Share on
×

Share

WHA Digital มากกว่า Tech Company เพราะนี่คือ Tech-Driven Organization

เป็นเรื่องที่ทุกคนเห็นตรงกันว่ากระแส Digital Transformation ได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมภาคธุรกิจทั่วโลก แม้แต่ผู้นำอันดับ 1 ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทยอย่างบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ก็ยังเห็นด้วยและได้ประกาศวิสัยทัศน์ชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็น Tech & Sustainable Company โดยมีธุรกิจดิจิทัล “WHA Digital” เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ยกระดับเป็น Tech-Driven Organization อย่างเต็มรูปแบบ

จุดเริ่มต้นเส้นทางดิจิทัลของ WHA Group นั้นเริ่มต้นในปี 2017 จากในช่วงแรกที่ยังไม่มีทีมเทคโนโลยีของตัวเอง จนกระทั่งปี 2020 ถึงปี 2021 จึงได้มีการจัดตั้งทีมอย่างเป็นทางการ และแจ้งเกิด “บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด” เป็นบริษัทนิติบุคคลในปี 2022 ภายใต้การนำของ นันท์ศิลป์ เจนวารินทร์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ดิจิทัล จำกัด (WHA Digital) และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

WHA Group สามารถทรานสฟอร์มธุรกิจหลักให้เป็นดิจิทัลด้วยการพัฒนาและนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาปรับใช้ ขณะเดียวกันก็สร้างผลิตภัณฑ์ และมูลค่าเพิ่มใหม่ พร้อมกับเสริมศักยภาพทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าคู่ไปด้วย โดยโครงการที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ ธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) ซึ่งเป็น Built to Suit EV Ecosystem for Logistics ภายใต้แบรนด์ “โมบิลิกส์” (Mobilix) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร ที่รวม 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน แพลตฟอร์มสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ 

ปัจจุบัน WHA มีทัพใหญ่ 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจการพัฒนาอุตสาหกรรม (14 แห่งในไทยและ 1 แห่งในเวียดนาม) ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน ธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน และล่าสุดธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) การเติบโตของทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจนี้ คาดการณ์กำไรสูงสูดต่อเนื่องในปี 2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มบริษัทฯ 14,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 5 ปีที่ 150,000 ล้านบาท

ตัวเลขผลประกอบการของ WHA จะไม่หยุดเท่านี้ เพราะคุณนันท์ศิลป์ย้ำว่าสิ่งที่ WHA Digital กำลังมองหาคือการหาวิธีที่ธุรกิจดิจิทัลจะช่วย ทุกหน่วยธุรกิจหลักของ WHA ในอนาคต

ไม่แข่งยิ่งแพ้

นันท์ศิลป์เล่าถึงที่มา วิสัยทัศน์ และการก่อตั้ง WHA Digital ว่าเป็นผลจากการปรับตัวของ WHA เพื่อไม่ให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เห็นได้จากข้อมูลของ McKinsey ที่พบว่าอายุเฉลี่ยของบริษัทในดัชนี S&P 500 นั้นลดลงจาก 61 ปี เหลือเพียง 18 ปี สาเหตุของภาวะนี้คือการหยุดชะงักเพราะ Digital Disruption ซึ่งแม้ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของ WHA จะมีความเสี่ยงต่ำในการถูก Disrupt แต่องค์กรก็ตระหนักดีว่าการไม่ปรับตัว ก็อาจนำไปสู่การสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

“จุดยืนของเราในเรื่องการทำ Digital Transformation คือ เราจะไม่ถูกดิสรัปโดยโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง  เราอยากจะเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจที่เราทำอยู่ ตอนนั้นเรามองว่าเป็นเรื่องทั่วไปที่องค์กรมองเหมือนกันหมดคือ 1. ต้องการให้ลูกค้าอยู่กับเรา และมีความภักดีต่อแบรนด์ สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าบอกต่อ 2. คือกระบวนการภายในที่รันมา 20 ปีสำหรับกลุ่มคลังสินค้า และ 30 ปีสำหรับกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ทำอย่างไรให้มั่นคง รวมถึงควบคุมต้นทุนและลดการใช้จ่ายเพื่อให้ยังกำไรได้อยู่ 3. คือ WHA มีอีโคซิสเต็มที่ใหญ่มาก ทั้งลูกค้าพันกว่ารายในนิคม รวมถึงคลังสินค้า เราพบว่าข้อมูลวนเวียนเต็มไปหมด ซึ่งไม่ได้เอาข้อมูลนั้นมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในช่วงก่อนเริ่มทำ Digital Transformation”

