Share on
×

Share

Bitkub Chain รีแบรนด์เป็น KUB Chain มุ่งสู่บล็อกเชนสาธารณะระดับโลก

Bitkub Blockchain Technology ผู้พัฒนา Bitkub Chain ประกาศเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ KUB Chain พร้อมตั้งเป้ายกระดับเครือข่ายให้เป็นบล็อกเชนสาธารณะแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Public Blockchain) นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในการภาพลักษณ์สู่การเป็นบล็อกเชนสาธารณะระดับโลก โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกประกาศภายใต้งาน “BKC THE NEW ERA” ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญ ทั้งในด้านเทคโนโลยี กลไกการกำกับดูแล และแนวทางการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน

จิรายุ ทรัพย์ศรีโสภา

ท๊อป จิรายุ ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮสดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยน (Inflection Point) ครั้งสำคัญของวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่ได้เกิดจากการเติบโตของราคาเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการที่ประเทศมหาอำนาจเริ่มนำ Bitcoin และ Stablecoin เข้ามาเป็นสินทรัพย์สำรองของรัฐ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ต่างมีนโยบายด้าน Digital Asset ที่ส่งผลต่อระบบการเงินโลกโดยตรง

ขณะเดียวกันปี 2025 นี้ การทำธุรกรรมผ่าน Stablecoin จะมีมูลค่ารวมมากกว่า 30 ล้านล้านครั้ง เรากำลังเข้าสู่ยุคที่มีบัญชีเดียวที่ทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะโอนเงิน ขายหุ้น หรือปล่อยกู้ ตามระบบปฏิบัติการมือถือ ทั้ง Android และ iOS เพื่อให้คนทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

การหลอมรวมของระบบการเงินดั้งเดิม (Traditional Finance) เข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังก้าวเข้าสู่โครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Universal Account หรือบัญชีที่ทำธุรกรรมได้ทุกสินทรัพย์ ซึ่งสามารถจัดการได้ทั้งเงินปกติและสินทรัพย์ดิจิทัลในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแบบดั้งเดิมอย่าง Bank of America ที่เริ่มเปิดให้ลูกค้าใช้ Stablecoin บริษัทอย่าง Paypal ที่กำลังพัฒนาโครงสร้างรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงแพลตฟอร์ม Web3 อย่าง Bitkub และ Coinbase ที่เติบโตจากฐานผู้ใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง ทั้งหมดต่างมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกันคือ Universal Account

การมาถึงของระบบเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์ (On-chain Economy) ที่ไม่จำกัดสิทธิ์ในการสร้างนวัตกรรมไว้ที่องค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถออกแบบ บริหาร และพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ ๆ ได้บนเครือข่ายแบบเปิด โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ยกตัวอย่างการ Tokenize สินทรัพย์ใหม่ ๆ ทั้งในรูปแบบของหุ้น อสังหาริมทรัพย์ Carbon Credit หรือแม้แต่หน่วยไฟฟ้า ที่สามารถกลายเป็นโทเคนเพื่อการแลกเปลี่ยนได้บนบล็อกเชน

ภารกิจที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการทำธุรกิจ แต่คือการวางรากฐานระบบเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ และปลดล็อก GDP ในรูปแบบใหม่ผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้

รีแบรนด์ จาก Bitkub Chain สู่ KUB Chain

การเปลี่ยนชื่อจาก Bitkub Chain มาเป็น KUB Chain ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตัดคำออกเพื่อความสั้นกระชับ แต่คือการ รีเซ็ตตัวตน ของเครือข่ายบล็อกเชนที่เคยอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ของบริษัทแม่อย่าง Bitkub Blockchain Technology ให้กลายเป็นบล็อกเชนที่มีสถานะใหม่ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ (open infrastructure) การรีแบรนด์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่เพื่อแสดงจุดยืนใหม่ที่ชัดเจนว่า KUB Chain ไม่ได้เป็นของบริษัทใดบริษัทหนึ่งอีกต่อไป พร้อมมุ่งสู่การเป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized)  “เราไม่ได้แค่เปลี่ยนชื่อจาก Bitkub Chain เป็น KUB Chain แต่เรากำลังย้ายแนวคิดทั้งระบบ” สำเร็จ วจนะเสถียร President of KUB กล่าวทิ้งท้าย

