ตลาดเครื่องพิมพ์ยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี โดยปีที่ผ่านมา ในตลาดมีเครื่องพิมพ์ระบบแทงก์ 500,000 เครื่อง ครองสัดส่วน 70% ของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต
ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เผยแผนตลาดว่า บริษัทต้องการขยายฐานตลาดเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z และ Alpha เพื่อเพิ่มสัดส่วนทางการตลาด จากเดิมมีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งนี้ ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชันครบ ทำงานได้หลายอย่าง ผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์แบบ Hybrid-Working ทั้งใช้งานส่วนตัวและใช้ในธุรกิจได้ในเวลาเดียวกัน
ล่าสุด บริษัทเปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ซีรีส์ใหม่ Brother “Yes Tank” – ภารกิจไหนก็ได้หมด รวม 6 รุ่น โดย 3 รุ่นจับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป 75% อีก 3 รุ่นจับกลุ่มเอสเอ็มอี 25% ได้แก่ DCP-T230, DCP-T430W, DCP-T530DW, DCP-T730DW, DCP-T830DW และ MFC-T930DW เพื่อรองรับความต้องการที่ครอบคลุม และใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท จัดแคมเปญเปิดตัวสินค้าและสื่อสารการตลาดในธีม Brother Never Says No – ทางนี้ไม่มีตัน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าว่าการเปิดตัวเครื่องพิมพ์ซีรีส์ล่าสุดจะช่วยผลักดันยอดขายเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ของ Brother ให้เติบโต 20% ในปี 2568
กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ภายใต้งบประมาณดังกล่าว ยังเลือก เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ หรือ เจมมี่เจมส์ รับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อเพิ่มการรับรู้และกระแสในวงกว้างมากขึ้น ผ่านซีรีส์สปอตโฆษณา ทั้งออนไลน์ สื่อ ณ จุดขาย (POP) และสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) 4 รูปแบบไลฟ์สไตล์ คือ
‘ภารกิจไหนก็ได้หมด’ พิมพ์ไร้ขอบได้ทุกไซส์ ‘ตัวเล็ก สเปคเกินตัว’ จากการปรับดีไซน์ให้เครื่องมีขนาดเล็กลงจากรุ่นก่อน 24% ‘เยอะแต่เอาอยู่’ พิมพ์ได้สูง 7,500 แผ่น แถมหมดปัญหาหัวพิมพ์ตันด้วยระบบ AI Auto Cleaning และ ‘สีสวยสมจริง’ พิมพ์คมชัดทุกรายละเอียดแบบ True Color ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างการรับรู้ รวมถึงกระตุ้นยอดขายสินค้าให้เติบโตตามเป้าหมายมุ่งสร้างการจดจำและครองใจผู้บริโภค
นอกจากนี้ คุณสมบัติของเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ยังช่วยลดการใช้พลังงาน และนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตบางส่วน ขนาดเครื่องที่เล็กลงยังช่วยให้การจัดเก็บและการใช้งานสะดวกขึ้น รวมถึงปรับปรุงความสามารถในการซ่อมแซมและตั้งค่าเริ่มต้นที่ง่ายขึ้น ผ่านแผงควบคุมที่ปรับได้ตามความสะดวกของผู้ใช้
พร้อมขยายการรับประกันเพิ่มขึ้น 1 ปี รวมเป็น 3 ปี แก่ผู้ซื้อเครื่องพิมพ์ซีรีส์ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 โดยลงทะเบียนรับประกันภายใน 15 วันหลังจากการซื้อสินค้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และอิงค์เจ็ต อยู่ที่ 50% เท่ากัน โดยเครื่องพิมพ์เลเซอร์มักใช้ในกลุ่มลูกค้าองค์กร ส่วนอิงค์เจ็ตเป็นเอสเอ็มอี และใช้งานส่วนตัว
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เนสท์เล่สานต่อแคมเปญ ‘เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้’ กระตุ้นผู้บริโภคร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทีทีบี ปักหมุดปี 68 ชู ‘ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง’ มุ่งช่วยลูกค้าปลดหนี้