เทรนด์ที่เห็น กับความจริงที่เป็น

เมื่อรู้ว่าต้องปรับ WHA Digital มองเห็น 6 แนวโน้มการทำ Digital Transformation ที่เกิดขึ้น แนวโน้มแรก คือ ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่แทบทุกธุรกิจให้ความสำคัญมากในปัจจุบัน โดยคุณนันท์ศิลป์มองว่า AI เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกธุรกิจ เนื่องจาก AI คือตัวช่วยและเป็นตัวเร่งสำคัญในการทำให้ธุรกิจเดินไปได้เร็วขึ้น

“เราไม่ได้ตั้งโจทย์ว่าเอา AI ไปใช้อะไร แต่เราตั้งโจทย์ว่าเรามีปัญหาอะไรแล้ว AI มาช่วยเราได้อย่างไร ถ้า AI ช่วยไม่ได้ ก็จะต้องปรับที่กระบวนการของเรา หรือคนหรือผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อจะมาช่วยแทน”

แนวโน้มที่ 2 คือ บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งจะช่วยให้การปกป้องข้อมูลของลูกค้าทำได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็มีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยและโปร่งใสของข้อมูล WHA Digital จึงมีแนวคิดนำ Blockchain มาเสริมสร้างธุรกิจของ WHA Group นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่ 3 เรื่องการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งและต้องให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัดกับการรักษาความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งหมดนี้คุณนันท์ศิลป์เชื่อว่าแนวโน้ม Digital Transformation จะยังเป็นไปในแนวทางนี้ต่อเนื่องช่วง 1-3 ปีข้างหน้า 

เช่นเดียวกับแนวโน้มที่ 4, 5 และ 6 คือ 5G, การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ และ Edge Computing หรือ การประมวลผลข้อมูลให้แสดงผลรวดเร็วใกล้เคียง real-time มากที่สุด ซึ่งจะจำเป็นกับสินค้าหรือบริการบางอย่าง ที่ต้องการประมวลผล ณ จุดที่อุปกรณ์ถูกใช้งานเลย เช่น รถไร้คนขับที่ควรประมวลผลได้ที่ถนน ไม่ควรต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์แล้วส่งกลับลงมา ขณะเดียวกันก็มีการผสม AI ลงไปที่ Edge Computing ด้วย

“อีกเทคโนโลยีคือ 5G แม้เราจะพูดกันมานานแล้ว แต่ use case ก็ยังไม่ค่อยเกิดในวันนี้ ดังนั้นใครที่สามารถประยุกต์การใช้งานให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงจาก 5G ผมเชื่อว่าจะทำให้เกิดธุรกิจใหม่ได้”

นอกจากวางแผนปรับปรุงธุรกิจหลักด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล WHA Digital ยังวาง Roadmap สู่ความสำเร็จด้วยการสร้างทีมงานด้านเทคโนโลยี พร้อมกับการพัฒนาระบบองค์กรอัจฉริยะ การวางรากฐาน และการปูทางเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

“WHA Group ไม่ได้มองเรื่องการปรับเทคโนโลยีหรือกระบวนการอย่างเดียว แต่มีการปรับเรื่องคนด้วย เรามองว่าจะต้องปรับบุคลากรให้เป็นบุคลากรดิจิทัล จึงมีการเพิ่มความรู้ความเข้าใจในเรื่องดิจิทัล รวมถึง AI และเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการจัดสอนเพื่อให้พนักงานสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้”

จาก Digital Innovation สู่ Digital Transformation

ในฐานะคนทำ Digital Transformation ที่ผ่านมา นันท์ศิลป์เล่าถึงแนวคิดในการเปลี่ยนผ่านว่ามาจากการต่อยอดแนวคิด Digital Innovation ที่ WHA Group เริ่มไว้ในช่วงแรกในปี 2017 เวลานั้น “จรีพร จารุกรสกุล” ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มุ่งสร้างนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อให้เกิดโซลูชันกลุ่มอัจฉริยะเพื่อนำมาใช้กับบริษัทในกลุ่ม จนถึงปี 2020 บริษัทเริ่มวางนโยบายมุ่งเป็น Tech Company ซึ่งดำเนินการสำเร็จในปี 2024 สามารถประกาศได้ว่า WHA เป็นบริษัท Tech and Sustainable Company เรียบร้อยแล้ว 

เมื่อเข้ามาสัมผัส WHA Digital ในปี 2020 คุณนันท์ศิลป์ยอมรับว่าการที่บริษัทจะไปได้เร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับรากฐาน บริษัทจึงเน้นพัฒนาเทคโนโลยีโดยให้ความสำคัญทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยจุดประสงค์ที่ WHA มองคือผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ต้องการหาโมเดลธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงระบบไฟฟ้าและน้ำ โดยมุ่งหวังที่จะต้องหาพันธมิตรธุรกิจที่เป็น New S-Curve ตัวใหม่ เพื่อรักษาจุดยืนให้ WHA เป็นผู้นำในตลาดต่อไป

