Share on
×

Share

พริกไทยจันท์: จากราชาเครื่องเทศสู่ความภาคภูมิใจแห่ง GI

จังหวัดจันทบุรี หรือ “เมืองจันท์” ที่ผู้คนเรียกขานด้วยความคุ้นเคย อาจเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งอัญมณีและผลไม้นานาชนิด แต่ในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น จันทบุรีกำลังเผยตัวตนในฐานะขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมอาหารที่เปี่ยมเสน่ห์และรอคอยการค้นพบ 

คำขวัญจังหวัดจันทบุรี “น้ำตกพลิ้ว เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบูรณ์ธรรมชาติ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รวมญาติกู้ชาติที่จันทบุรี” สะท้อนภาพความอุดมสมบูรณ์และมรดกทางประวัติศาสตร์ของเมืองได้อย่างชัดเจน ทว่าในแต่ละองค์ประกอบของคำขวัญนั้น ยังแฝงไว้ด้วยนัยยะสำคัญต่อวัฒนธรรมอาหารที่สั่งสมมายาวนาน ความพรั่งพร้อมของวัตถุดิบชั้นดีจากธรรมชาติ ทั้งผลไม้ตามฤดูกาล สมุนไพรหายาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พริกไทยพันธุ์ดี” ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ร้อยเรียงเรื่องราวอาหารจันท์ให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น

พริกไทยจันทบุรีไม่ได้เป็นเพียงเครื่องปรุงรส แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง ดังที่มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากจดหมายเหตุเก่าแก่และโบราณวัตถุที่ขุดค้นได้จากพิพิธภัณฑ์พาณิชย์นาวี ซึ่งบ่งชี้ว่าจันทบุรีเคยเป็นแหล่งส่งออกพริกไทย กระวาน เร่ว และไม้ฝางไปยังต่างแดน เช่น ญี่ปุ่นและจีน มาตั้งแต่สมัยโบราณ การค้นพบไหบรรจุพริกไทยใต้ท้องทะเลเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทของจันทบุรีในฐานะเมืองท่าสำคัญบนเส้นทางการค้าเครื่องเทศทางทะเล หรือ Maritime Silk Road ซึ่งเชื่อมโยงภาคตะวันออกของไทยเข้ากับเครือข่ายการค้าโลก

ความโดดเด่นของพริกไทยจันทบุรีได้รับการยอมรับในระดับสากลด้วยการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ซึ่งเป็นเครื่องหมายรับรองคุณภาพและแหล่งที่มาอันเป็นเอกลักษณ์ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พริกไทยจันท์มีคุณลักษณะพิเศษคือ “ดิน” อันอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุในพื้นที่ ซึ่งส่งผลต่อรสชาติและความหอมที่เป็นอัตลักษณ์ แม้ว่าพันธุ์พริกไทยที่ปลูกส่วนใหญ่ในปัจจุบันอาจเป็นพันธุ์นำเข้า เช่น พันธุ์ซีลอนและมาเลเซีย แต่ด้วยคุณสมบัติของดินและสภาพภูมิอากาศของจันทบุรี ทำให้พริกไทยที่ปลูก ณ ที่แห่งนี้มีคุณภาพที่แตกต่าง

การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

จากไร่สู่เครื่องปรุงเลิศรส

การผลิตพริกไทย ไม่ว่าจะเป็นพริกไทยดำหรือพริกไทยขาว ล้วนต้องผ่านกระบวนการที่พิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวผลพริกไทยแก่ (สังเกตจากเม็ดสีเหลืองอมส้ม) นำมานวดเพื่อแยกเม็ดออกจากรวง

สำหรับการทำพริกไทยดำนั้น จะนำเม็ดพริกไทยสดไปตากแดดบนลานปูนเป็นเวลา 3-4 วัน จนแห้งสนิท ในระหว่างวันต้องคอยพลิกกลับเม็ดพริกไทยเพื่อให้แห้งสม่ำเสมอ เมื่อแห้งดีแล้วจึงนำมาร่อนเอาเศษกรวดหินออก จากนั้นนำไปเข้าเครื่องสีฝัดเพื่อคัดแยกเกรด โดยเกรด A คือเม็ดเต็ม ส่วนเกรด B คือพริกไทยฝ่อ (มีแต่เปลือกแต่ยังคงมีกลิ่นหอม) ซึ่งมักนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยาหรือเครื่องปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