ปรับโครงสร้างองค์กร แยกตัวจาก Bitkub Blockchain Technology เพื่อความเป็นอิสระ

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกเน้นย้ำในงาน คือการปรับโครงสร้างของ KUB Chain ให้แยกออกจากบริษัท Bitkub Blockchain Technology จุดประสงค์ของการแยกตัวนี้คือเพื่อให้ KUB Chain สามารถดำเนินงานในฐานะบล็อกเชนอิสระ (independent public blockchain) ได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ต้องขึ้นตรงต่อการตัดสินใจขององค์กรแม่ และเปิดทางให้เกิดการบริหารที่โปร่งใสยิ่งขึ้นในระยะยาว

ภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด

ภาสกร ปานนอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราจะมีการแยกทีมงาน แยกส่วนการทำงาน ระหว่างฝั่ง KUB Chain และบริษัท Bitkub Blockchain Technology ออกจากกัน เพื่อให้การทำงานมีอิสระมากยิ่งขึ้น สามารถพัฒนานวัตกรรมได้มากยิ่งขึ้น แม้จะแยกออกจากกัน แต่ยังคงแบ่งหน้าที่และช่วยประสานการทำงานเหมือนเดิม”

KUB Chain ต้องมีโครงสร้างของตนเอง เพื่อให้ทีมพัฒนาสามารถขยับได้คล่องตัวขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนามีบทบาทโดยตรง การแยกบทบาทของบริษัทแม่ออกจากตัวบล็อกเชนจะช่วยลดความสับสนในตลาด เพิ่มความน่าเชื่อถือในการเป็น decentralized infrastructure

การแยกองค์กรนี้ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ KUB Chain ในระดับสากล โดยเฉพาะในบริบทของกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก การที่มีหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน แยกออกจากบริษัทเอกชน จะเอื้อต่อการร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งในแง่การเงิน เทคโนโลยี และการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย

เปิดให้คอมมิวนิตีมีส่วนร่วม โครงสร้างการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์ (Community-Driven Governance)

การเปิดทางให้ผู้ใช้งานมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของเครือข่าย ถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดใหม่ของ KUB Chain ที่พยายามลดบทบาทของศูนย์กลาง และเพิ่มพื้นที่ให้กับคอมมิวนิตีได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะการเปิดตัว Voting Platform ซึ่งจะทำให้ผู้ถือเหรียญ KUB สามารถออกเสียงได้ในประเด็นสำคัญ เช่น การพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ การสนับสนุนโปรเจกต์หรือแม้แต่การจัดสรรงบประมาณ

สำเร็จ วจนะเสถียร กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่การสร้างระบบโหวตให้ดูดี แต่มันคือการย้ายอำนาจการตัดสินใจจากผู้บริหารไปสู่มือของคนในเครือข่ายจริง ๆ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า KUB Chain พยายามยืนอยู่บนหลักการของบล็อกเชนที่ความไว้วางใจไม่ใช่เกิดจากองค์กร แต่เกิดจากระบบและการมีส่วนร่วมของคนจำนวนมาก

การมี Governance Framework ที่เปิดกว้าง ยังช่วยสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการพัฒนาเชน ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้งานทั่วไป นักพัฒนาอิสระ และนักลงทุน มีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะอยู่ในระบบนิเวศนี้ในระยะยาว เพราะรู้สึกว่าความเห็นของตนมีความหมาย และสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้จริง

จัดตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไร KUB Foundation หรือ KUB Association

