ในเดือนพฤษภาคม 2025 ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านราคาของ Bitcoin ที่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมมีราคาต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาทำสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 111,970.17 บาท เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 ในบทความนี้จะนำทุกคนไปทำความเข้าใจสถานการณ์โลกที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคา Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ กลับมาบวกอีกครั้ง

ทำไมราคา Bitcoin ถึงเพิ่มขึ้นและทำ All-time High
Bitcoin ทำสถิติราคาสูงสุดตลอดกาลที่ 111,970.17 บาท หรือประมาณ 3,652,041.40 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 (ที่มา CoinMarketCap) สร้างผลตอบแทนในรอบ 1 เดือน ที่ +15.31% และ +31.54% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 โดยเมื่อเดือนเมษายนเคยทำราคาต่ำสุดที่ 74,500 ดอลลาร์สหรัฐ การที่ราคาลดต่ำลงมานี้เป็นเพราะปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจจากทั่วโลก โดยเฉพาะกับการประกาศกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งเต่เมื่อต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา สร้างผลกระทบให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความชะงักงัน และสกุลเงินดิจิทัลซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้นในช่วงที่มีความเครียด ส่งผลต่อราคาของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงกลับไปมองหาสินทรัพย์แบบดั้งเดิมที่มีความผันผวนน้อยกว่า การกลับมาของราคา Bitcoin ที่สูงกว่ามีปัจจัยสำคัญดังนี้
- Bitcoin ได้รับความสนใจจากกลุ่มสถาบันมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ช่วยสนับสนุนทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกับ Spot Bitcoin ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สามารถดึงเม็ดเงินมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ (28 พ.ค. 2025 – Coinglass) ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัท (AUM) ทั้งหมด 133,400 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ข้อมูลจาก SoSoValue ระบุว่า กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin ETF จำนวน 11 กองที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสุทธิ 5,770 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ประเภทที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ Bitcoin ยังเป็นที่ยอมรับขององค์กรต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น Strategy (เดิมชื่อ MicroStrategy) ได้ขยายการถือครอง Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทอื่นๆ จำนวนมากก็เข้าร่วมในแนวทางนี้ ประกอบด้วย Metaplanet ถือ Bitcoin ทั้งหมด 7,800 โดยมีเป้าหมายการสะสมให้ครบ 10,000 BTC ในปี 2025 บริษัท Twenty One Capital (ได้รับการสนับสนุนจาก Tether และ SoftBank) ได้เปิดตัวโมเดลการคลังที่เน้นสะสม Bitcoin รวมถึงบริษัทขนาดเล็กหลายแห่งกำลังจัดหาเงินทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin ผ่านพันธบัตรแปลงสภาพและหุ้นบุริมสิทธิ์ การสะสม Bitcoin ของบริษัทต่างๆนี้ เป็นเคลื่อนตัวที่แตกต่างการซื้อขายในช่วงก่อนหน้านี้ที่เป็นการซื้อขายของรายย่อย แต่ในรอบนี้เป็นการซื้อขายของกลุ่มสถาบันและบริษัทต่างๆ เกิดเป็นการสนับสนุนเชิงปริมาณจากอุปสงค์และอุปทานอย่างต่อเนื่อง
- Bitcoin พุ่งขึ้นจากปัจจัยของเศรษฐกิจมหภาค ที่สอดคล้องกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ดีที่ออกมาจากการประกาศของสหรัฐอเมริกา การผ่อนปรนความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนทำให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกลดลงและความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงดีขึ้น รวมถึงความแข็งแกร่งของหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มแรงผลักดันให้กับการเติบโตของ Bitcoin นอกจากแรงสนับสนุนการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และยังมีแรงผลักดันที่น่าจับตามองคือ Trump Media and Technology Group ที่มีการซื้อพันธบัตรเกี่ยวกับการซื้อพันธบัตร Bitcoin มูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์
จากสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่าง Bitcoin ที่เชื่อมโยงกับดัชนี National Financial Conditions Index (NFCI) ดัชนี้นี้เป็นตัวชี้วัดที่ประเมินความตรึงเครียดทางการเงินในระบบและรวมถึงตัวแปรต่างๆ ที่จะมีความเปลี่ยนแปลอย่างรวดเร็วสู่สภาพแวดล้อมทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากข้อจำกัดก่อนหน้านี้ที่สังเกตได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
- การกำกับดูและที่เอื้ออำนวยมากขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง และประธาน SEC สหรัฐฯ คนใหม่อย่าง Paul Atkins ที่มาพร้อมวิสัยทัศน์การกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
มาตรการกำกับดูแลในหลายๆ ด้านมีความเปลี่ยนแปลง เช่น วุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย stablecoin สร้างกรอบการกำกับดูแลชุดแรกสำหรับภาคส่วนที่สำคัญนี้ของตลาดสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการลงนามในกฎหมายที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในอีกไม่กี่เดินนี้ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีมีความชัดเจนมากขึ้น นโยบายของทรัมป์ ท่าทีและความคืบหน้าด้านกฎระเบียบนี้ทำให้ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นและดึงดูดเงินทุนจากสถาบันต่างๆ เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น ทั้งสร้างการเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในตลาดฐานะการเงินหลัก
- การเปลี่ยนแปลงจากเงินสด (hard money) สู่ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดที่นักลงทุนกำลังจับตามอง คือ ความต้องการที่จะเก็บมูลค่าที่ไม่สามารถถูกกัดกร่อนได้โดยเงินเฟ้อได้ในแบบที่กำลังเกิดขึ้นกับเงิน Fiat เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ ที่เห็นได้ว่าอุปทานหมุนเวียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นอำนาจซื้อต่อหน่วยสกุลเงินจึงมีแนวโน้มที่จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และหลังจากเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ยิ่งทำให้นักลงุทนมีความอ่อนไหวต่อสุถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
สรุป
ความสนใจของสถาบันและองค์กรที่เพิ่มมากขึ้นใน Bitcoin เพิ่มมิติใหม่ให้กับพฤติกรรมทางการตลาดของ Bitcoin ในขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและความสัมพันธ์กับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมยังคงมีความสำคัญ Bitcoin กำลังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่มีประโยชน์มากกว่าการเก็งกำไร ดังนั้น ประสิทธิภาพของ Bitcoin อาจแตกต่างไปจากหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการนำไปใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในหมู่บริษัทที่มีอิทธิพลและนักลงทุน แต่อย่างไรก็ตามการเติบโตของ Bitcoin ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับการผสมผสานระหว่างนโยบายการเงิน การวางกลยุทธ์ของสถาบัน และบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน
ข้อมูลและบทความโดย Bitkub.com
คำเตือน
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน
ทบทวนความเป็นมาของ Bitcoin ในเอลซัลวาดอร์ จากสกุลเงินปฏิวัติสู่เงินทุนสำรองเชิงกลยุทธ์
Top 3 Layer 2 โซลูชันการปรับขนาดบน Ethereum : เปรียบเทียบระหว่าง Base Arbitrum และ Optimism