เช่น การเข้าซื้อกิจการเพื่อเสริมจุดแข็งด้าน Business Application และ Cloud Solutions
ดร.ชัยยุทธ เชื่อมั่นว่าการเติบโตแบบ Organic Growth จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคง และสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้น และมุ่งมั่นที่จะเป็น Tech Company ชั้นนำของประเทศไทย โดยไม่เพียงแต่ให้บริการด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังช่วยลูกค้าตอบโจทย์ทางธุรกิจและสร้าง Competitive Advantage อย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันเราไม่ใช่แค่ Implement เทคโนโลยีให้ลูกค้า แต่เราต้องสามารถให้คำแนะนำว่า เทคโนโลยีตัวไหนจะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
OTT ในมือใคร? ส่องบทบาทกสทช. ไทย และต่างประเทศ
FedEx ขยายศูนย์บริการ 3 เท่ารับการโต EEC