ความท้าทายขององค์กรส่วนใหญ่ คือการที่ไม่สามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มากมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการขาดบุคลากรที่มีความพร้อมในการทำดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น รวมถึงการใช้ Data ยังมีจำกัด ต่างคนต่างเก็บข้อมูลในแผนกโดยไม่ได้มีการแบ่งปันกัน ทำให้ผู้บริหารไม่สามารถใช้ข้อมูลในการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที

​​นอกจากนี้ ความท้าทายยังอยู่ที่กระบวนการการทำงานต่าง ๆ บนระบบงานสำหรับองค์กร เช่น ERP รวมถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานที่ควรพร้อมรองรับการ Transformation โดยที่สุดแล้วความท้าทายเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อหาคำตอบว่าเป้าหมายที่ต้องการเห็นในปี 2020 คืออะไร และผลการวิเคราะห์จะถูกกำหนดเป็นนโยบายการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ที่ WHA Group เป้าหมายแรกของการทำ Transformation คือเป้าหมายการเพิ่มจำนวนลูกค้า และเพิ่มประสบการณ์ที่ประทับใจ ขณะที่เป้าหมายที่ 2 คือการเพิ่มความพอใจของพนักงาน โดยที่ไม่ต้องมีการบังคับ ลดแรงต้าน และสร้างความเข้าใจว่าทุกการเปลี่ยนแปลงที่ทำนั้นเป็นการช่วยพนักงาน ส่วนเป้าหมายที่ 3 คือการให้บริการอย่างเป็นเลิศ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายสุดท้ายคือการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มั่นคง เพื่อจะเป็นแหล่งเกิดรายได้ใหม่

“Digital Strategy ของ WHA เริ่มต้นจากการจัดการหลังบ้านให้เรียบร้อย มีการติดอาวุธเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับธุรกิจหลักทั้งคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรม มีการสร้างทีมงานและเปิดใช้งานระบบองค์กรอัจฉริยะที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างพื้นฐานดิจิทัล ทั้งหมดนี้เมื่อคนพร้อม เทคโนโลยีพร้อม จึงมีการคิดถึงเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ตั้งธุรกิจใหม่ขึ้นมา นั่นคือการเกิดขึ้นของ โมบิลิกส์ (Mobilix)”

จากปีแรกของ WHA Digital ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลแบบเข้มข้น และผู้บริหาร WHA มีการบอกความต้องการเพื่อให้เกิดการปรับใช้อย่างละเอียดแบบ “ทุบดาวน์” จนปีที่ 2 จึงเริ่มมีการสื่อสารจากล่างขึ้นบน หรือ Bottom-Up กลายเป็นการสร้างวัฒนธรรม Innovative Workplace ที่ทุกคนรู้แล้วว่าจะต้องทำงานใด และมีความรู้เรื่องวิธีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล 

จนปี 2022 นันท์ศิลป์พบว่าเริ่มมีการเสนอไอเดีย ซึ่งในช่วง 2 ปีหลังนี้เอง ที่นันท์ศิลป์พบว่าข้อมูลที่มีในระบบมีมากเพียงพอ จึงทำระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านั้น เพื่อเริ่มปูทางสู่การเป็น Data Driven Organization ในปี 2023 และทรานส์ฟอร์มเป็น Tech and Sustainable Company ในปี 2024

“เส้นทางของ WHA Digital เริ่มต้นจากการทำพื้นฐานและความปลอดภัยก่อน เวลานั้นมีโครงการเกิดขึ้น 20-30 โปรเจ็กต์ในปีที่ 1 ต่อมาในปีที่ 2 จึงเริ่มมี Innovative Workplace เราได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารในการจัด Business Innovation Boot Camp มีการนำเอาโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจมาต่อยอด ตัวอย่างเช่น โมบิลิกส์ (Mobilix) เป็นหนึ่งในโครงการที่เราแยกออกมาจากโครงการที่ชนะ เราจัด Design Thinking Workshop เพื่อเป็นเพื่อระดมสมอง และสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กรของเรา เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่าการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกคนสามารถทำได้ อย่าไปกังวลว่าทำยาก”

สำเร็จและโดดเด่น

AI Data culture

สำหรับปีนี้ WHA กำลังเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีโครงการสำคัญหลายด้านที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์นี้ หนึ่งในโครงการสำคัญที่  WHA Digital สามารถใช้เทคโนโลยีในการยกระดับองค์กรคือ ระบบศูนย์ควบคุมส่วนกลาง หรือ Unified Operation Center (UOC) ที่รวมระบบควบคุมนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งทีม WHAppy ที่มีตัวแทน 20-30 คนจากทุกแผนก เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสารการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรด้วย

