ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจ สงครามการค้า หรือแม้แต่การเข้ามาของเทคโนโลยี AI ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงาน แต่ท่ามกลางความผันผวนเหล่านี้ หนึ่งในสิ่งที่ “แน่นอน” ที่สุด นั่นคือ “พื้นฐานชีวิต” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ที่อยู่อาศัย” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงทั้งหมด
คนไทยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากถึง 1.7 ล้านล้านคน แต่มีเพียง 580,000 คนเท่านั้นที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร หมายความว่ามีคนอีกกว่า 1 ล้านล้านคน ที่มีความฝันแต่ต้องผิดหวัง สะท้อนผ่านอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) ที่พุ่งสูงถึง 65%
ปัญหาสำคัญนี้ไม่ได้เกิดจากว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีศักยภาพทางการเงิน แต่เป็นเพราะรูปแบบการทำงานและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทั้งการเป็นฟรีแลนซ์ ยูทูปเบอร์ หรือผู้ค้าออนไลน์ ซึ่งมีรายได้ไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมคุ้นเคย เพื่อทลายกำแพงและเติมเต็มช่องว่างนี้
รัตนพล มนต์มหาจินดา CEO และผู้ก่อตั้ง JuzMatch กล่าวว่าในงาน InsureX Forum 2025 จัดโดย Priceza Money ว่า JuzMatch จึงได้พัฒนาโซลูชันนวัตกรรมที่เรียกว่า “การเช่าเพื่อซื้อ” (Rent-to-Own) ขึ้นมาเป็นทางออก ไม่เพียงเพื่อช่วยให้คนกลุ่มนี้สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสการลงทุนและการสร้างความมั่งคั่งในรูปแบบใหม่ที่น่าจับตามอง
หัวใจของปัญหาอยู่ที่ความอนุรักษ์นิยมของภาคธนาคาร ที่ยังไม่สามารถปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนไปได้ทัน ทำให้คนที่มีศักยภาพทางการเงินจากอาชีพยุคใหม่จำนวนมาก ถูกผลักออกจากระบบสินเชื่ออย่างไร้เหตุผล นี่คือช่องว่างมหาศาลที่ JuzMatch มองเห็นและมุ่งมั่นที่จะเข้าไปแก้ไข เพราะเชื่อว่าการที่คนมีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง โดยเฉพาะการมีที่อยู่อาศัย จะเป็นรากฐานสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมให้เติบโตต่อไปได้
โมเดลธุรกิจของ JuzMatch ได้เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการซื้อบ้านแบบเดิม ๆ ที่มีเพียง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” โดยการเพิ่มอีกสองผู้เล่นสำคัญเข้ามาในสมการ ทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างลงตัว ซึ่งประกอบด้วย ผู้ที่อยากมีบ้าน (Buyer) นักลงทุน (Investor) ผู้ขาย (Seller) และ JuzMatch ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลางเชื่อมโยงทุกฝ่ายเข้าด้วยกัน บริหารจัดการสัญญา และดูแลให้โมเดล “เช่าเพื่อซื้อ” เกิดขึ้นอย่างราบรื่น
สำหรับผู้ซื้อ โมเดลนี้ช่วยให้ฝันในการมีบ้านเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ด้วยกระบวนการอนุมัติที่ไม่ซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถล็อกราคาซื้อขายได้ตั้งแต่วันแรก และยังมีทีมงานคอยช่วยเตรียมความพร้อมด้านเครดิตเพื่อการยื่นกู้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน สำหรับ นักลงทุน JuzMatch ได้เข้ามาปฏิวัติการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ให้กลายเป็นเรื่องง่ายและไร้ความเสี่ยง โดยมอบบ้านที่มาพร้อมผู้เช่าซื้อทันที พร้อมการันตีรายได้ค่าเช่าตลอดสัญญาเพื่อครอบคลุมค่างวดธนาคาร และยังรับประกันการซื้อคืนเมื่อจบสัญญาอีกด้วย
จุดเด่นคือ นักลงทุนสามารถใช้เครดิตของตนเองในการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุน และอาจได้รับผลตอบแทนเป็นเงินก้อนทันที ตัวอย่างเช่น คนที่มีเงินเดือน 60,000 บาท สามารถลงทุนในบ้านราคา 5 ล้านบาท และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงถึง 300,000 บาท โดยมี JuzMatch คอยดูแลภาระการผ่อนให้
ในภาวะตลาดอสังหาฯ ที่ซบเซา รัตนพล กล่าวว่า ตลาดที่ผันผวนคือตลาดเพื่อการลงทุน แต่ตลาดเพื่อการอยู่อาศัยจริง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ JuzMatch ยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่ง ส่วนความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ JuzMatch มีความคล่องตัวกว่าธนาคาร เนื่องจากบริษัทมองในมุมของผู้บริหารสินทรัพย์ โดยมีการคัดเลือกบ้านที่มีคุณภาพและมีการเก็บเงินดาวน์ไว้ส่วนหนึ่ง หากผู้ซื้อไปต่อไม่ได้ ก็สามารถนำบ้านกลับมาหาผู้เช่าซื้อรายใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
เปลี่ยน “เครดิต” เป็น “เบี้ยประกัน”
นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมประกันภัย รัตนพลเสนอแนวคิดในการเป็นพันธมิตรที่สามารถสร้างโอกาสการขาย โดยให้ตัวแทนนำเสนอ “โซลูชันการลงทุนของ JuzMatch” ควบคู่ไปกับการขายประกัน วิธีการนี้เป็นการเปลี่ยนบทสนทนาจากการขายที่ลูกค้าต้องควักเงินในกระเป๋า มาเป็นการสร้างงบประมาณก้อนใหม่ให้ลูกค้าก่อน แล้วจึงนำเงินก้อนนั้นมาต่อยอดซื้อผลิตภัณฑ์ประกันเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต
นับเป็นการสร้าง Win-Win Solution ที่สมบูรณ์แบบซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับทั้งผลตอบแทนการลงทุนและความคุ้มครอง ขณะที่ตัวแทนก็สามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้นและได้รับผลตอบแทนจากหลากหลายช่องทาง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
AI อาวุธใหม่ของไทยในสมรภูมิ Climate Change
‘อย่าเพิ่งขาย!’ กูรูการตลาดจีนชี้ทางรอดธุรกิจประกันบน TikTok แนะสร้างตัวตน นำหน้ายอดขาย
ประเทศปลอดภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สินดิจิทัล (Capital Gains) ทั่วโลกข้อมูลและแนวโน้มสำหรับปี 2025
