บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ประกาศเดินหน้าเปิดตัว “ระบบแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B ePhyto Exchange)” อย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการปฏิวัติกระบวนการส่งออกพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชสู่ระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในเวทีการค้าโลก
ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งของพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย NT ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกลางของประเทศ (THAI NSW) ร่วมกับ InterCommerce จากประเทศฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้พัฒนาระบบและเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยน B2B ePhyto ระหว่างประเทศ กรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานภาครัฐผู้ออกใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) กรมศุลกากร ในฐานะผู้กำกับดูแลการนำเข้า-ส่งออก และสนับสนุนการเชื่อมโยงมาตรฐานข้อมูล และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ในฐานะผู้สนับสนุนมาตรฐานสุขอนามัยพืชและเป็นผู้ประสานความร่วมมือในระดับสากล การผนึกกำลังกันในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ระบบ B2B ePhyto Exchange เกิดขึ้นจริง คาดว่าจะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการดำเนินงาน เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใสให้กับผู้ประกอบการ และสามารถรองรับการขยายตัวของการค้าในอนาคต นำไปสู่การยกระดับศักยภาพการแข่งขันทางการค้าของไทยในอนาคต
ดร. วงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานดิจิทัลและโซลูชัน NT เปิดเผยถึงการพัฒนาครั้งสำคัญนี้ว่า NT ได้พัฒนาและขยายขอบเขตการให้บริการจาก B2G (ธุรกิจกับภาครัฐ) และ G2G (รัฐกับรัฐ) สู่ B2B (ธุรกิจกับธุรกิจ) การเปิดตัวระบบ ePhyto Exchange แบบ B2B ถือเป็นการขยายขีดความสามารถของการแลกเปลี่ยนเอกสารอย่างแท้จริง เพราะเดิมเอกสารเชิงพาณิชย์ประเภท B2B จะเป็นการส่งข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว แต่ระบบใหม่นี้จะเป็นครั้งแรกที่สามารถส่งเอกสารไปกลับระหว่างประเทศได้สำเร็จ นอกจากนี้ NT ยังพยายามพัฒนาระบบให้สามารถครอบคลุมเอกสารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร PO invoice (ใบแจ้งหนี้) ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading) และระบบส่งมอบสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-DO) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและคาดว่าจะแล้วเสร็จในอนาคต
“NT ในฐานะผู้ให้บริการระบบ National Single Window ของประเทศ ได้พัฒนาและขยายขอบเขตบริการจาก B2G และ G2G สู่ B2B โดยการเปิดตัวครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง NT กับ InterCommerce ฟิลิปปินส์ ซึ่งเราเป็นสมาชิก PAA Digital Trade Alliance ด้วยกัน และได้ร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล ePhyto เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศ และจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคต ที่สำคัญ ระบบใหม่นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เราสามารถส่งเอกสารไปกลับระหว่างประเทศได้สำเร็จ นอกจากนี้ NT ยังมีแผนพัฒนาระบบให้ครอบคลุมเอกสารอื่น ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา”
Francis Lopez ประธานบริษัท InterCommerce และ Deputy Chair, PAA Digital Trade Alliance กล่าวถึงมุมมองความร่วมมือระหว่างประเทศว่า ความร่วมมือระหว่าง InterCommerce และ NT นี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการอำนวยความสะดวกการค้าข้ามพรมแดน โดยได้ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเอกสารระหว่างภาคธุรกิจกัน การแลกเปลี่ยน ePhyto สำหรับการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างฟิลิปปินส์และไทยถือเป็นก้าวแรกในการริเริ่มการแลกเปลี่ยนรูปแบบ B2B ระหว่างทั้งสองประเทศ ทาง InterCommerce และ NT เป็นพันธมิตรกันมายาวนาน และยังเป็นสมาชิกของ PAA Digital Trade Alliance ซึ่งมีแพลตฟอร์มเชื่อมโยงดิจิทัลที่มีสมาชิกกว่า 18 รายที่เป็นผู้ให้บริการ NSW และผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาค
ด้านหน่วยงานภาครัฐต่างขานรับและพร้อมปรับบทบาทเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ โดย ชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ออก ePhyto ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการส่งออก การเข้าร่วมระบบนี้จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลรวดเร็ว ปลอดภัย และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยทางกรมฯ มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการวางตัวจากการเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) สู่การเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) แก่ผู้ประกอบการไทยทั้งด้านข้อมูล ขั้นตอน และการเชื่อมโยงระบบ เพื่อให้สามารถใช้งานระบบ ePhyto อย่างมีประสิทธิภาพ
กานต์ คล้ายสุบรรณ ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการและพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลฯ กรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรได้ตระหนักถึงความสำคัญและได้พัฒนาระบบ Thailand National Single Window มาตั้งแต่ยุคแรกๆ เช่น ระบบ EDI (Electronic Data Interchange) จวบจนปัจจุบันที่ช่วยสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐเชื่อมโยงข้อมูลกับนานาชาติได้สำเร็จ ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ทางกรมฯ ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล e-Phyto Certificate กับจีนได้สำเร็จ พร้อมเร่งรัดให้มีการเชื่อมโยงผ่านแพลตฟอร์มกลางของ IPPC (อนุสัญญาคุ้มครองพืชระหว่างประเทศ) และ ASEAN Single Window เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนภายใต้ประเทศคู่ค้าของไทยให้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
รุจิรา จันทร์อร่าม ผู้อำนวยการกลุ่มความตกลงสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชฯ มกอช. กล่าวเสริมว่า มกอช. มีบทบาทสำคัญในการประสานงานและเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อทดสอบแลกเปลี่ยนข้อมูล e-Phyto โดยหยิบยกขึ้นหารือในเวทีเจรจาต่างๆ ทำให้ไทยได้ทดสอบแลกเปลี่ยนและเริ่มใช้งานจริงกับคู่ค้าแล้วหลายประเทศ ทั้งผ่านระบบ ASEAN Single Window (ASW), IPPC Hub และการเชื่อมต่อแบบ Point-to-point ตลอดจนได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านใบรับรองสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-SPS) เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
การเปิดตัวระบบในครั้งนี้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้ยกระดับกระบวนการส่งออกพืชสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยความสำเร็จนี้อาจส่งผลให้ไทยได้รับเชิญไปนำเสนอตัวอย่างระบบ ePhyto Exchange ในงานสัมมนา Production Planning and Control (PPC) ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการร่วมสร้างระบบการค้าข้ามพรมแดนแบบไร้กระดาษ (Cross-Border Paperless) ให้แก่โลกในอนาคตอย่างสมบูรณ์
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Apple เปิดตัว iOS 26 ชูโรง ‘Apple Intelligence’