ท่ามกลางกระแสการลดใช้พลาสติกและบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก องค์กรระดับนานาชาติและผู้นำในอุตสาหกรรมกำลังเรียกร้องให้สังคม “พลิกมุมมอง” ครั้งสำคัญ ในงานสัมมนา 2025 Global Packaging Forum @PROPAK ASIA ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยชี้ว่า “การใช้บรรจุภัณฑ์น้อยเกินไป” (Under-packaging) อาจสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมรุนแรงกว่าการใช้มากเกินไป เนื่องจากเป็นสาเหตุโดยตรงของวิกฤติ “ขยะอาหาร” ซึ่งมีต้นทุนต่อโลกสูงกว่าตัวบรรจุภัณฑ์อย่างมหาศาล นี่คือเสียงสะท้อนจากทั้งองค์กรบรรจุภัณฑ์โลก (WPO) องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) และบริษัทนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ Sealed Air ที่ต่างยืนยันว่า บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมคือ “ฮีโร่” ผู้พิทักษ์อาหาร ไม่ใช่ “ผู้ร้าย” ทำลายสิ่งแวดล้อม
วิกฤติที่มองไม่เห็น: ต้นทุนมหาศาลของอาหารที่ถูกทิ้ง

ฟุคุยะ อิโนะ หัวหน้าสำนักงานภูมิภาค UNIDO กล่าวว่า “หากขยะอาหารเป็นประเทศ ก็จะเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก” ก่อนจะเข้าใจบทบาทของบรรจุภัณฑ์ ต้องตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาขยะอาหารที่โลกกำลังเผชิญ คือ
- ปริมาณและการสูญเสีย: อาหารราว 1 ใน 3 ถึง 40% ของที่ผลิตได้ทั่วโลก ถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะอย่างไร้ค่า คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
- ผลกระทบต่อมนุษย์: การสูญเสียนี้เกิดขึ้นในขณะที่ประชากรกว่า 800 ล้านคน ยังคงเผชิญความหิวโหย และมากถึง 3 พันล้านคน ขาดแคลนอาหารที่เพียงพอ
- หายนะด้านสิ่งแวดล้อม: ขยะอาหารก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 8-10% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก หรือราว 4.4 พันล้านตันต่อปี
ดร.โยฮันเนส เบิร์กไมเออร์ เลขาธิการ WPO ย้ำว่า ปัญหานี้เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เกือบทุกข้อ “การลดขยะอาหารไม่ได้ช่วยแค่เรื่องความอดอยาก แต่ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและมหาสมุทร (SDG 14) เพราะเราลดการใช้น้ำมหาศาลจากการผลิตอาหารที่ไม่ถูกกิน”
เปลี่ยนกระบวนทัศน์: เมื่อต้นทุนของอาหารสูงกว่าบรรจุภัณฑ์หลายร้อยเท่า
ดร.โยฮันเนส กล่าวว่า เป้าหมายที่มุ่งเน้นแต่การลดปริมาณบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน “หากเรามีบรรจุภัณฑ์ไม่เพียงพอ เราจะสูญเสียอาหารไป ซึ่งนั่นเลวร้ายยิ่งกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม” เพราะพลังงาน น้ำ และทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้ในการเพาะปลูก แปรรูป และขนส่งอาหารนั้น สูงกว่าทรัพยากรที่ใช้ผลิตตัวบรรจุภัณฑ์อย่างเทียบไม่ติด

เพื่อพิสูจน์แนวคิดนี้ อลัน อดัม ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืนจาก Sealed Air ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงเปรียบเทียบที่น่าตกใจว่า
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อย เนื้อวัว 1 กก. ให้เน่าเสีย รุนแรงกว่าผลกระทบจากถุงที่ใช้บรรจุถึง 1,800 เท่า
- ผลกระทบจาก เนื้อหมู 1 กก. สูงกว่าถุงบรรจุ 450 เท่า
- ผลกระทบจาก เนื้อสัตว์ปีก 1 กก. สูงกว่าถุงบรรจุ 200 เท่า
“ตัวเลขเหล่านี้คือ ‘อาหารสมอง’ ที่แสดงให้เห็นว่า การมีบรรจุภัณฑ์ที่ดีและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อยืดอายุอาหารนั้น เป็นทางเลือกที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า” นายอลันกล่าว