ส่วนการทำพริกไทยขาว หลังจากนวดเอารวงออกแล้ว จะนำเม็ดพริกไทยสดไปแช่น้ำในตุ่ม หมักทิ้งไว้เพื่อให้เปลือกนอกร่อนออก จากนั้นนำมาย่ำ (คล้ายการย่ำองุ่นทำไวน์) เพื่อเอาเปลือกออกให้หมด แล้วจึงนำไปตากแดด พริกไทยขาวที่ผ่านกระบวนการธรรมชาติจะมีสีตุ่น ๆ ไม่ขาวสนิท ในอดีตเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมที่ต้องการพริกไทยขาวสีสวยงาม

ความนิยมในการผลิตพริกไทยดำมีสัดส่วนสูงถึง 70% เนื่องจากกระบวนการผลิตที่สั้นกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยชื่นชอบพริกไทยขาวเพราะสีสันที่ดูน่ารับประทาน แต่หากพิจารณาในแง่คุณค่าทางโภชนาการแล้ว เปลือกของพริกไทยดำมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์สูงกว่า การนำเปลือกออกไปในกระบวนการทำพริกไทยขาวจึงทำให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของพริกไทยลดลงไปด้วย โดยพริกไทยดำจะให้กลิ่นหอมจากเปลือกมากกว่า ส่วนพริกไทยขาวจะให้ความเผ็ดร้อนที่เด่นชัดกว่า

ความท้าทายและการฟื้นฟู “ดาวรุ่งแห่งเครื่องเทศ

ต้นพริกไทย

แม้พริกไทยจันท์จะเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด แต่ก็มีช่วงที่เผชิญกับความท้าทาย พริกไทยเป็นพืชที่ดูแลค่อนข้างยาก ต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ ทั้งเรื่องแสงแดด น้ำ และศัตรูพืช ประกอบกับความผันผวนของกลไกราคาในตลาด เมื่อราคาพริกไทยตกต่ำลง เกษตรกรจำนวนไม่น้อยจึงโค่นต้นพริกไทยทิ้งแล้วหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าและดูแลง่ายกว่า เช่น แก้วมังกร ซึ่งเข้ามามีบทบาทในช่วงหนึ่ง 

ปรากฏการณ์ “แพงปลูก ถูกโค่น” เป็นวงจรที่เกิดขึ้นกับพืชเกษตรหลายชนิดในจันทบุรี ดินอันอุดมสมบูรณ์ของเมืองจันท์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแร่รัตนชาติ” ทำให้ปลูกอะไรก็งอกงาม จนมีคำกล่าวว่า “อะไรไม่อยากให้ถูกอย่ามาปลูกที่จันท์”

อย่างไรก็ตาม ด้วยความตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของพริกไทยพื้นเมือง โดยเฉพาะพันธุ์ปรางถี่ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมและมีลักษณะเด่นทั้งความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จึงมีความพยายามในการอนุรักษ์และฟื้นฟูพันธุ์พริกไทยดังกล่าว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ได้เข้ามามีบทบาทในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพันธุ์ป่างถี่ แม้จะเป็นพันธุ์ที่เปราะบางและดูแลยาก แต่ความหวังที่จะให้ “พันธุ์ปรางถี่” กลับมาเป็นพริกไทยคุณภาพสูง ไม่เพียงเพื่อการบริโภค แต่ยังอาจมีศักยภาพในทางการแพทย์ เนื่องจากมีสารพิเพอรีน (piperine) ในปริมาณสูง ก็ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญ 