เพื่อให้การกำกับดูแลและการตัดสินใจของเครือข่ายมีความเป็นอิสระในทางกฎหมายมากยิ่งขึ้น KUB Chain วางแผนที่จะจัดตั้งองค์กรในรูปแบบไม่แสวงหากำไร เช่น มูลนิธิ (KUB Foundation) หรือสมาคม (KUB Association) ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ กระบวนการอนุมัติโครงการใหม่ ๆ ตลอดจนดูแลการใช้จ่ายของกองทุนสนับสนุนภายในเชน

แนวทางนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการทำให้ Governance ของ KUB Chain เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในประเทศที่ต้องการให้บล็อกเชนดำเนินการภายใต้หน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ KUB Foundation จะไม่ทำหน้าที่แทนบริษัทเอกชน หรือแทนคอมมิวนิตีโดยรวม แต่จะทำหน้าที่เป็น ผู้ดูแล ที่รับฟังเสียงจากผู้ถือโทเคน และดำเนินการภายใต้ขอบเขตที่ได้รับมอบหมายจากระบบโหวต สิ่งที่เรากำลังสร้าง ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มบล็อกเชน แต่เป็นระบบที่ทุกภาคส่วนสามารถวางใจ และเข้ามาใช้งานหรือร่วมพัฒนาได้ในระยะยาว ภาสกร กล่าว

กองทุนใหม่เพื่อการเติบโต Sustainable Blockchain Development Fund

ในอดีต Bitkub Chain มีการตั้งงบประมาณแยกกันสำหรับการพัฒนาชุมชน (Community Development Fund) และการสนับสนุนพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partners Fund) แต่ในการรีโครงสร้างใหม่ของ KUB Chain ทีมงานตัดสินใจรวมสองกองทุนนี้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ชื่อว่า “Sustainable Blockchain Development Fund” หรือกองทุนเพื่อการพัฒนาบล็อกเชนอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างยืดหยุ่น คล่องตัว และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบนิเวศในภาพรวม

แนวทางของกองทุนนี้ไม่ใช่แค่การให้เงินสนับสนุนโครงการแบบรายกรณีเท่านั้น แต่ยังมีการออกแบบกลไกเพื่อประเมินความสอดคล้องของโครงการกับเป้าหมายของเชนในระยะยาว เช่น โครงการต้องมีผลกระทบเชิงระบบต่อผู้ใช้งาน หรือต้องสามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ บน KUB Chain ได้จริง นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อกลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่ยื่นขอรับทุน โดยคำนึงถึงความเป็นกลาง โปร่งใส และการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหลัก

“เราต้องการให้กองทุนนี้เป็นมากกว่าเครื่องมือส่งเสริม เราอยากให้มันเป็นกลไกที่ทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ลุกขึ้นมาได้เร็ว และเติบโตได้จริง” ท๊อป จิรายุ ทรัพย์ศรีโสภา กล่าวในงาน พร้อมเสริมว่าทั้งบริษัทที่จัดตั้งแล้ว สตาร์ทอัพหน้าใหม่ หรือแม้แต่นักพัฒนาอิสระ ต่างก็สามารถยื่นขอรับทุนได้ หากแนวทางสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ KUB Chain

อัปเกรดเครือข่าย จาก 5,000 เป็น 25,000 และเป้าหมาย 500,000 ธุรกรรมต่อบล็อก

หนึ่งในแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ KUB Chain ประกาศอย่างชัดเจนในปีนี้ คือการอัปเกรดระบบเครือข่ายหลัก (Mainnet) ให้รองรับปริมาณธุรกรรมต่อบล็อก (Transactions Per Block – TPB) จาก 5,000 รายการ เป็น 25,000 รายการภายในปี 2568 และตั้งเป้าไปสู่การรองรับระดับ 500,000 ธุรกรรมต่อบล็อกในอนาคต ซึ่งจะทำให้เครือข่ายสามารถรับภาระงานในระดับที่ทัดเทียมกับเชนชั้นนำระดับโลกได้

