นับตั้งแต่กันยายน 2564 เอลซัลวาดอร์ กลายมาเป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (Legal tender) นับเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญของเอลซัลวาดอร์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการปฏิวัติสู่เสรีภาพทางการเงิน ในฐานะของเงินสกุลดิจิทัลที่ถูกกฎหมาย โดยจุดเริ่มต้นนี้ได้นำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองสู่การสะสม Bitcoin เชิงกลยุทธ์เพื่อเป็นสินทรัพย์สำรอง การเปลี่ยนแปลวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสกุลเงินดิจิทัลเข้ากับเศรษฐกิจของชาติและอิทธิพลของสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
หลังการประกาศใช้ Bitcoin ของประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล แห่งเอลซัลวาดอร์ได้รับความสนใจจากทั่วโลก ด้วยวิสัยทัศน์ของการเสริมพลังทางด้านเศรษฐกิจและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งรัฐบาลได้ลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Bitcoin รวมถึงกระเป๋าเงิน Chivo และตู้ ATM Bitcoin และยังจูงใจให้มีการรับ Bitcoin ด้วยการแจก Bitcoin มูลค่า 30 ดอลลาร์ผ่านกระเป๋าเงิน เป้าหมายคือการปฏิวัติภูมิทัศน์ทางการเงิน ส่งเสริมการทำงานร่วมกันทางการเงิน และลดการพึ่งพาระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
แม้ว่าในความเป็นจริงของการดำเนินนโยบายที่จริงจังเช่นนี้เต็มไปด้วยความท้าทายอย่างมาก เพราะ ประชาชนในประเทศยังมีความลังเล โดยในปี 2567 ชาวเอลซัลวาดอร์ใช้ Bitcoin ในการชำระเงินประมาณ 8% แม้นักวิเคราะห์จะมองว่าเป็นตัวเลขี่ไม่มากนัก แต่แสดงให้เห็นว่ามีอัตราการใช้ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์จากที่ผ่านมีอัตราการใช้งานที่ต่ำมาก โดยส่วนหนึ่งการใช้งานน้อยเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาและการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับ Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชน
นอกจากนี้ IMF ยังแสดงความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจจะขึ้นจากนโยบาย Bitcoin ของเอลซัลวาดอร์ โดยเตือนถึงความไม่มีเสถียรทางเศรษฐกิจและการเงินที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งนำมาสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับ Bitcoin
ในช่วงปลายปี 2024 รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้รับเงินกู้จาก IMF มูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ เงื่อนไขสำคัญของเงินกู้นี้คือการลดทอนกฎหมายที่เกี่ยวกับ Bitcoin ลงอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการทำให้การรับ Bitcoin เป็นไปโดยสมัครใจสำหรับภาคธุรกิจ การยกเลิกการใช้ Bitcoin สำหรับการชำระภาษี และอาจจะค่อย ๆ ยกเลิกโครงการกระเป๋าเงิน Chivo มาตรการเหล่านี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากวิสัยทัศน์เริ่มต้นของ Bitcoin ในฐานะสกุลเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ Bitcoin ยังคงมีสถานะเป็น “เงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย”
แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงและลดบทบาทของ Bitcoin ในฐานะสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้เหล่านี้ เอลซัลวาดอร์ก็ไม่ได้ละทิ้ง Bitcoin โดยสิ้นเชิง แต่รัฐบาลได้เปลี่ยนจุดสนใจไปที่การสะสม Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ (Bitcoin Reserve Strategic) การเพิ่มขึ้นล่าสุดของการถือครอง Bitcoin (ทั้งหมด 6,081 BTC – ข้อมูลจาก arkm.com) แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องในศักยภาพระยะยาวของ Bitcoin ในฐานะของสินทรัพย์ที่เป็นเครื่องรักษามูลค่าการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์นี้บ่งชี้ถึงการยอมรับข้อจำกัดของการใช้ Bitcoin อย่างแพร่หลายในระยะสั้น ในขณะที่ยังคงรักษาความสนใจระยะยาวในศักยภาพของมันได้
สรุป
การเดินทางของ Bitcoin ที่พัฒนาไปของเอลซัลวาดอร์ให้บทเรียนที่มีค่าสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่พิจารณาความคิดริเริ่มที่คล้ายกัน ซึ่งทำให้เห็นถึงความซับซ้อนของการรวมสกุลเงินดิจิทัลเข้ากับระบบการเงินแห่งชาติ และอิทธิพลของสถาบันการเงินระหว่างประเทศอย่าง IMF
แต่อย่างไรก็ตามแม้เอลซัลวาดอร์ จะมีความพยายามอย่างกระตือรือร้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการนำ Bitcoin ไปใช้แต่ความพยายามนี้ยังไม่สามารถเห็นอย่างเป็นรูปธรรมที่กระจายในวงกว้าง แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้นด้วยการเน้นไปในลักษณะของการสะสมสำหรับเป็นทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ที่อาจจะทำให้เห็นได้ถึงการใช้งานได้อย่างแท้จริงมากขึ้น สำหรับทั้งเอลซัลวาดอร์หรือประเทศอื่น ๆ อาจจะต้องพิจารณาอย่างรอบครอบเกี่ยวกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ การใช้งานจริงของภาคประชาชน และพลวัตทางการเงินทั่วโลก
ข้อมูลและบทความโดย Bitkub.com
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
Recap อุตสาหกรรมคริปโทฯ ปี 2024: ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและความคาดหวังด้านกฎระเบียบที่ชัดเจน
สำรวจ Pro-Crypto ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธาน SEC ที่จะเข้ามาแทน Gary Gensler
