17 องค์กรไทยรับรางวัล ASOCIO 2024 DX Award จากการพัฒนาและประสบความสำเร็จในการใช้ดิจิทัลที่โดดเด่น มาบริหารจัดการองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีเหล่านี้มีประโยชน์ใดบ้าง The Story Thailand มีข้อมูลบางส่วนมานำเสนอ
รับแจ้งความออนไลน์ รับมืออาชญากรรมทันท่วงที
พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผู้บัญชาการ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (รอง ผบช.สอท.) หน่วยงานที่ได้รับรางวัล Cybersecurity Award จากผลงาน Cyber Crime Investigation Bureau เผยว่า ได้มาจากเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.go.th ที่พัฒนาขึ้น เพื่อรับแจ้งความออนไลน์คดีทางไซเบอร์ทั้งหลายสามารถรับแจ้งความได้ทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาการเดินทางของประชาชน เพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการแจ้งความ ซึ่งมีผู้แจ้งความกว่า 1,000 ครั้งต่อวัน และได้เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบว่า เกิดความเสียหายจุดไหน อย่างไร
ระบบดังกล่าวใช้บริหารจัดการทำให้เห็นภาพรวม และจะขยายผลในอนาคตให้เป็นตัวชี้วัดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำงานแล้วต้องบันทึกลงระบบ หากไม่บันทึกเท่ากับไม่ได้ทำงาน ช่วยให้การมอบหมายงาน การประสานงานระหว่างหน่วยงาน และการติดตามสถานะดำเนินไปอย่างโปร่งใส รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้การจัดการกับอาชญากรรมทางออนไลน์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมและการทำงานของตำรวจ
“ข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ธนาคาร ค่ายมือถือ คริปโตเคอเรนซี่ จะให้เจ้าหน้าที่บันทึกเข้าสู่ระบบ ทำให้ได้เห็นว่า คดีหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้น มีความเชื่อมโยงกับอีกกี่คดีที่เกิดในระบบ บัญชีม้า ใช้ซิมโทรศัพท์เบอร์นี้ซึ่งจะนำไปสู่มาตรการแก้ปัญหา การได้รับรางวัลเป็นความภาคภูมิใจว่าเราเดินมาถูกทาง และจะเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาขนอย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ระบบยังมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดในอนาคตเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การดำเนินการให้ระบบนี้ประสบความสำเร็จในเชิงปฏิบัติจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งการพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมรับมือกับเทคโนโลยีและความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ลดค่าใช้จ่ายกว่าครึ่ง-เพิ่มประสิทธิภาพเบิกจ่าย

พงศธร ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ กรมบัญชีกลาง ซึ่งได้รับรางวัล Digital Government Award จากผลงาน Comptroller General’s Department เล่าถึงระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ หรือระบบ New GFMIS Thai ว่า เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นภายใต้ Software Open source ที่ลดค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณการพัฒนาลงมากกว่าครึ่ง
ระบบดังกล่าวมีความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาและปรับปรุงให้ทันสมัย เชื่อมโยง และบูรณาการกับกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และรองรับการเพิ่มขึ้นของหน่วยงานรัฐที่จะเกิดขึ้นใหม่ ทำให้เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัวจากการจ่ายตรงเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรงภายใน 2 วันไม่ต้องผ่านหน่วยงานเช่นเดิม
หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจะเข้าใช้ระบบนี้ สะดวกด้านการเบิกจ่าย ครบถ้วน ถูกต้อง ปัจจุบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้ามาในระบบแล้ว โดย อบต. กว่า 7,000 แห่ง เข้าสู่ระบบแล้ว 2,000 แห่ง และจะทยอยเข้ามาอีกปีละ 1,000 แห่งจนครบภายในปี 2572
กว่า 16 ล้านคนได้ประโยชน์จากเมืองอัจฉริยะ
ดร.นน อัครประเสริฐกุล ผู้จัดการอาวุโส การจัดการเมืองอัจฉริยะ (SMART CITY) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เจ้าของรางวัล Smart City Award เล่าว่า ดีป้า ทำเรื่องการจัดการเมืองอัจฉริยะมาตลอด 6 ปี ซึ่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดการเมืองอัจฉริยะของอาเซียน มีโครงการที่ได้รับเลือกให้เป็นเมืองต้นแบบของโลกหลายเมือง
“เราพยายามทำเมืองน่าอยู่ในเกิดขึ้น ช่วง 2-3 ปีแรกทดลองหาหลายวิธี และค้นพบว่า เทคโนโลยีนำแต่คนไม่รับรู้ด้วย เพราะใหม่เกินไป หรือราคาสูงเกินไป สุดท้ายแล้วไปต่อไม่ได้ หรือนโยบายนำ แต่คนที่นำไปทำต่อไม่เข้าใจว่าจะทำต่ออย่างไรให้ยั่งยืนได้ เริ่มได้ จัดซื้อจัดจ้างได้ แต่การจะไปต่อในปีที่ 2 จะอย่างไร พอปีที่ 3 และ 4 เริ่มเห็นทิศทางการเป็น SMART CITY ต้องมีหลักการ 3Cs ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับอาเซียน และต้องการนำไปใช้ ได้มาเจรจากับดีป้าให้เป็นต้นแบบ เช่น ภาครัฐของฟิลิปปินส์ มาเลเซีย”
ประกอบด้วย 1. Collaboration ร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศกว่า 183 แห่ง ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมที่แข่งขันได้และการพัฒนาอย่างยั่งยืน กลยุทธ์นี้นำไปสู่การขยายตัวของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทยจาก 27 เมืองเป็น 158 เขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะในช่วงปี 2562-2567 (เติบโตขึ้นกว่า 500%) โดยในจำนวนนี้มี 36 เมืองอัจฉริยะที่ได้รับตราสัญลักษณ์ฯ มีประชากรที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนานี้กว่า 16 ล้านคน ดึงดูดการลงทุนมูลค่ากว่า 66,000 ล้านบาท
“ต้องร่วมงานกับคนที่เข้าใจและมีส่วนได้ส่วนเสียตั้งแต่ผู้นำเมือง ถึงคนในเมือง และตรงกลางระหว่างนั้นคือ คนทำงานในเมือง จะต้องเข้าใจว่า เทคโนโลยีที่นำมาไม่ได้ทำให้งานมากขึ้น แต่ช่วยให้งานที่ทำอยู่น้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงนำโครงการที่มีประโยชน์ไปพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เข้าใจ และทำโครงการนำร่องให้เห็นความเป็นไปได้ และดึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเข้ามาแสดงความคิดเห็นจนมั่นใจว่า โครงการไปได้จริง ๆ จึงทำ และทำให้เห็นว่า เกิดการพัฒนาได้อย่างยั่งยืนจริง ๆ”
2. Co-Creation มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่วมมือกับภาคเอกชนมากขึ้น จากเดิมการจัดซื้อจัดจ้างมีความยากลำบาก ต้องผ่านคณะกรรมการหลายชุด โดยเฉพาะโครงการที่มีความใหม่ โครงการดิจิทัล ต้องทำบัญชีบริการดิจิทัลขึ้น เพื่อทำให้โซลูชั่นมีประสิทธิผลที่ดีได้อยู่ในบัญชีเพื่อเมืองนำไปใช้ได้
3. Capacity Building เป็นตัวนำในหลายมิติ ผ่านโครงการสำคัญ เช่น โครงการนักดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (Smart City Ambassadors) และการจัดอบรมตลอดจนหลักสูตรด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้แก่ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ และเยาวชนกว่า 1,000 คน โดยเชื่อว่า ถ้าไม่สร้างทักษะ หรือความสามารถแก่คนที่จะมาทำงานตรงนี้ จะไม่เกิดประโยชน์
ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา แม้ช่วงเกิดการระบาดของไวรัสก็ไม่หยุด ดีป้าเข้าไปพัฒนาคนให้ความรู้และสร้างทักษะแก่ผู้นำเมืองโดยเฉพาะผู้นำเมืองไปไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จากที่มีเทศบาลประมาณ 7,000 แห่ง และปีนี้จะผลักดันให้ถึง 5,000 คนให้ได้
เผยแพร่มาตรฐานหนุน e-Government
รางวัล Digital Government Award ส่วนของภาคเอกชน มอบแก่บริษัท ที-เน็ต จำกัด ปรึกษาทางด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งในหลายๆ ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปจัดทำแบบประเมินทางด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ทั้งยังจัดทำ แปล เรียบเรียง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย มาตรฐานการบริหารจัดการข้อมูลต่างๆ มาตรฐานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานทางด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเข้าสู่มาตรฐานระดับสากล
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที-เน็ต จำกัด บอกว่า หลักการทำงานคือ มองว่าประเทศไทยขาดอะไร โลกกำลังเล่นเรื่องอะไร แล้วเราทำอะไร เช่น แปลเอกสารเรื่องมาตรฐานต่างๆ
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันการที่ AI บูมใครๆ ก็ใช้งาน เป็นการเอื้อทั้งคนป้องกัน และคนร้ายที่มีอาวุธใหม่ ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ใช้ทำเรื่องร้าย ๆ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องใดๆ ต่างจากคนป้องกัน หรือองค์กรที่ดีจะนำ AI ไปใช้งานต้องวางนโยบาย กรอบการใช้งาน การวิเคราะห์ความเสี่ยง มาตรฐานการใช้
“เรามองว่า ประเทศไทย ขาดการประเมินความเสี่ยงด้าน AI ทุกองค์กรใช้หมด แต่ไม่ประเมินความเสี่ยง เทคนิคไม่ต้องคำนึงเพราะเป็นเรื่องของเขา เราควบคุมไม่ได้ เป็นแพลตฟอร์มของเขา ยกเว้นจะทำแพลตฟอร์มขึ้นเอง ที่เป็นห่วงคือ ก่อนเราจะเข้าไปใช้ เรารู้หรือไม่ว่า เรากำลังเสี่ยงเรื่องอะไร ซึ่งแนะนำให้องค์กรต้องตีกรอบ วางนโยบาย ประเมินความเสี่ยง และบริษัทเองก็ได้ช่วยโพรวายด์ ด็อกคิวเมนต์ ของต่างชาติแปลเป็นภาษาไทยเผยแพร่บนเฟซบุ๊ก Komain Pibulyarojana ให้เข้าไปดูได้”
คว้า 11 รางวัลในการแข่งขัน APICTA 2024
ส่วนการแข่งขัน Asia Pacific ICT Alliance (APICTA) ที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาผลงานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นในระดับเอเชียแปซิฟิกนั้น ปี 2024 จัดขึ้นที่ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ประเทศไทยส่งเข้าประกวด 18 ผลงาน

สุภัค ลายเลิศ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย (ATCI) แจ้งผลการแข่งขันว่า ตัวแทนประเทศไทยได้รับรางวัล Winner 4 รางวัล First Runner-up 2 รางวัล Second Runner-up 2 รางวัล และ Merit 3 รางวัล รวมผลรางวัล ประเทศไทยอยู่อันดับ 3 จาก 16 กลุ่มประเทศ และยังได้รับรางวัลพิเศษอีก 1 รางวัลจากผลงานของนักเรียน คือ รางวัล People’s Choice Award ที่มอบให้แก่ผลงานนักเรียน นักศึกษาที่ได้รับผลโหวตมากที่สุดในการแข่งขัน APICTA 2024
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
รัฐบาลทั่วโลกกุมขมับ หลัง OTT ขยายแสนยานุภาพ
AssetWise ฉลอง 20 ปี มุ่งสร้างความสุข…ให้ทุกจังหวะของชีวิต พร้อมเปิดตัว 10 โครงการใหม่