ท่ามกลางวิกฤติขยะอาหารและขยะบรรจุภัณฑ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก SIG ผู้นำด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมครั้งสำคัญที่มุ่งแก้ไขสองปัญหาใหญ่ไปพร้อมกัน ผ่านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ปลอดเชื้อ (Aseptic Technology) และการออกแบบกล่องเครื่องดื่มยุคใหม่ที่ “ไร้ชั้นอะลูมิเนียม” ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Packaging for Better” ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้ทั้งผู้บริโภคและโลก
นวัตกรรมจาก SIG มุ่งเน้นการพัฒนากล่องบรรจุเครื่องดื่ม UHT ที่สามารถรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น โดยการตัดชั้นอะลูมิเนียมฟอยล์ออก ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในกระบวนการรีไซเคิล แต่ยังคงประสิทธิภาพในการเก็บรักษาคุณภาพ รสชาติ และสารอาหารของผลิตภัณฑ์ไว้ได้อย่างดีด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อที่ทันสมัย ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องแช่เย็น และลดการสูญเสียอาหาร (Food Waste) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ปริญญาภร กลิ่นเทศ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ของ SIG กล่าวว่า บริษัทกำลังเดินทางบนเส้นทางของการสร้างสรรค์ “บรรจุภัณฑ์ที่ดีกว่า” (Packaging for Better) ผ่านแนวทางความยั่งยืนที่ขับเคลื่อนด้วยสองเสาหลักที่สำคัญที่สุด ได้แก่ Food Positive ที่มุ่งเพิ่มการเข้าถึงโภชนาการและลดขยะอาหาร และ Resource Positive ที่มุ่งเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ปริญญาภร กล่าวว่า นวัตกรรมปลอดเชื้อ (Aseptic Technology) เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาคุณค่าอาหาร โดยได้เปรียบเทียบกับข้อจำกัดของกระบวนการถนอมอาหารแบบดั้งเดิม เช่น กระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนโดยใช้อุณหภูมิและเวลาตามทีกำหนด เพื่อฆ่าเชื้อในอาหาร (หรือกระบวนการรีทอร์ท- Retort) และการบรรจุร้อน (Hot-fill) ซึ่งต้องใช้ความร้อนสูงเป็นเวลานาน ส่งผลให้คุณภาพ ความสดใหม่ รสชาติ และแม้กระทั่งสีของอาหารเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เทคโนโลยีปลอดเชื้อของ SIG เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยตรง ด้วยการบรรจุผลิตภัณฑ์ลงในบรรจุภัณฑ์ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ปลอดเชื้อทั้งหมด ทำให้สามารถคงความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ไว้ได้เหมือนเดิม พร้อมทั้งรับประกันความปลอดภัยและยืดอายุการเก็บรักษาให้ยาวนานขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องแช่เย็น จากผลการวิจัยโดยหน่วยงานภายนอกยังพบว่า เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยรักษาสารอาหารที่สำคัญอย่างวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระไว้ได้มากกว่าร้อยละ 90
ตัวอย่างความสำเร็จที่เห็นได้ชัดในตลาดสหรัฐอเมริกา คือการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เช่น แบรนด์ Serenity Kids ที่ใช้บรรจุสมูทตี้ผลไม้แปรรูปลงในซองเพาช์ (Smarter Pouch) ทำให้คงคุณค่าสารอาหารและความสดใหม่ของผลไม้ไว้ได้ครบถ้วน เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่ต้องการของว่างมีประโยชน์และสะดวกพกพา
ขณะที่แบรนด์ Ready. Set. Food! ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์สำหรับทารก ก็เลือกใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ในการบรรจุพูเร่ผลไม้ออร์แกนิกลงในซองขนาดเล็ก ทำให้สามารถรักษารสชาติให้เหมือนผลไม้ดั้งเดิมและคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลเพิ่ม ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพของทารกอย่างยิ่ง
ในด้านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม SIG ได้กำหนดนิยามของ “Packaging for Better” ไว้อย่างชัดเจน โดยมีเป้าหมายครอบคลุมทั้งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การเพิ่มสัดส่วนวัสดุหมุนเวียนและวัสดุที่รีไซเคิลได้ให้มากที่สุด ตลอดจนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ง่ายในทุกที่ทั่วโลก หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญคือกล่องปลอดเชื้อ SIG Terra รุ่นใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือการกำจัดชั้นอะลูมิเนียมฟอยล์ออกไป ซึ่งไม่เพียงช่วยลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังทำให้กระบวนการรีไซเคิลง่ายขึ้นมากเพราะเหลือเพียงวัสดุหลักคือกระดาษและพอลิเมอร์ นอกจากนี้ SIG ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนกระดาษให้ถึงร้อยละ 90 ภายในปี 2030 เนื่องจากเป็นวัสดุหมุนเวียนและเยื่อกระดาษรีไซเคิลจากกล่องประเภทนี้เป็นที่ต้องการอย่างสูงในอุตสาหกรรมกระดาษ
สำหรับบรรจุภัณฑ์แบบซองเพาช์และถุงในกล่อง นวัตกรรมของ SIG ได้กำจัดชั้นอะลูมิเนียมออกเช่นกัน และที่สำคัญคือการพัฒนาให้เป็นบรรจุภัณฑ์จากวัสดุชนิดเดียว (Mono-material) ทั้งตัวซองและฝาปิด ซึ่งแก้ปัญหาความยุ่งยากในการรีไซเคิลที่เกิดจากพลาสติกคนละชนิด การทำให้เป็นวัสดุเดียวกันทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้รีไซเคิลทำงานง่ายขึ้นและทำให้วัสดุมีมูลค่าสูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการปรับปรุงเพื่อลดน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ลงได้ถึงร้อยละ 60 ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลดขยะคือการไม่สร้างขยะตั้งแต่แรก ความสำเร็จนี้ยังสะท้อนผ่านความร่วมมือกับ Yili ผู้ผลิตนมรายใหญ่ในจีน ที่เลือกใช้บรรจุภัณฑ์คาร์บอนต่ำของ SIG สำหรับผลิตภัณฑ์นมที่มาจากการทำฟาร์มแบบฟื้นฟู
เพื่อแสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่จับต้องได้ SIG ได้ริเริ่มโครงการ “Cartons for Good” ในประเทศไทย เพื่อจัดการปัญหาขยะอาหารและขยะบรรจุภัณฑ์ไปพร้อมกัน โครงการได้นำ “มะม่วง” ที่มีผลผลิตล้นตลาดอย่างหนักในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาแปรรูปเป็น “เยลลี่โปรตีนสูง” โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง บริษัท อัมพลฟูดส์ จำกัด และมหาวิทยาลัยมหิดล ผลิตภัณฑ์เยลลี่ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวหรือการกลืน และจะถูกแจกจ่ายไปยังชุมชนต่าง ๆ ผ่านบ้านพักคนชราและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นอกจากนี้ เพื่อปิดวงจรความยั่งยืน SIG ยังได้ร่วมมือกับบริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด เพื่อรวบรวมกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วทั้งหมดกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอีกครั้ง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
BAM ประกาศ ‘ESG ไม่ทำ = ไม่รอด’ พลิกเกมสู้หนี้ 2 ล้านล้าน
GULF-AIS-JAS ทุ่ม 500 ล้าน คว้าลิขสิทธิ์ไทยลีก 4 ฤดูกาล “คนไทยดูฟรี!”