ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยความท้าทาย งาน “MAI Forum 2025” ได้กลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งภายใต้แนวคิด “Arm for Opportunity” หรือ “ติดอาวุธคว้าโอกาสในตลาด MAI” โดยไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กกว่า 115 แห่ง แต่ยังเป็นการรวมตัวของ 3 คีย์แมนสำคัญจากตลาดทุนไทย ที่ได้ร่วมกันฉายภาพอนาคต ชี้ทิศทางการกำกับดูแล และเปิดคู่มือค้นหา “เพชรน้ำงาม” ให้นักลงทุนอย่างน่าสนใจ
เวทีนี้ได้ส่งสัญญาณบวกที่ชัดเจนว่า แม้ตลาดจะผันผวน แต่โครงสร้างของตลาดทุนไทย โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) กำลังปรับตัวและมีพัฒนาการเชิงบวกที่พร้อมสร้างโอกาสการเติบโตครั้งใหม่
โฉมใหม่ MAI: จาก “โรงงาน” สู่ “บริการและเทคโนโลยี”
ภาพของตลาด MAI ที่เคยถูกมองว่าเป็นแหล่งรวมธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ MAI เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า โครงสร้างของตลาดได้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Shift) อย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่กลุ่มอุตสาหกรรมครองสัดส่วนใหญ่สุด ปัจจุบัน “กลุ่มบริการ” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ “กลุ่มเทคโนโลยี” กลายเป็นดาวรุ่งที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนผ่านรายชื่อบริษัทที่เข้าระดมทุนในช่วงหลัง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคยุคใหม่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น After You, มากุโระ, The Master, ลงทุนแมน ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Beryl 8 และ Silicon Craft
วิรัฐ สุขชัย นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เสริมว่า ปัจจุบัน MAI เปรียบเสมือนศูนย์กลางของ SME Role Model ที่มีสมาชิกถึง 225 บริษัท ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์รวมกว่า 230,000 ล้านบาท และยังมีอีก 63 บริษัทที่แข็งแกร่งจนสามารถย้ายขึ้นไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้สำเร็จ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นกระดานสำหรับสร้างการเติบโตอย่างแท้จริง
ก.ล.ต. วาง 3 ฉากทัศน์ “ติดอาวุธ” ตลาดทุน
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือวิสัยทัศน์จากฝั่งผู้กำกับดูแล โดย รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “ติดอาวุธ” ไม่ใช่แค่เครื่องไม้เครื่องมือ แต่คือการเตรียมความพร้อมด้วยความรู้ การตระหนักรู้ และที่สำคัญที่สุดคือ Mindset เพื่อรับมือกับความท้าทายและโอกาส
รศ.ดร.พรอนงค์ ได้เปิดเผยถึงแผนการทำงาน 3 ฉากทัศน์ (3 Scenarios) เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุนไทย ได้แก่
- ฉากทัศน์อดีต: การฟื้นฟู “ความเชื่อมั่น” (Trust and Confidence) ผ่านการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้น ควบคู่กับการเสริมความแข็งแกร่งของกลไกป้องกัน “Three Lines of Defense” เพื่อปิดโอกาสการกระทำผิด
- ฉากทัศน์ปัจจุบัน: การสร้าง “เสถียรภาพ” ท่ามกลางความผันผวน โดยมุ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนต่างๆ เช่น กองทุน ESG เพื่อเป็นกันชนให้ตลาด
- ฉากทัศน์อนาคต: การขับเคลื่อนสู่ 2 ธีมใหญ่ของโลกคือ “Digital Economy” และ “ESG” โดย ก.ล.ต. กำลังผลักดันกฎหมายหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ และวาง Roadmap การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนให้ทัดเทียมมาตรฐานโลก (ISSB) โดยยืนยันว่าจะใช้นโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
เปิดเส้นทางโตของ Startup สู่คู่มือค้นหาหุ้นเด็ด
สำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุน ประพันธ์ได้ชี้ให้เห็นถึงระบบนิเวศการเติบโตที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม นั่นคือเส้นทาง LiVEx -> MAI -> SET
หัวใจสำคัญคือ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Startup และธุรกิจ New Economy โดยมีเงื่อนไขที่เปิดกว้างที่สุดคือ “ไม่จำเป็นต้องมีกำไรก็สามารถเข้าจดทะเบียนได้” เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่มีศักยภาพได้เข้าถึงแหล่งทุนและเติบโต ซึ่งมีกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จแล้วอย่างบริษัท MMM 23 ที่กำลังจะย้ายจาก LiVEx เข้ามาซื้อขายใน MAI ภายในปีนี้
ในมุมของนักลงทุน ประพันธ์ย้ำว่า ในทุกวิกฤติมีโอกาส พร้อมมอบเครื่องมือที่เป็นรูปธรรมในการค้นหาหุ้นเด็ด โดยเปิดเผยว่า ปัจจุบันในตลาด MAI มี หุ้นที่ให้เงินปันผลสูงกว่า 5% และมีค่า P/E ต่ำกว่า 15 เท่า อยู่ถึง 30 บริษัท และในจำนวนนี้มีบางบริษัทที่ให้ปันผลสูงกว่า 10% แต่มี P/E เพียง 4-5 เท่าเท่านั้น
เวที MAI Forum 2025 คือภาพสะท้อนของตลาดทุนไทยที่กำลังปรับตัวอย่างแข็งขันเพื่อรับมือกับอนาคต แม้ภาพรวมการลงทุนจะยังท้าทาย แต่สำหรับนักลงทุนที่ทำการบ้านและมองหาโอกาส ที่นี่อาจเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของหุ้นเติบโตสูงที่รอวันฉายแสงเฉกเช่นบริษัทรุ่นพี่ที่ได้เติบโตจากตลาด MAI ไปแล้วมากมาย
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
พรูเด็นเชียลฯ รุกตลาด HNW ชู ‘PRULegacy’ โซลูชันส่งต่อความมั่งคั่ง
ถอดรหัส 4 ประเด็นขับเคลื่อนสตาร์ตอัพไทยสู่เวทีโลก: จาก‘จุดแข็งธรรมาภิบาล’ สู่‘พันธมิตรเปลี่ยนเกม’
ทางรอดธุรกิจไทยยุค AI: พ้นกับดัก ‘ผู้บริโภค’ สู่การใช้เป็น ‘ทรัพยากร’
