Share on
×

Share

ลัทธิชาตินิยมไร้เงินสดในเอเชีย: เส้นแบ่งอำนาจทางเศรษฐกิจโลก?

การที่เอเชียกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างรวดเร็ว เป็นเพียงแค่การก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี หรือเป็นการเดินหมากอย่างชาญฉลาดเพื่อกำหนดอนาคตทางการเงินของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การวาดเส้นแบ่งอำนาจทางเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่?

รากฐานของลัทธิชาตินิยมทางการเงิน

ลัทธิชาตินิยมทางการเงิน คือแรงผลักดันในการควบคุมระบบการเงินภายในประเทศ เป็นเรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติ ลดการพึ่งพาหน่วยงานต่างประเทศ และยืนยันอำนาจอธิปไตยในขอบเขตการเงิน ทั้งนี้ ในบริบทของการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดที่กำลังเร่งตัวขึ้น ดูเหมือนรัฐบาลกำลังสนับสนุนแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ ด้วยกลยุทธ์การจำกัดการเข้าถึงของคู่แข่งจากต่างประเทศ และแม้กระทั่งบุกเบิกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currencies – CBDC) นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์เฉพาะในเอเชีย แต่ภูมิทัศน์ทางดิจิทัลที่มีพลวัตของภูมิภาคนี้ทำให้เป็นสนามทดสอบที่สำคัญ

คลื่นไร้เงินสดที่ขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยาน

เอเชียกำลังเป็นผู้นำในการก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ประเทศต่าง ๆ เช่น จีน อินเดีย และสิงคโปร์ กำลังส่งเสริมการเงินดิจิทัลอย่างจริงจัง โดยได้รับแรงหนุนจากความสะดวกสบาย ต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำลง และการเข้าถึงทางการเงินที่มากขึ้น โดย Worldpay คาดการณ์ว่าธุรกรรมเงินสดในเอเชียจะลดลงจาก 47% ในปี 2562 เหลือเพียง 14% ภายในปี 2570 ย้ำเน้นให้เห็นถึงความเร็วของการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดจากผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว รัฐบาลต่างๆ กำลังมีบทบาทในการกำหนดทิศทางนี้อย่างแข็งขัน โดยส่งเสริมระบบการชำระเงินดิจิทัลภายในประเทศ และลดการพึ่งพายักษ์ใหญ่บัตรเครดิตตะวันตก เช่น Visa และ Mastercard

Unified Payments Interface (UPI) ของอินเดียเป็นตัวอย่างที่สำคัญ เปิดตัวในปี 2559 UPI ได้ปฏิวัติการทำธุรกรรม สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของบริการบนแอปพลิเคชัน และเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันในเมืองต่าง ๆ เช่น มุมไบ โดย PwC India รายงานว่ามีการทำธุรกรรม UPI มากกว่า 1.31 แสนล้านรายการในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในขณะเดียวกัน การครองตลาดของจีนในการชำระเงินดิจิทัลนั้นน่าทึ่งยิ่งกว่า ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Alipay และ WeChat Pay ที่ฝังรากลึกในชีวิตประจำวัน แนวโน้มนี้เป็นระดับภูมิภาค โดยประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียต่างยอมรับการชำระเงินผ่านมือถือและเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ด

ประเทศไทย: การตอกย้ำลัทธิชาตินิยมทางการเงินผ่านสังคมไร้เงินสด

ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างรวดเร็ว โดยมี PromptPay เป็นระบบการชำระเงินดิจิทัลหลักที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย PromptPay ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของในตลาดสด การจ่ายค่าอาหารริมทาง หรือการโอนเงินให้กันและกัน การใช้งานที่ง่ายและสะดวกสบาย ทำให้คนไทยเปิดรับการชำระเงินรูปแบบนี้อย่างรวดเร็ว อีกทั้ง สังคมไร้เงินสดยังช่วยส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานได้ง่ายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็นช่องทางในการรับเงินช่วยเหลือและเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ทำให้คนไทยคุ้นเคยกับการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจ:

  • ประเทศไทยมีอัตราการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือที่สูงมาก โดยรายงานแสดงอัตราการเข้าถึงมากกว่า 140% ซึ่งการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือที่แพร่หลายนี้เป็นแรงผลักดันพื้นฐานของการยอมรับการชำระเงินดิจิทัล
  • การใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจาก Statista ระบุว่าการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นจาก 2% ในปี 2560 เป็น 23% ในปี 2565
  • กระเป๋าเงินดิจิทัลคิดเป็น 25% ของมูลค่าธุรกรรมอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในปี 2565
  • PromptPay เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการลงทะเบียน PromptPay และปริมาณธุรกรรม
  • Visa studies เผยว่าคนไทยกว่า 97% ใช้ Mobile Banking App อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  • 61% ของผู้บริโภคชาวไทยพกเงินสดน้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

แม้ว่าประเทศไทยจะมีการยอมรับสังคมไร้เงินสดอย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น ช่องว่างทางดิจิทัลที่ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันในการสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลอย่างปลอดภัย

ความผันผวนของโลกไร้เงินสดในอนาคต

ผลกระทบระยะยาวของกระแสไร้เงินสดและการเพิ่มขึ้นของลัทธิชาตินิยมทางการเงินยังคงปรากฏให้เห็น ไม่แน่ เราอาจจะเห็นระบบการเงินแบบหลายขั้วอุบัติขึ้นก่อกำเนิดแพลตฟอร์มการชำระเงินหลายรูปแบบจากกลุ่มภูมิภาคต่าง ๆ หรือ สกุลเงินดิจิทัลใดที่โดดเด่นก็จะได้รับชัยชนะในที่สุด ก็เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งเหล่านี้จะมีความหมายอย่างลึกซึ้งต่อการค้าระหว่างประเทศ การไหลเวียนของการลงทุน และดุลยภาพแห่งอำนาจทางเศรษฐกิจ

อนาคตของการเงินแบบบูรณาการณ์ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย คำถามก็คือ การปฏิวัติไร้เงินสดจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับชุมชนชายขอบ (Marginalized Communities) หรือไม่ ซึ่งก็คือ กลุ่มคนหรือบุคคลที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม หรือ ไม่มีอำนาจต่อรองเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานได้ หรือจะทำให้ความไม่เท่าเทียมกันที่มีอยู่รุนแรงขึ้น ทางเลือกที่เราทำในวันนี้เกี่ยวกับการเข้าถึงดิจิทัล ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ จะเป็นตัวกำหนดว่าอนาคตไร้เงินสดจะเป็นอนาคตแห่งโอกาสที่มากขึ้นหรือความแตกแยกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เส้นทางข้างหน้าต้องการการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผลประโยชน์ของชาติ และความต้องการระบบการเงินโลกที่มั่นคงและเชื่อมโยงถึงกัน

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

ดาต้าเซ็นเตอร์ แท้จริงคือ นวัตกรรมหรือภัยสูญพันธุ์

รัฐบาลทั่วโลกกุมขมับ หลัง OTT ขยายแสนยานุภาพ 

ศึกชิงจ้าว AI: DeepSeek vs. Stargate – 5 ล้านปะทะ 5 แสนล้านดอลลาร์

×

Share

ผู้เขียน