ก่อนที่อิทธิพลจากวัฒนธรรมภายนอกจะหลั่งไหลเข้ามาในจันทบุรี ดินแดนแห่งนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของ “ชาวชอง” กลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ผูกพันกับผืนป่าและขุนเขามายาวนาน ชาวชองถือเป็นบรรพบุรุษกลุ่มแรก ๆ ของคนจันท์ อาหารของชาวชองจึงสะท้อนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติรอบตัว   

อาหารชองมีลักษณะเด่นคือการใช้สมุนไพรนานาชนิดที่เก็บหาได้จากป่าเป็นส่วนประกอบหลักในการปรุงอาหาร เพื่อดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ เช่น หมูป่า เก้ง กวาง เนื่องจากในอดีตชาวชองอาศัยอยู่ใกล้ป่าเขา การล่าสัตว์จึงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต สมุนไพรเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยชูรสชาติ แต่ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย พริกแกงของชาวชองจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เน้นความเผ็ดร้อนและกลิ่นหอมของสมุนไพรสดใหม่

ปัจจุบันนี้ การสืบทอดวัฒนธรรมอาหารของชาวชองกำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ยังคงมีผู้ที่พยายามอนุรักษ์และเผยแพร่ภูมิปัญญาเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก เช่น ป้าก้อนแม่ครัวชาวชองคนสุดท้าย ผู้สืบทอดตำรับอาหารชองดั้งเดิม และมีการนำเสนออาหารชองผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การได้ลิ้มลองอาหารชองแท้ ๆ จึงเปรียบเสมือนการได้สัมผัสกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของจันทบุรี

สัมผัสพหุรสแห่งจันทบุรี

นอกเหนือจากพริกไทยอันเลื่องชื่อและอาหารชองอันเป็นเอกลักษณ์ จันทบุรียังมีมิติทางอาหารที่หลากหลายและน่าสนใจอีกมากมาย ซึ่งเกิดจากการผสมผสานของทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่หลอมรวมกัน

ความอุดมสมบูรณ์ของจันทบุรีไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่พริกไทย แต่ยังรวมถึงสมุนไพรนานาชนิดและผลไม้รสเลิศที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในครัวจันท์ จันทบุรีเป็นแหล่งของสมุนไพรคุณภาพดีหลายชนิด โดยเฉพาะ “กระวาน” จากเทือกเขาสอยดาว ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นกระวานที่ดีที่สุดในประเทศไทย สมุนไพรเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องแกงต่าง ๆ สร้างกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับอาหารจันท์ สวนหมอราษฎร์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเรียนรู้และสัมผัสกับสมุนไพรนานาชนิดที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาหารจันท์   

“เมืองผลไม้” คืออีกหนึ่งสมญานามของจันทบุรี ด้วยดินอันอุดมสมบูรณ์ ทำให้ผลไม้ของจันท์มีรสชาติเป็นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง และที่น่าสนใจคือ จันทบุรีเคยเป็นแหล่งส่งออกลำไยอันดับหนึ่งของประเทศ โดยลำไยจันท์มีลักษณะเด่นคือ ลูกใหญ่ เม็ดเล็ก เนื้อเยอะ และไม่แฉะน้ำ ซึ่งแตกต่างจากลำไยภาคเหนือ นอกจากนี้ “ระกำ” ก็เป็นผลไม้ท้องถิ่นที่น่าสนใจ โดยคนจันท์นิยมกินระกำเปรี้ยว ขณะที่คนตราดนิยมระกำหวาน ระกำเปรี้ยวนำมาใช้ปรุงอาหาร เช่น ไก่ต้มระกำ หรือน้ำพริกใส่ระกำ ให้รสเปรี้ยวอมหอมที่เป็นเอกลักษณ์

ความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบเหล่านี้เป็นผลพวงมาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของจันทบุรีที่มีเทือกเขาสำคัญถึง 3 แห่ง ได้แก่ เทือกเขาสระบาป (แหล่งกำเนิดน้ำตกพลิ้ว) เขาพระบาทหรือเขาคิชฌกูฏ (แหล่งกำเนิดแม่น้ำจันทบุรีและน้ำตกกระทิง) และเทือกเขาสอยดาว (แหล่งกำเนิดกระวานคุณภาพ) ลักษณะภูมิประเทศเช่นนี้ก่อให้เกิด “terroir” หรือคุณลักษณะเฉพาะของพื้นที่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและรสชาติของผลผลิตทางการเกษตร การนำเสนออาหารจันท์ผ่านมุมมองของ terroir จึงเป็นการยกระดับคุณค่าของอาหารท้องถิ่นให้เทียบเคียงกับการนำเสนอไวน์จากแหล่งผลิตชั้นนำ ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มองหาประสบการณ์ที่แท้จริงและเชื่อมโยงกับผืนดิน

ท่องตลาดสัมผัสวิถีชุมชนริมน้ำจันทบูร

การเยี่ยมชมตลาดท้องถิ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสวัฒนธรรมอาหารของจันทบุรี ตลาดสวนมะม่วง เป็นแหล่งรวมวัตถุดิบสดใหม่ รวมถึงพริกแกงพื้นบ้านของภาคตะวันออก เช่น “พริกแกงแสนตุ้ง” ซึ่งมีต้นกำเนิดจากตำบลแสนตุ้ง จังหวัดตราด แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารร่วมของภูมิภาคตะวันออก การปรากฏของพริกแกงแสนตุ้งในตลาดจันทบุรี หรือความแตกต่างเล็กน้อยในการบริโภคระกำระหว่างจันทบุรีและตราด ชี้ให้เห็นว่าขอบเขตของวัฒนธรรมอาหารไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเส้นแบ่งทางปกครองเสมอไป แต่มีการแลกเปลี่ยนและผสมผสานกันภายในภูมิภาค ก่อให้เกิดความหลากหลายและความน่าสนใจในการศึกษาและลิ้มลอง

ชุมชนริมน้ำจันทบูร ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรีแห่งนี้ ไม่เพียงแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมอาหารที่สั่งสมมายาวนาน ในอดีตเคยเป็นแหล่งกระจายเครื่องเทศที่สำคัญ ทำให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลาย ปัจจุบัน ชุมชนแห่งนี้ยังคงมีร้านอาหารและขนมอร่อย ๆ ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เช่น ขนมเทียนแก้วไส้ถั่วใส่พริกไทยของร้านลุงจุ่น หรือขนมไข่ป้าไต๊ การเดินเล่นในชุมชนริมน้ำจันทบูรจึงเปรียบเสมือนการย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับรากเหง้าของอาหารจันท์   

อาหารจานเด่นของจันทบุรีนอกเหนือจากอาหารชอง มักมีรสชาติจัดจ้าน เน้นการใช้สมุนไพรสด และไม่นิยมใช้กะทิมากนักเมื่อเทียบกับอาหารภาคกลาง ตัวอย่างเช่น แกงเลียง แกงป่า ซุปน้ำใสต่าง ๆ และไก่ต้มกระวาน ซึ่งมักจะใส่ระกำเปรี้ยวเพื่อเพิ่มรสชาติ นอกจากนี้ พริกไทยยังถูกนำไปใช้ในขนมบางชนิด เช่น ข้าวต้มมัด และไส้ขนมเทียนแก้ว แสดงให้เห็นถึงบทบาทของพริกไทยที่แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมอาหารจันท์อย่างกว้างขวาง

ด้วยศักยภาพและความพร้อมของวัตถุดิบ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ จังหวัดจันทบุรีกำลังมุ่งมั่นพัฒนาตนเองเพื่อก้าวสู่การเป็น “เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร” (Creative City of Gastronomy) ในเครือข่ายขององค์การยูเนสโก โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวเชิงอาหารจากทั่วโลก เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต (โดดเด่นด้านอาหารเปอรานากันและการผสมผสานทางวัฒนธรรม) และจังหวัดเพชรบุรี (เมืองสามรส: เปรี้ยว เค็ม หวาน) ที่ได้รับการรับรองไปแล้ว   