การอัปเกรดครั้งนี้จะเกิดขึ้นผ่านกระบวนการ Hardfork ซึ่งทีมพัฒนาได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งในเชิงเทคนิคและการสื่อสารกับคอมมิวนิตี โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องความเร็วหรือศักยภาพในการประมวลผล แต่รวมถึงการวางรากฐานเพื่อรองรับบริการที่ต้องการความหนาแน่นของธุรกรรมสูงในอนาคต เช่น แอปพลิเคชันด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เกมบนบล็อกเชน (GameFi) และบริการด้านธุรกิจอื่น ๆ

“เราต้องทำให้ KUB Chain รองรับอนาคตได้ ไม่ใช่แค่พอใช้ในปัจจุบัน” ภาสกร ล่าวระหว่างเวที โดยย้ำว่าวิสัยทัศน์ของทีมไม่ได้ต้องการแค่สร้างเครือข่ายบล็อกเชนหนึ่งสาย แต่ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศ ที่สามารถเป็นฐานให้กับการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลของไทยในระยะยาว

การขยายขีดความสามารถ TVL และการเชื่อมโยงกับเชนระดับโลก

KUB Chain ไม่ได้วางเป้าหมายเพียงแค่ในระดับประเทศ แต่ต้องการเชื่อมต่อกับระบบนิเวศระดับโลกอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการเปิดสะพานเชื่อม (Bridge) ที่รองรับการถ่ายโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างเครือข่ายต่าง ๆ เช่น Polygon, Solana และการใช้งาน OKX Wallet เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์อย่าง USDC ระหว่างเชนได้อย่างไร้รอยต่อ

การเปิดใช้งาน Bridge แบบ Two-Way นี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญของการเข้าสู่ยุค Multi-chain อย่างเต็มตัว ทำให้ KUB Chain กลายเป็นจุดเชื่อมที่ไม่เพียงปลอดภัย แต่ยังสะดวกต่อผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนาที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำงานข้ามระบบได้อย่างลื่นไหล

 สำเร็จ วจนะเสถียร

“นี่คือการทำให้ KUB Chain ไม่ใช่แค่เชนท้องถิ่น แต่เป็นประตูเชื่อมไปสู่ตลาดโลก” สำเร็จ วจนะเสถียรกล่าว พร้อมเสริมว่าเป้าหมายของเครือข่ายในปีนี้คือการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อกอยู่บนเครือข่าย (Total Value Locked – TVL) ให้แตะ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการสร้างความเชื่อมั่นและการใช้งานจริงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพันธมิตรทั่วโลก

การผสานเทคโนโลยี AI กับ KUB Chain: จุดเริ่มต้นของ Smart Contract อัจฉริยะ

สำเร็จ อธิบายทิศทางใหม่ของเครือข่ายในการบูรณาการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับระบบบล็อกเชน โดยระบุว่าปัจจุบัน KUB Chain กำลังมุ่งเน้นการใช้งาน Small Model หรือโมเดล AI ขนาดเล็ก ซึ่งเริ่มถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเกมแล้ว เช่น การสร้างตัวละคร NPC ที่สามารถพูดโต้ตอบได้โดยอัตโนมัติ โดยโมเดลเหล่านี้มีขนาดเพียง 1–4 เมกะไบต์ปัญหาสำคัญคือการรับรองว่าโมเดลเหล่านี้จะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถเป็นคำตอบในด้านความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส พร้อมเปิดเผยว่า Bitkub ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับใหญ่รายหนึ่ง (ซึ่งยังไม่เปิดเผยชื่อ) เพื่อพัฒนาแนวทางการนำโมเดล AI เข้ามาอยู่ในระบบบล็อกเชนโดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญที่ KUB Chain พยายามวางตำแหน่งในฐานะแพลตฟอร์มที่ไม่เพียงแค่กระจายศูนย์ แต่ยังพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นิสัยที่สร้างได้ยากที่สุดของผู้คนวันนี้

ทำความรู้จัก ‘Health at Home’ จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของระบบการดูแลสุขภาพคนไทย

SYNNEX สบช่องคลาวด์โต 20% ต่อปี คว้าสิทธิ์ดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ AWS

×

Share

ผู้เขียน