Share on
×

Share

KTC FitTalk ถอดรหัสสู่สุขภาวะองค์รวมในโลกยุคใหม่

ในสภาวะการณ์ที่โลกปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจและความท้าทายด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น การสร้างความมั่นคงและภูมิคุ้มกันรอบด้านให้ชีวิตจึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ งานเสวนา “KTC FIT Talk ครั้งที่ 14” โดย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช ภายใต้หัวข้อ “สร้างภูมิ-ปลดล็อกภาระการเงินและปัญหาสุขภาพ ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ” ได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “ปัญญาทางการเงิน” “สุขภาพกายและใจที่แข็งแรง” และ “บทบาทของเทคโนโลยี” ในฐานะพลังขับเคลื่อนสำคัญ โดยมี KTC เป็นองค์กรที่เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนและส่งเสริมสุขภาวะองค์รวมนี้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมุมมองและประสบการณ์ตรงจากผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมแนวคิดการวางแผนชีวิตอย่างสมดุล รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน

ปัญญาทางการเงิน รากฐานสู่สุขภาพจิตที่เข้มแข็งและสุขภาพกายที่ยั่งยืน

ความมั่นคงทางการเงินมิได้วัดค่าด้วยตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว แต่คือความรู้สึกสงบสุขทางใจและความสามารถในการเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของชีวิต อภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ CFA ผู้อำนวยการ – การเงิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชี้ให้เห็นว่า ในยุคที่เศรษฐกิจเปราะบางจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามการค้าและภาวะดอกเบี้ยขาลง ผู้บริโภคไทยจำเป็นต้องมีการวางแผนชีวิตที่รอบด้าน ทั้งในเรื่องการเงิน สุขภาพและจิตใจ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น ความรู้ทางการเงินคือจุดเริ่มต้นของการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเครียดและความวิตกกังวล อภิเชษฐ์เน้นย้ำว่า “ก่อนที่เราจะก่อโรคภัย (หนี้สิน) ให้กับตัวเราเอง” ควรเริ่มต้นจากการ “ติดตามการใช้จ่าย” และวางแผน “การออม” ก่อนใช้จ่าย โดยแนะนำให้ออมประมาณ 20-30% ของรายได้ หรือปรับใช้ตามสูตร 50-30-20 (ค่าใช้จ่ายจำเป็น-ความต้องการ-เงินออม/ลงทุน) หรือ 60-20-20 เพื่อสร้าง “Dry Powder” หรือเงินทุนสำรองสำหรับอนาคต มีเงินสำรองฉุกเฉิน และลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของตนเอง รวมถึงฝึกวินัยทางการเงินผ่านระบบออมอัตโนมัติ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และทบทวนแผนทุก 6 เดือน การมีวินัยทางการเงินนี้จะสร้าง “Positive Feedback Loop” ทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคงและภาคภูมิใจ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตโดยตรง

อภิเชษฐ์ กล่าวว่า ภาระทางการเงินที่เกินตัวนั้นคงทำให้เกิดภาวะความเครียด และเมื่อเกิดความเครียด ปัญหาสุขภาพหลายอย่างก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความดันโลหิตสูง บางรายอาจมีความผิดปกติในเรื่องฮอร์โมน หรืออาจจะเกิดโรคทางจิตเวชต่างๆ ตามมาได้ นอกจากนี้ ความเครียดระยะยาวยังส่งผลกระทบต่อการนอนหลับ โดยอ้างอิงสถาบันการนอนของอเมริกาที่แนะนำว่าคนอายุประมาณ 30-60 ปี ควรนอนวันละประมาณ 7-9 ชั่วโมง และหากนอนไม่ถึงเกณฑ์นี้ การนอนน้อยจะสะสมไปเรื่อย ๆ ไม่สามารถนอนชดเชยในวันหยุดได้ การนอนไม่เพียงพอก็จะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ เช่น โรคหัวใจ ซึ่งสอดคล้องกับสถิติในประเทศไทยที่พบว่าคนเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน เพิ่มสูงขึ้น และการเป็นโรคเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงและยาวนานมาก หากมีภาระทางการเงินอยู่แล้วและต้องมาเผชิญกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่สูงเช่นนี้ ก็เหมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์

แม้คนไทยจะมีพัฒนาการด้านความรู้ทางการเงินดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการคิดก่อนซื้อและการออม แต่สิ่งที่ควรเพิ่มคือการวางแผนเกษียณในระยะยาวและแผนรับมือกับเหตุฉุกเฉิน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) พบว่า กว่า 80% ของคนไทยยังไม่มีแผนเกษียณที่ชัดเจน มีภาระหนี้สิน และสิ่งสำคัญที่อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่คือการมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการดูแลรักษา

