Share on
×

Share

วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง: จากผู้บุกเบิก สู่ผู้นำยุคแห่งการเติบโตของพลังงานลมไทย

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญวิกฤติสภาพภูมิอากาศ และความต้องการพลังงานสะอาดเพิ่มสูงขึ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเปลี่ยนสายลมให้กลายเป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งปี 2567 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของ WEH ในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำด้านพลังงานลมของไทย เมื่อบริษัทฯ คว้า 4 โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ ผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐเพิ่มขึ้น 42% สู่ระดับ 1,016 เมกะวัตต์ พร้อมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 938,943 ตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 41 ล้านต้น

ความสำเร็จของ WEH ในปี 2567 สะท้อนผ่านผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมพุ่งแตะ 11,313 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,388 ล้านบาท นับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้เกิน 1 หมื่นล้านบาท และเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันที่มีกำไรสุทธิมากกว่า 5,000 ล้านบาท

“ความสำเร็จนี้เกิดจากปริมาณลมที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตไฟฟ้า การบริหารจัดการกังหันลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฐานะการเงินที่มั่นคง โดยบริษัทลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลงเหลือ 0.74 จาก 1.01 พร้อมกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง 9,570 ล้านบาท ส่งผลให้ WEH สามารถจ่ายปันผลและผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง” ณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WEH กล่าว

โอกาสทองในสายลม: อนาคตที่รออยู่

WEH มองเห็นโอกาสสดใสในอุตสาหกรรมพลังงานลม โดยเฉพาะโควตาพลังงานลมในประเทศไทยที่ยังเปิดกว้างถึง 5,745 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับปัจจุบันที่ยังไม่เปิดประมูลประมาณ 400 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมใหม่อีก 5,345 เมกะวัตต์ภายใต้ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2580 (PDP 2024) ฉบับรับฟังความคิดเห็นซึ่งเป็นแผนถัดไป ซึ่ง WEH มั่นใจว่ามีศักยภาพมากพอในการตอบโจทย์พลังงานหมุนเวียนของประเทศ

“ปัจจุบัน WEH มีโครงการที่พัฒนาพร้อมสำหรับการยื่นประมูลเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้แก่ภาครัฐหลายโครงการ คิดเป็นปริมาณเสนอขายรวมมากกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยังคงมุ่งเน้นทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีศักยภาพ” ณัฐพศินกล่าว

คว้า 4 โครงการใหม่ ดันพอร์ตพลังงานสะอาดทะยาน

WEH ชนะการประมูลและได้รับเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้แก่ภาครัฐภายใต้โครงการ Feed-in Tariff (FiT) เฟส 1 และเฟส 2 รวม 4 โครงการใหม่ คิดเป็นปริมาณเสนอขายไฟฟ้ารวม 299.1 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบมีระบบกักเก็บพลังงานบนพื้นดิน ขนาด 30 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการ ขนาดโครงการละ 89.7 เมกะวัตต์ รวม 269.1 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุนรวมประมาณ 15,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมด้านเงินทุน และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการเหล่านี้ตั้งแต่ปี 2570 จนครบทั้งหมดในปี 2573

โครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการนี้ ส่งผลให้ธุรกิจไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐของ WEH เพิ่มขึ้น 42% จาก 717 เมกะวัตต์ เป็น 1,016 เมกะวัตต์ ถือเป็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่โรงไฟฟ้าแห่งล่าสุดของบริษัทฯ เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2561 และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2564 ที่จะเพิ่มปริมาณเสนอขายไฟฟ้าที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐให้แตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์

“ภายใต้แผนพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าที่อ้างอิงตามแผน PDP เราประเมินว่าเมื่อสิ้นสุดแผน PDP 2024 ในปี 2580 WEH จะมีปริมาณเสนอขายไฟฟ้าให้แก่ภาครัฐเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ และมีรายได้รวมประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี” ณัฐพศินกล่าว

สานต่อภารกิจสีเขียว ลดคาร์บอน สร้างอนาคตยั่งยืน

ทุกการหมุนของกังหันลม WEH ไม่เพียงผลิตไฟฟ้า แต่ยังช่วยปกป้องโลก โดยปี 2567 ปริมาณไฟฟ้าจากพลังงานลมที่บริษัทฯ ผลิตได้ เทียบเท่าปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง รวม 938,943 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) หรือเทียบเท่าต้นไม้ช่วยฟอกอากาศประมาณ 41 ล้านต้น (คำนวณจากไม้ยืนต้นโตเต็มที่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2 กิโลกรัมต่อปี) หากบริษัทฯ ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ตามแผน จะยิ่งเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลง ได้มากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้มาตรฐานการตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตระดับโลก ประกอบด้วย Gold Standard และ VERRA ซึ่งปีที่ผ่านมา ได้จำหน่ายคาร์บอนเครดิตรวมประมาณ 810,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทำให้ระหว่างปี 2564 – 2567 บริษัทฯ จำหน่ายคาร์บอนเครดิตได้รวมทั้งสิ้น 3.48 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยทั้งหมดนี้จำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อในสหรัฐอเมริกา และกลุ่มสหภาพยุโรป โดยกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และการบิน

นอกจากนี้ ระหว่างปี 2562 – 2567  บริษัทฯ จัดทำใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน IREC  (International Renewable Energy Certificate Standard) ได้รวม 506,455 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) โดยใบรับรอง IREC กำลังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในตลาดโลก เพราะมีกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100% (RE100) ซึ่งประกอบด้วย องค์กรระดับโลก เช่น Apple, Google, Microsoft, Ikea ต้องการใบรับรอง เพื่อยืนยันการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นความตื่นตัวระดับองค์กรต่อการใช้พลังงานหมุนเวียน ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

มากกว่าพลังงาน: สร้างอนาคตที่หลากหลาย

WEH ไม่หยุดแค่พลังงานลม แต่ขยายพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจของ WEH แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

  1. กลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 100% ครอบคลุมกำลังการผลิต 1,016 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้า 12 โครงการ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 โครงการที่จ่ายไฟฟ้าแล้ว และ 4 โครงการใหม่ที่รอจ่ายไฟฟ้า
  2. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สุขภาพ และบริการทางการเงิน ผ่านการลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

“นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จะเข้าสู่ยุคของการเติบโตอย่างชัดเจน โดยจะมุ่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานลม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง เรายังคงมองหาโอกาสในธุรกิจที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระยะยาว” ณัฐพศินย้ำ

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

CKPower รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ เป็น “A-” จาก “BBB+” โดยทริสเรทติ้ง

รู้ทันนโยบายภาษีทรัมป์

×

Share

ผู้เขียน