นวัตกรรมในโลกจริง: กรณีศึกษา “บรรจุภัณฑ์ชาญฉลาด”
แนวคิด “Clever Packaging Design” หรือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ชาญฉลาด ได้สร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทั่วโลก ได้แก่
- เทคโนโลยี Darfresh: บรรจุภัณฑ์สกินแพ็คแบบสุญญากาศของ Sealed Air สามารถยืดอายุเนื้อสัตว์จาก 14 วัน เป็น 28 วัน ช่วยลดการเน่าเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ
- นวัตกรรมเพื่อเกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโด: การใช้เทคโนโลยีผสมผสานช่วยยืดอายุอะโวคาโดจาก 30 วัน เป็น 90 วัน ทำให้เกษตรกรในนิวซีแลนด์สามารถส่งออกผลผลิตไปได้ทั่วโลก และลดขยะอาหารได้ถึง 7.5 ตัน
- ความร่วมมือกับ McDonald’s: ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์กว่า 1,100 สาขา การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ซอสจากถ้วยพลาสติกแข็งมาเป็น “ถุงแบบยืดหยุ่น” (Flexible Pouch) ช่วยเพิ่มปริมาณการใช้ซอสได้เกือบหมดจด จากเดิม 88-90% เพิ่มขึ้นเป็น 98%
- ถุงสุญญากาศในเคนยา: การใช้ถุงพลาสติกที่ไม่ซับซ้อนสำหรับเก็บข้าวโพด สามารถลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวจากแมลงและความชื้นได้มากถึง 30-40%
- บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging): การใช้ QR Code บนบรรจุภัณฑ์เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง ให้ข้อมูลโภชนาการ วิธีทิ้งที่ถูกต้อง และรับฟังความคิดเห็นเพื่อการพัฒนา ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการสร้างความยั่งยืน
การขับเคลื่อนระดับโลก: สู่ “จุดสมดุล” ที่ถูกต้อง
UNIDO ในฐานะหน่วยงานเฉพาะทางของสหประชาชาติ กำลังเป็นผู้นำในการริเริ่มแก้ไขปัญหานี้ผ่านงบประมาณความร่วมมือทางเทคนิคราว 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยมีเป้าหมายเพื่อหา “จุดสมดุล” ระหว่างการใช้บรรจุภัณฑ์ที่น้อยเกินไป (under-packaging) กับการใช้มากเกินไป (over-packaging) ซึ่งเป็นสาเหตุของขยะพลาสติกประมาณ 40% และกำลังเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจาอนุสัญญาพลาสติกระหว่างประเทศ
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทย มาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และลาว) UNIDO กำลังมุ่งเน้นการสร้างขีดความสามารถให้ภาคอุตสาหกรรม โดยได้จัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านบรรจุภัณฑ์” (Centers of Excellence on Packaging) ใน 14 ประเทศ และส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก ซึ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับ WPO และมหาวิทยาลัยมหิดลในประเทศไทย
ฟุคุยะ อิโนะ ได้เรียกร้องให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและมองหาโอกาสนอกประเทศ “เราได้เห็นตัวอย่างที่บริษัทไทยไปจัดการฝึกอบรมในทวีปแอฟริกาแล้ว เราสามารถช่วยเชื่อมโยงความเชี่ยวชาญของท่านไปยังประเทศอื่น ๆ ได้ และเราเปิดรับนักศึกษาฝึกงานอยู่เสมอ”
ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์และมองว่าบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการคิดค้นมาอย่างดี คือหนึ่งในพันธมิตรที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ปฏิวัติ T-VER ป่าไม้ไทย: ‘AI-ประกันภัยคาร์บอน’ สู่มาตรฐานโลก
แปลงความยั่งยืนในแบบ Compliance ให้เป็นแบบ Competence