ดังนั้น การระมัดระวังทั้งเรื่องการเงินและสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ อภิเชษฐ์เสนอว่า ถ้ามีภาระทางการเงินแล้ว การไม่มีปัญหาสุขภาพมากระทบเพิ่มน่าจะดีกว่า แต่หากปัญหาการเงินมีมาก ก็อาจเหนี่ยวนำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ วิธีหนึ่งในการออกจากวงจรนี้คือ “เรื่องสุขภาพนั้นลงทุนไม่มากนัก” การออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ดีอย่างเอ็นดอร์ฟินออกมา ซึ่งช่วยทั้งเรื่องการนอนหลับและลดความเครียด เมื่อไม่เครียด บางครั้งความคิดหรือไอเดียดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น อาจช่วยให้หาวิธีลดภาระทางการเงินลงได้ สำหรับผู้ที่มีภาระทางการเงินอยู่แล้ว คำแนะนำแรกคือ “ลงทุนเรื่องสุขภาพก่อน”

สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต หมวดสุขภาพและความงาม “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมีสุขภาพที่ดีก็เป็นผลจากการลงทุนรูปแบบหนึ่ง เธอเริ่มออกกำลังกายจริงจังเมื่ออายุ 40 ปี ซึ่งเธอมองว่า “ไม่เร็วเลย มันช้ามาก” การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพกาย (ผลตรวจ VO2 Max ของเธอยืนยันว่าสมรรถภาพร่างกายดีกว่าคนในวัยเดียวกันมาก ทำให้ป่วยยากมาก) แต่ยังเป็น “วิธีการคลายเครียดที่ดีที่สุด” โดยเฉพาะการปั่นจักรยานที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง คิดแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้มีพลังงานในการทำงานตลอดวัน

ด้าน นายแพทย์นรศักดิ์ สุวจิตตานนท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและการกีฬา โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ชี้ว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Y และ Gen Z มี “Pain Point” จากการเห็นค่ารักษาพยาบาลที่สูงของบุพการี ทำให้เกิดความตระหนักและต้องการวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต ซึ่งการมีสุขภาพจิตที่ดีจากการวางแผนการเงินที่มั่นคง ย่อมส่งผลให้ลดปัจจัยเสี่ยงต่อโรคต่างๆ รวมถึงโรคหัวใจ นอกจากนี้ การมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงยังเอื้อให้สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอภิเชษฐ์ได้ให้ข้อมูลสนับสนุนว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพกว่า 70-77% มักเกิดขึ้นในช่วงท้ายของชีวิต การเตรียมพร้อมทางการเงินแต่เนิ่นๆ จึงช่วยลดภาระและความกังวลในอนาคตได้อย่างมาก

เมื่อสุขภาพจิตแข็งแรง ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพกายโดยปริยาย ความเครียดที่ลดลงช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่มีความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้น นอกจากนี้ สถานะทางการเงินที่มั่นคงยังเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถลงทุนกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันได้มากขึ้น

“พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต และมีการใช้จ่ายที่สะท้อนเป้าหมายชีวิตในระยะยาว มากกว่าการบริโภคเพื่อความสะดวกชั่วคราว โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและจำนวนสมาชิกที่ใช้บัตรต่างเติบโตมากขึ้นกว่า 50%” สิรีรัตน์ กล่าว

เทคโนโลยี: บริหารจัดการสุขภาพและการเงิน

เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งยวดในการปฏิวัติวิถีชีวิตในทุกมิติ รวมถึงการจัดการการเงินและสุขภาพ ทำให้เกิดประสิทธิภาพและความสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อน อภิเชษฐ์ กล่าวว่า แอปพลิเคชัน “KTC Mobile” เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามและวางแผนการเงินส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เทคโนโลยียังช่วยให้การลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตราสารหนี้ หรือทองคำ สามารถทำได้อย่างสะดวกสบายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลในปัจจุบัน

“แอปพลิเคชันในยุคปัจจุบันไม่ใช่เฉพาะของ KTC สามารถช่วยเราติดตามได้ อาจจะต้องแทนที่การติดตามอินสตาแกรม มาเป็นการติดตามตัวเลขค่าใช้จ่ายได้บ่อยขึ้น และยอมจดบันทึก เสียเวลาสักนิดเพื่อดูว่าในหนึ่งสัปดาห์ใช้จ่ายไปเท่าไร เกินงบประมาณแล้วหรือยัง เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อเดือน การทำเช่นนี้สักหนึ่งถึงสองเดือน เราก็จะเริ่มเห็นรูปแบบการใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าสามารถกันเงินส่วนไหนไว้ได้บ้าง” เมื่อทราบว่าสามารถ “กัน” หรือประหยัดเงินส่วนไหนได้แล้ว อาจนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนในประกันอุบัติเหตุหรือประกันโรคร้ายแรงซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก เพื่อช่วยลดความเครียดในเรื่องสุขภาพได้อีกทางหนึ่ง