ในอีกด้าน WHA Digital ยังเน้นสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม โดยมีการจัด Data Clinic เพื่อรวบรวมความต้องการด้านข้อมูลจากทุกแผนก และจัดทำซีรีส์ให้ความรู้ด้านข้อมูลและ AI แก่พนักงานด้วย มีการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสาธาณูปโภคและพลังงานเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ โดยการพัฒนา IoX Platform เป็นแพลตฟอร์มระบบศูนย์กลางของ Solar Operation & Maintenance และล่าสุดได้พัฒนาต่อยอดนำ AI มาเพิ่มศักยภาพการทำงานของระบบให้ตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า เพื่อการวางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการใช้ Data Analytics ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการสูญเสีย และสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ยังมี โมบิลิกส์ เป็นการปฏิวัติการเดินทางขนส่งสู่ความยั่งยืน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นตัวเอกของ WHA Digital ในปีนี้

ล่าสุดธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “โมบิลิกส์ (Mobilix) มีบริการเช่ารถ EV เชิงพาณิชย์ มีโมบิลิกส์ซฟอต์แวร์โซลูชัน ที่ WHA Digital เป็นผู้ดูแล และ WHA Utilities and Power (WHAUP) รับผิดชอบด้านสถานีชาร์จ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันสู่รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมระบบอัตโนมัติที่ช่วยในการจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ สามารถตรวจสอบตำแหน่งของยานพาหนะ วิเคราะห์สภาพรถยนต์และแบตเตอรี่ได้แบบเรียลไทม์เพื่อการบำรุงรักษาเชิง   คาดการณ์ ปกป้องอายุการใช้งานและประสิทธิภาพของรถยนต์ และสามารถวิเคราะห์รูปแบบการขับรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมโยงผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันเข้ากับเครือข่ายสถานีชาร์จ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบตำแหน่งสถานที่ของจุดชาร์จ จองเวลาการชาร์จ และบันทึกข้อมูลการชาร์จ”

แอปพลิเคชันแว๊บบิท

นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันแว๊บบิท (WHAbit) แพลตฟอร์มบริการด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นการก้าวออกจากธุรกิจหลักด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ WHAbit เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของคุณจรีพรที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและพนักงานในนิคมอุตสาหกรรม WHA กว่า 200,000 คน รวมถึงชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ด้วยบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ กิจกรรมแข่งขันนับก้าวออนไลน์ แดชบอร์ดวิเคราะห์สุขภาพ พร้อมอุปกรณ์ตรวจสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็น One-stop Service ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน

ในด้านความยั่งยืน WHA Digital ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ปัจจุบันมี 40 โครงการที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนอกจากการรีไซเคิลแล้ว ยังมีแนวทางการนำกลับมาใช้ที่ลดขยะอีกหลายรูปแบบที่กำลังโฟกัสอยู่

ตลอดปี 2024 บริษัทมี 12 โครงการที่เกี่ยวข้องกับ Computer Vision และ Generative AI โดยเปิดโอกาสให้ทุกแผนกสามารถใช้งาน AI ภายในองค์กรได้ พร้อมทั้งมีการพัฒนา AI for Sustainability ซึ่งจะเสริมกับเป้าหมายสู่การเป็น Tech-Driven Organization ทำให้ 

AI for Sustainability

WHA Group เดินหน้าสู่การเป็น Tech-Driven Organization

“Tech-Driven Organization แตกต่างจากการเป็น Tech Company เพราะไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาติดตั้ง แต่เราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม การทำ Digital Transformation เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอนที่ไม่มีวันสิ้นสุด แม้จะดำเนินการมาและเราก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป”

ที่สุดแล้ว WHA Digital ยังคงมองหาโอกาสในการใช้ธุรกิจดิจิทัลเพื่อสนับสนุน 5 หน่วยธุรกิจหลัก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สอดคล้องกับทิศทางของกลุ่มบริษัทและธุรกิจหลัก การสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาองค์กร อีกทั้งยังมองหาโอกาสในการใช้ธุรกิจดิจิทัลเพื่อส่งเสริมศักยภาพให้กับภาคอุตสาหกรรมแบบไม่รู้จบ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Jubilee ผนึก POP MART เปิดตัวคอลเลกชันพิเศษ ขยายตลาดสู่ Gen Z

SAMART โชว์รายได้รวมปี 67 แตะ 10,157 ล้านบาท

×

Share

ผู้เขียน