จันทบุรีมุ่งสู่เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก

แนวทางหลักที่จันทบุรีจะนำเสนอคือ “สมุนไพร” และ “ความยั่งยืนทางอาหาร” ซึ่งสะท้อนถึงจุดแข็งของจังหวัดทั้งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพืชสมุนไพร และความตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาทรัพยากรอาหารให้คงอยู่ต่อไป การขับเคลื่อนเรื่องนี้อาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักในอาหารท้องถิ่น เช่น ทีม “เสน่ห์จันท์” ที่ร่วมกันสร้างสรรค์กิจกรรมและนำเสนอเรื่องราวอาหารจันท์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง  

การมุ่งสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกไม่เพียงแต่จะสร้างชื่อเสียงให้กับจันทบุรีในระดับนานาชาติ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การอนุรักษ์วัตถุดิบท้องถิ่น การส่งเสริมเกษตรกร การยกระดับมาตรฐานร้านอาหาร ไปจนถึงการสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารที่มีคุณภาพและมีความหมาย การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเช่นนี้จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการวางแผนอย่างเป็นระบบ การทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ และการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางอาหารในหมู่คนท้องถิ่นเอง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนในระยะยาว

ความยั่งยืนทางอาหารในบริบทของจันทบุรีนั้นมีความหมายที่กว้างไกลกว่าเพียงการทำเกษตรอินทรีย์ แต่ยังครอบคลุมถึงการอนุรักษ์พันธุ์พืชพื้นเมือง ระบบนิเวศ การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย การสืบสานภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมอาหาร รวมถึงการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน แนวทางแบบองค์รวมนี้จะเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งและสร้างความแตกต่างให้กับจันทบุรีในตลาดการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากการลิ้มลองอาหารแล้ว การได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน แม่ครัว หรือเกษตรกร จะช่วยเพิ่มอรรถรสและความเข้าใจในวัฒนธรรมอาหารของจันทบุรีได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การเปิดใจรับรสชาติใหม่ ๆ ที่อาจ “แปลกปาก” แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความตั้งใจ จะทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็น “meaningful trip” ที่น่าจดจำ

จันทบุรีไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอัญมณีหรือผลไม้รสเลิศ แต่ยังเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยรสชาติอันหลากหลายและเรื่องราวทางวัฒนธรรมอาหารที่น่าค้นหา ตั้งแต่ความเผ็ดร้อนหอมกรุ่นของพริกไทย GI ภูมิปัญญาอาหารป่าของชาวชอง ความอุดมสมบูรณ์ของสมุนไพรและผลไม้นานาชนิด ไปจนถึงวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก จันทบุรีกำลังรอคอยนักเดินทางผู้แสวงหาประสบการณ์ที่แท้จริง ให้มาสัมผัสกับมหากาพย์รสชาติแห่งบูรพาทิศ ที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ซีรีส์บทความ “Routes to Roots” โครงการท่องเที่ยวเมืองรองสุดพิเศษที่ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง The Cloud, ทีม Social Designer Lab จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ True Corporation หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการนำข้อมูลการเดินทาง (mobility data) จากทรู มาวิเคราะห์อย่างเข้มข้น เพื่อสร้างสรรค์คลัสเตอร์หรือกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ โดยมุ่งหวังให้เห็นภาพวัฒนธรรมร่วมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืนและลึกซึ้ง และในครั้งนี้ เราจะปักหมุดหมายแรกของการเดินทางจากทั้งหมด 6 เส้นทางทั่วประเทศ ที่เน้นหนักเรื่องราวของ “อาหาร” ณ จังหวัดจันทบุรีและตราด ดินแดนบูรพาริมฝั่งทะเลตะวันออก ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเครื่องเทศหอมกรุ่น และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ รอให้คุณมาสัมผัสและค้นพบเรื่องราวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังจานอร่อยและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ไบเทคบุรี เปิด SAMA Garden รีชาร์จชีวิตด้วยไลฟ์สไตล์สีเขียว

8 ปี ‘มิชลิน ไกด์’ เขย่าวงการอาหารไทย สู่บัลลังก์ Gastronomy Destination ระดับโลก

×

Share

ผู้เขียน