ในมิติสุขภาพ Smartwatch และอุปกรณ์สวมใส่อื่น ๆ (Wearable Devices) ได้กลายเป็นเสมือน “อวัยวะส่วนที่ 33” ที่ช่วยให้ผู้คนติดตามข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างใกล้ชิด KTC ได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในกิจกรรม “KTC Sport Group” ที่มีสมาชิกกว่า 12,000 คน โดยสมาชิกจะใช้ Smartwatch บันทึกการออกกำลังกาย (ต้องออกกำลังกายให้ได้ มากกว่า 10 ชั่วโมงต่อเดือน และ cap หน้าจอส่งผล) เพื่อรับรางวัล (e-voucher) ซึ่งช่วยสร้าง Commitment และ Challenge ทำให้การออกกำลังกายสนุกและมีเป้าหมาย อีกทั้งแอปพลิเคชันที่สรุปผลการออกกำลังกายรายปีก็เป็นแรงผลักดันให้ทำดียิ่งขึ้น

ด้าน นายแพทย์นรศักดิ์ กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ แนวคิดใหม่ของการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ทางการแพทย์ได้นำมาใช้ในการวินิจฉัยและติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้บริโภค คือ Wearable Devices อย่างนาฬิกาอัจฉริยะ (Smartwatch) หรือแหวนอัจฉริยะ (Smart Ring) เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนจากการรักษาเมื่อป่วยเป็นการตรวจจับความเสี่ยงและสัญญาณผิดปกติในระยะเริ่มต้น (Early Detection) ข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านี้มีความหลากหลายและเป็นประโยชน์ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) คุณภาพการนอน (หลับตื้น, หลับลึก, REM Sleep) และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ซึ่งช่วยคัดกรองภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดได้ แต่ไม่สามารถวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้

นายแพทย์นรศักดิ์กล่าวว่า โรงพยาบาลสมิติเวชตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ ด้วย Samitivej Wearable Clinic บริการปรึกษาข้อมูลสุขภาพจาก Smartwatch และ Smart Ring ที่ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชัน Well by Samitivej เพื่อประเมินสุขภาพเบื้องต้น (Pre-Screening) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมทั้งการนอนหลับ (Sleep) สุขภาพหัวใจ (ECG & Heart) โภชนาการ (Nutrition) การออกกำลังกาย (Sport) และสภาวะอารมณ์ (Emotion)ข้อมูลจาก Wearable Devices เป็นดัชนีสำคัญที่ช่วยให้แพทย์เข้าใจสุขภาพผู้ป่วยได้ดีขึ้น และมองว่าในอนาคต Smartwatch จะเป็นอุปกรณ์ดูแลสุขภาพประจำตัว

ข้อมูลจะถูกนำมาใช้กับระบบ Telemedicine เพื่อการรักษาเฉพาะบุคคลแบบเรียลไทม์ ทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องใกล้ตัว ทำได้ทุกวัน โรงพยาบาลสมิติเวชมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Wearable Devices พร้อมให้คำปรึกษาทั้งที่โรงพยาบาลและผ่านช่องทางออนไลน์ (Virtual Hospital) อย่างไรก็ตาม ทั้งอภิเชษฐ์และนายแพทย์นรศักดิ์ก็ได้กล่าวถึงอีกด้านคือ “Information Overload” การเลือกรับข่าวสารและข้อมูลสุขภาพอย่างมีวิจารณญาณจึงเป็นสิ่งสำคัญ อภิเชษฐ์เสริมว่าการ Track มากเกินไปก็อาจทำให้เกิดความหวาดระแวง (Paranoid) ได้ และการดูแลสุขภาพอาจเริ่มจากเรื่องง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีราคาแพงเสมอไป

บทบาทของ KTC: ผสานนวัตกรรมและบริการเพื่อสุขภาวะที่ครบรอบด้าน

KTC เป็นมากกว่าผู้ให้บริการทางการเงิน โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกและสังคม ผ่านการบูรณาการมิติการเงิน สุขภาพ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน สิรีรัตน์ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ เคทีซีวางกลยุทธ์จะขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรสุขภาพให้มากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มสมาชิกเคทีซีและผู้บริโภคให้มากที่สุด ไปที่ใดต้องเห็นสิทธิพิเศษจากเคทีซี รวมถึงกลุ่ม Wellness Lifestyle โดยจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มโรงพยาบาล ฟิตเนส รวมถึงผู้จำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังกายและเทคโนโลยีสวมใส่ (Wearable Devices) เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เน้นการดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 20-29 ปี มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ทั้งในกลุ่มโรงพยาบาล สปอร์ตและฟิตเนส ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการที่คนหันมาสนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพเร็วขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย

เครื่องมือทางการเงินอย่าง KTC Mobile App ช่วยให้สมาชิกบริหารจัดการการเงินได้อย่างคล่องตัว ขณะที่บัตรเครดิต KTC อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ โดย KTC ตั้งเป้าการเติบโตของยอดใช้จ่ายในหมวดสุขภาพทั้งหมดในปีนี้ ไม่น้อยกว่า 10% YOY และยังสามารถใช้ในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี เช่น กองทุน ESG-TX ซึ่ง อภิเชษฐ์ กล่าวว่า แม้เม็ดเงินลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมโดยรวมสำหรับ ESG-TX จะยังไม่สูงนัก (ล่าสุดอยู่ที่ 800-900 ล้านบาท) แต่ KTC ยังคงสนับสนุนช่องทางนี้ และมีความเป็นไปได้ในการ ร่วมมือกับ บลจ. กรุงไทย เพื่อส่งเสริมการซื้อกองทุนผ่านบัตรเครดิต สำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อภิเชษฐ์แนะนำว่าในกลุ่มหุ้น (Selective Underweight) ควรเน้นกลุ่มสาธารณูปโภค สินค้าอุปโภคและสุขภาพ หรือหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่มีตลาดกระจายหลายประเทศ เน้นหุ้นบริโภคในประเทศที่จำเป็น ลดหุ้นส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ไม่มีสิทธิยกเว้นภาษี สำหรับตราสารหนี้ ให้เพิ่มน้ำหนักพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางและระยะยาว เลี่ยงตราสารหนี้เอกชนความเสี่ยงสูง และลดพันธบัตรอิงเงินเฟ้อ ส่วนทองคำ สามารถทยอยเพิ่มการลงทุนระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยง แนะนำถือในรูปแบบ USD หรือเข้าซื้อแบบ DCA

อภิเชษฐ์ ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงบทบาทของบัตรเครดิตว่า “ไม่ได้จำเป็นต้องก่อหนี้” แต่เป็นทางเลือกเสริมยามฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม “การใช้งานต้องระมัดระวัง” KTC ยังส่งเสริมไลฟ์สไตล์สุขภาพดีด้วยนวัตกรรมผ่านกิจกรรม “KTC Sport Group” และมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ในการมอบสิทธิประโยชน์ เช่น โค้ดส่วนลด SMVxKTC เมื่อรับบริการปรึกษาแพทย์ที่ Samitivej Wearable Clinic มูลค่า 800 บาท (ไม่รวมค่าบริการโรงพยาบาล) และชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิตเคทีซีผ่านแอปฯ Well by Samitivej ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2568 – 31 สิงหาคม 2568 นอกจากนี้ยังได้รับส่วนลด 10% สำหรับค่าห้อง และรับเครดิตเงินคืนเมื่อใช้บริการด้านสุขภาพต่างๆ ที่โรงพยาบาลสมิติเวชตามกำหนดถึง 31 ธันวาคม 2568

อภิเชษฐ์ อธิบายว่าการที่สถาบันการเงินอย่าง KTC เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพเพราะ “สุดท้ายต้องมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตได้” ซึ่งเศรษฐกิจจะเติบโตได้ก็ต่อเมื่อคนในประเทศมีสุขภาพดี การจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวกถือเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และเขาย้ำว่า “เรื่องที่ง่ายที่สุดคือการสร้างวินัย ทั้งสองอย่างเลย ทั้งสุขภาพและการเงิน” และ “นิสัยอาจจะสำคัญมากกว่าความรู้ด้วยซ้ำ”

สิรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บัตรเคทีซีไม่ใช่เพียงเครื่องมือในการใช้จ่าย แต่เป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยให้สมาชิกใช้เงินอย่างมีการวางแผน มีเป้าหมายและมีความรับผิดชอบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างเข้าใจ เพื่อให้สมาชิกเคทีซีได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพอย่างที่ต้องการ”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

True IDC เปิดตัว ‘AI Hyperscale Data Center’ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสู่ยุค Giga Data Center

โคคา-โคล่า ผนึก กทม. ชุบชีวิตตลาดพลู สู่แลนด์มาร์กสตรีทฟู้ดระดับโลก

×

Share

ผู้เขียน