Share on
×

Share

ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย ชี้ทางรอดธุรกิจไทยยุค AI ด้วยสูตร ‘จับคู่ความเชี่ยวชาญ’

นายกสมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIEAT) ออกโรงเตือนไทยกำลังเผชิญวิกฤติซ้อนวิกฤติ พร้อมเปิดเผยข้อมูลน่าตกใจว่าจำนวนบริษัท AI ของไทยมีน้อยกว่าเวียดนามถึง 10 เท่า ชี้ทางรอดไม่ได้อยู่ที่การสร้าง AI แข่งกับโลก แต่อยู่ที่กลยุทธ์จับคู่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเข้ากับนักพัฒนา AI แนะ SME ไทย “คิดเล็ก ทำให้เก่ง” เพื่อสร้างความได้เปรียบและอยู่รอดในสมรภูมิเทคโนโลยี

ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย นายกสมาคม AIEAT และ CEO บริษัท SYNAPES กล่าวบนเวทีสัมมนา ‘The Story Thailand Forum 2025: Sustainability on the Age of AI’ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน เริ่มจากปัญหาโครงสร้างประชากรที่ในปี 2566 มีจำนวนประชากรอยู่ที่ 66.05 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เติบโตขึ้นมากนักในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และกำลังเผชิญกับภาวะสังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ

รู้จัก ‘ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย’ ผู้ก่อตั้งบริษัทเอไอไทยแท้ Synapes และนายกฯ AIEAT

ขณะเดียวกัน ในภาคเศรษฐกิจ ธุรกิจจำนวนมากกำลังเผชิญความยากลำบาก โดยมีจำนวนนิติบุคคลที่ต้อง “เลิกกิจการ” เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตเหล็ก การผลิตอาหาร และโรงพิมพ์ ที่มีสัดส่วนการปิดกิจการสะสมสูงถึง 16-18% ในช่วงปี 2022-2024

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น วิกฤติด้านการศึกษายังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดยผลการประเมิน PISA ของไทยอยู่ในอันดับที่ 58 ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิงคโปร์ (อันดับ 1) และฟินแลนด์ (อันดับ 20) ที่มีการปรับปรุงหลักสูตรและพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง

เสนอทางรอด: ไม่ใช่สร้าง AI ที่ดีที่สุดแต่คือ “การจับคู่” ที่ใช่

ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่ากังวล ดร.ชาญวิทย์ ยืนยันว่าทางออกของไทยไม่ได้อยู่ที่การพยายามสร้าง AI ที่ซับซ้อนที่สุดเพื่อแข่งกับโลก แต่คือการใช้กลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือสมการ Domain_expert x AI = Opportunities หรือการนำผู้เชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรมมาทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน AI

โดยได้ยกตัวอย่างความสำเร็จจากบริษัทของ SYNAPES ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI Video Analytics ในการตรวจจับพฤติกรรมมนุษย์ด้วยความแม่นยำกว่า 90% รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การตรวจจับอุปกรณ์ความปลอดภัยในบริษัทโลจิสติกส์ชั้นนำในอาเซียน

นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของ PERCEPTRA ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์เพื่อหาความผิดปกติ เช่น วัณโรค (Tuberculosis) ได้ด้วยความมั่นใจสูงถึง 94% ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองแขนง

อนาคตและโอกาส: AI สร้างงานและการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ดร.ชาญวิทย์ บุญช่วย

ดร.ชาญวิทย์ ได้กล่าวถึงอนาคตของ AI ว่าจะไม่ได้เป็นแค่ผู้ช่วยดิจิทัล แต่จะเข้ามามีบทบาทในโลกจริงในรูปแบบกายภาพ (Physical Presence) เช่น หุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุหรือช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน และแม้จะมีความกังวลเรื่อง AI จะมาแทนที่มนุษย์ แต่ข้อมูลจาก Gartner และ PwC กลับชี้ไปในทิศทางตรงกันข้ามว่า AI จะเป็นตัวสร้างงานสุทธิ (Net Job Creator) โดยในปี 2020 AI ได้สร้างงานใหม่ถึง 2.3 ล้านตำแหน่ง และมาแทนที่งานเดิมเพียง 1.8 ล้านตำแหน่ง ซึ่งอุตสาหกรรมที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือ กลุ่มสุขภาพ (Health), วิทยาศาสตร์และเทคนิค (Scientific and technical) และการศึกษา (Education)

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรไทยในยุคนี้คือ การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Learning) เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะพัฒนาทักษะให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

ดร.ชาญวิทย์ ได้ทิ้งท้ายด้วยคำคมของ Kai-Fu Lee ผู้เขียนหนังสือ AI Super Power เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของการสร้างเทคโนโลยีของตนเองว่า “ประเทศที่ไม่มี AI จะหมดโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจของตน และตกเป็นเบี้ยล่างตลอดกาล”

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร ถอดรหัสอนาคต AI ที่ไม่ได้มาเพื่อแทนที่ แต่มาเพื่อส่งเสริม ‘ความเป็นมนุษย์’

AIS ทุ่ม 4 พันล้าน เปิดตัว ‘THAI Hyperscale Cloud’

×

Share

ผู้เขียน