พิชัย นิรพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เรตติ้งพุ่งทันควัน หลังไปตอบกระทู้สด กรณีปัญหาราคาข้าวตกต่ำเนื่องจากข้าวล้นตลาด ตามที่ ณรงค์เดช อุฬารกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนตั้งถามขึ้นมา เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาว่า สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำให้เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวของชาวนา คือชวนให้ชาวนาหันมาปลูกกล้วย แทนปลูกข้าว
พิชัย ไม่ได้ระบุชนิดกล้วยแต่น่าจะหมายถึง กล้วยหอม เพราะอ้างถึงความต้องการกล้วย (หอม) ของตลาดญี่ปุ่นที่มีนับล้านตันต่อปี และไทยมีโควตาส่งออก 2,000 ตัน หากเร่งให้ชาวนา หรือ เกษตรกรหันมาปลูกกล้วยส่งญี่ปุ่น ตนคำนวณแล้วผลตอบแทนอยู่ที่หลักแสนบาทต่อไร่ โดยอ้างถึงการทดลองปลูกที่ จังหวัดนครราชสีมา 150,000 ตัน เพื่อทดลองให้ประชาชนเห็นว่าผลตอบแทนสูงจริง และยังย้ำด้วยว่า การเร่งให้ชาวนาหรือเกษตรกรหันมาปลูกกล้วยทำให้ชาวนามีรายได้ที่ยั่งยืนจากการปลูกพืชที่มีราคาสูงขึ้น
เชื่อว่าหลายคนได้ฟังไอเดียปลูกกล้วยแทนทำนาของพิชัยแล้ว หลาย ๆ คนคงไม่คิดจะปลูกกล้วยตามตำแนะนำของ รมว.พาณิชย์ แต่คงอยากจะแจก……เสียมากกว่า เพราะการทำนากับปลูกกล้วยต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก การดูแล รอบการเก็บเกี่ยวผลผลิต การทำตลาด ฯลฯ
ที่สำคัญคือ ปัญหาที่ชาวนาร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ขายได้ก็ต่ำกว่าทุนไม่ใช่คำแนะนำให้หันเหไปปลูกพืชอย่างอื่นแทน ทั้งนี้ ราคาข้าว (ข้าวเปลือกเจ้า 5% ลงมาอยู่ที่ 6,900 บาทต่อตัน ความชื้น 29%) ที่จำเริญ ณัฐวุฒิ ที่ปรึกษาสมาคมโรงสีข้าวไทย บอกว่าราคาข้าวเปลือกระดับหกพันกว่า ไม่ได้เห็นมากกว่า 10 ปีแล้ว
นอกจากไอเดียที่สุดบรรเจิดแล้ว อีกสาเหตุที่ทำให้ รมว.พาณิชย์เรตติ้งพุ่งคือ ที่ผ่านมา พิชัยมักเล่นบทผู้รู้ทางด้านการบริหารเศรษฐกิจด้วยการแสดงความเห็นต่อสาธารณะอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะช่วงรัฐบาลประยุทธ์ พิชัย ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มักเสนอแนะความเห็นถึงแนวทางการบริหารเศรษฐกิจให้ดีอยู่เนือง ๆ เช่น แต่เรื่องที่สุพัฒนพงษ์ (พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯ) และอาคม (เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรมว.คลัง) คิดว่าชิมช็อปใช้ คนละครึ่ง ช็อปดีมีคืน จะสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ ก็เป็นความคิดที่ผิดแล้ว แต่คิดแจกเงิน แล้ว เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้น เหมือนกับการใช้ยาแก้ปวด แล้วคิดว่าจะรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นเพียงแต่นโยบายของเล่นเพื่อหาเสียงเท่านั้น แต่จะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เลย“ (มติชน 16 พ.ย.63)
เวลานี้ ปัญหาของพิชัยและรัฐบาลคือ จะทำอย่างไรให้ราคาข้าวเปลือกขึ้นไปอยู่ในระดับที่ชาวนาอยู่ได้ หากไม่สามารถประกันราคาข้าวเปลือกที่ 10,000 บาทต่อตัน หรือ เกวียน ตามที่ชาวนาร้องของได้
ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์เคยศึกษาปัญหาการค้าข้าวของไทยพบว่า ปัญหาที่เปรียบเสมือนเป็นจุดตายของคนทำนาคือ ผลิตต่อไร่ต่ำเมื่อเปรียบเทียกับคู่แข่ง พันธุ์ข้าวเกิดปัญหา ต้นทุนปลูกข้าวเพิ่ม รายได้สุทธิจากปลูกข้าวลดลงและน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นต้น
หากพิชัย ในฐานะรมว.พาณิชย์ ต้องการแก้ปัญหาระยะยาวให้ชาวนา ต้องลงมือแก้ปัญหาโครงสร้างที่กล่าวข้างต้น ไม่ใช่ชวนชาวนามาปลูกกล้วย การเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ไม่ชำนาญแบบฉับพลัน คือการฆ่าตัวตายชัด ๆ อย่าลืมว่าเกษตรกรเกือบ 8 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศนั้น มากกว่า 60% ปลูกข้าว
ผู้เขียน: “ชญานิน ศาลายา” เป็นนามปากกาของ “คนข่าว” ที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของวัฎจักรเศรษฐกิจตลอดช่วง 4 ทศวรรษเศษ
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
ดันจีดีพีโต 3.5% อย่าหวังปาฎิหาริย์เศรษฐกิจ
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มี ‘ไทยเทา’ เอี่ยวด้วยหรือไม่?
ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 วาระตลอดชาติ…
คุณสู้เราช่วย จะส่งเสริมให้ คนเบี้ยวหนี้?