ข้อมูลจาก IDC Worldwide ICT Spending Guide Enterprise and SMB by Industry – 2025 | Feb (V1 2025) บริษัทวิจัยข้อมูลการตลาดแถวหน้าของโลก เผยคาดการณ์ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยปี 2568 ยังคงมีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 12% ของการใช้จ่ายด้านไอทีโดยรวมทั้งประเทศ
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS Thailand ชี้ว่า จากข้อมูลดังกล่าวเท่ากับบริษัทยังมีโอกาสอีก 88% สำหรับทำตลาดแก่ลูกค้าที่ยังใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร (On prim)
ขณะที่ ข้อมูลจาก Frost and Sullivan ระบุว่า การใช้จ่ายบนคลาวด์จะเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ต่อปี และภายในปี 2572 จะเติบโตสูงถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนตลาด Generative AI ในประเทศไทย คาดว่าในปี 2568 จะมีมูลค่าถึง 312 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 41.5% ต่อปี จนมีมูลค่าสูงถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
เพิ่มประสิทธิภาพเข้าถึงบริการคลาวด์
ก่อนหน้านี้ Amazon Web Services (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของโลก ได้ประกาศแผนลงทุนระยะยาวมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 15 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง โดยคาดว่าจะสร้างการจ้างงานเต็มเวลากว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ GDP ของไทยประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
วัตสัน ระบุว่า การเปิดให้บริการ AWS Region ในประเทศไทยได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้แก่ภาคธุรกิจ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการคลาวด์ ลดความหน่วงเวลาในการประมวลผลข้อมูลประมาณ 3 เท่า จาก 67 ms เหลือ 21 ms และมีความพร้อมใช้งาน (uptime) สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด ซึ่งมีผลสำคัญต่อผู้พัฒนาแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพราะองค์กรธุรกิจสามารถพัฒนาและให้บริการแอปพลิเคชันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์การแข่งขันในยุคดิจิทัล
อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบอัตราค่าบริการระหว่างใช้บริการคลาวด์ในประเทศใกล้เคียงเช่นสิงคโปร์กับไทย ราคาจะต่างกัน 10-15% ขึ้นอยู่กับประเภทบริการ
“การลงทุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เทคโนโลยี AI กำลังเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับองค์กรไทย”
ขยายตลาดโทรคม-สาธารณสุข
การเติบโตในประเทศไทยของ AWS ได้วางผ่าน 5 แกนหลัก ได้แก่ 1. การผลักดันการใช้งาน AWS Region ในประเทศไทยโดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่อยู่ใน 12% ที่ใช้จ่ายอยู่แล้ว ให้นำคลาวด์ไปใช้เร็วขึ้น 2. การเร่งสร้างคุณค่าทางธุรกิจด้วย AI และข้อมูล 3. การขยายเครือข่ายพันธมิตร
4. การขยายฐานลูกค้าครอบคลุมอุตสาหกรรมใหม่ๆ อาทิ โทรคมนาคม และสาธารณสุข จากฐานลูกค้าเดิมในภาคการเงินการธนาคาร ค้าปลีก และอุตสาหกรรมการผลิต และ 5. การเสริมสร้างชุมชนผู้สร้างนวัตกรรมบน AWS (AWS Builder) และ นักพัฒนา โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์สำคัญระดับโลก
เปิดผลงานสตาร์ตอัพ
วัตสัน ยังพูดถึงความสำเร็จของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยสะท้อนให้เห็นผ่านกรณีของ BOTNOI สตาร์ตอัพไทยที่สามารถพัฒนาแพลตฟอร์ม AI ระดับภูมิภาค รองรับการใช้งานกว่า 20 ภาษา ด้วยความแม่นยำสูงถึง 95% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนานวัตกรรมระดับโลก
อีกหนึ่งกรณีศึกษา คือ CPALL ที่ได้นำ Generative AI มาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงระบบ Supply Chain ผ่านบริการ Amazon SageMaker โดยใช้ในการวิเคราะห์และเก็บสถิติข้อมูลสินค้าในแต่ละสาขา ส่งผลให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้สะดวกยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือสามารถลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกได้ถึง 40% ในสาขาของ 7-11 ที่มี 15,000 แห่ง เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการนำ Generative AI มาประยุกต์ใช้สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่จับต้องได้
Agentic AI ได้รับความสำคัญ
พร้อมกันนี้ วัตสัน ยังให้ข้อมูลทิศทางของ Generative AI ว่า Agentic AI เป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญ Multi-modal การใช้งานจะเป็นทั้งรูปแบบภาพ ภาษา และหลากหลายสื่อ Multiple models การใช้งานหลากหลายโมเดล ไม่มีโมเดลใดโมเดลหนึ่งที่ครองโลก องค์กรต้องมีทางเลือกที่หลากหลาย AI Policies & Standards จะได้รับความสำคัญ
ทั้งนี้ AWS คาดการณ์แนวโน้มการใช้งาน Generative AI ในปี 2568 ว่า องค์กรต่าง ๆ ที่ลงทุน AI ต่างหวังผล และเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ จะไม่ใช่ระยะทดลอง หรือทำโครงการนำร่องเช่นปีที่ผ่านมาแล้ว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ASOCIO มอบรางวัล 17 องค์กร เพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี
InsureX FORECAST 2025 ร่วมอัปเดตอนาคตของประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย
