Share on
×

Share

‘ไซเบอร์พอร์ต’ เชื่อม ‘สมองกล AI’ เข้ากับ ‘ทุนโลก’ จากฐานที่มั่นฮ่องกง

ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาและท้องทะเลของฮ่องกง คณะสื่อมวลชนจากอาเซียนในโครงการ ‘ASEAN Media Capability Building Workshop’ ซึ่งจัดโดยคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำอาเซียน (Mission of the People’s Republic of China to ASEAN) และหนังสือพิมพ์ China Daily ได้เข้าเยี่ยมชมไซเบอร์พอร์ต (Cyberport) ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สำคัญของฮ่องกง

ในโอกาสนี้ คณะสื่อมวลชนได้รับฟังการบรรยายสรุปจาก ซินดี้ ฟ่ง (Chiny Fung) ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร ของฮ่องกงไซเบอร์พอร์ต ซึ่งได้ให้ภาพวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการเป็น “AI Accelerator” และ “Digital Tech Hub” โดยมุ่งเน้นการเป็น “Super Connector” เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ตอัพเข้ากับตลาดทุน องค์กรธุรกิจ และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนแผ่นดินใหญ่ อาเซียน และตะวันออกกลาง

วิสัยทัศน์ ‘Super Connector’ และภาพรวมของไซเบอร์พอร์ต

ไซเบอร์พอร์ตเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 21 ปี ได้เปลี่ยนบทบาทของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง จากช่วงเริ่มต้นในปี 1999 ที่เป็นเพียงแนวคิดเรื่อง “เทคพาร์ค” ซึ่งยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก มาสู่การเป็นศูนย์กลาง I&T ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

ปัจจุบัน บนพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงานระยะที่ 1-4 และกำลังก่อสร้างระยะที่ 5 ไซเบอร์พอร์ตคือบ้านของบริษัทในคอมมูนิตี้กว่า 2,200 แห่ง โดยมีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง มีผู้ก่อตั้งบริษัทกว่า 30% มาจากต่างชาติ ทั้งจากจีนแผ่นดินใหญ่และอีก 27 ประเทศทั่วโลก

ความสำเร็จเชิงประจักษ์คือตัวเลขที่น่าทึ่ง นั่นคือสตาร์ตอัพในระบบนิเวศสามารถระดมทุนรวมกันได้แล้วกว่า 5.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้รับรางวัลในอุตสาหกรรมกว่า 1,700 รางวัล มีบริษัทที่เติบโตจนเป็นยูนิคอร์นแล้วกว่า 7 แห่ง (และมีอีกหลายแห่งกำลังจะตามมา) และสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและ NASDAQ ได้แล้ว 5 แห่ง

ไซเบอร์พอร์ตมุ่งเน้นการส่งเสริม 4 กลุ่มเทคโนโลยีหลักที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ 1. ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในทุกอุตสาหกรรม ไซเบอร์พอร์ตวางตำแหน่งตัวเองเป็น “AI Accelerator” เพื่อนำ AI ไปเสริมศักยภาพในทุกอุตสาหกรรม 2. บล็อกเชน (Blockchain) และ Web3 เพื่อเร่งการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไซเบอร์พอร์ตได้รับงบประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงจากรัฐบาลเพื่อส่งเสริมภาคส่วนนี้โดยเฉพาะ 3. ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity): ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ 4. เทคโนโลยีเพื่อชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) และฟินเทค (Fintech)

แพลตฟอร์มสนับสนุนครบวงจร (One-Stop Platform)

จุดแข็งที่สำคัญซึ่งนางสาวฟ่งได้เน้นย้ำคือการมีระบบสนับสนุนสตาร์ตอัพแบบครบวงจร (One-stop Platform) ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการขยายสู่ตลาดโลก ประกอบด้วย

  • การสนับสนุนด้านเงินทุน: ตั้งแต่เงินทุนสนับสนุนเริ่มต้น (Micro Fund) โครงการบ่มเพาะ (Incubation Program) ไปจนถึงการร่วมลงทุน (Co-investment) ผ่านกองทุน Cyberport Macro Fund ซึ่งมีอัตราส่วนการร่วมลงทุนที่น่าประทับใจ คือ ทุก $1 ที่ไซเบอร์พอร์ตลงทุน สามารถดึงดูดเงินลงทุนจากแหล่งอื่นได้ถึง $9
  • เครือข่ายที่แข็งแกร่ง: เชื่อมโยงสตาร์ตอัพเข้ากับเครือข่ายนักลงทุนกว่า 210 ราย องค์กรธุรกิจชั้นนำ พันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลกกว่า 60 แห่ง เช่น Baidu และ Huawei รวมถึงบริการให้คำปรึกษาด้านการตลาดและกฎหมาย

“เงินทุนอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดของผู้ประกอบการได้ ด้วยระบบนิเวศสนับสนุนแบบครบวงจรที่เรียกว่า “Through-train” ซึ่งเปรียบเสมือนรถไฟขบวนเดียวที่พาไปถึงจุดหมาย”

โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต: AI และเศรษฐกิจความสูงต่ำ

ไซเบอร์พอร์ตกำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตที่สำคัญ 2 ส่วน คือ:

  1. ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ด้าน AI (AI Supercomputing Center) ซึ่งจะเป็นศูนย์ฯ ที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ตั้งเป้าให้มีกำลังประมวลผลสูงถึง 3,000 petaflops เพื่อรองรับการพัฒนาแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) และแอปพลิเคชัน AI ขั้นสูง โดยรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง เพื่ออุดหนุนให้มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยสามารถเข้าใช้งานได้
  2. เศรษฐกิจความสูงต่ำ (Low Altitude Economy – LAE) ไซเบอร์พอร์ตมีพื้นที่ทดสอบโดรน (Drone) บริเวณ Waterfront Park สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การจัดส่งเวชภัณฑ์ การตรวจสอบโครงสร้างอาคาร และการแสดงเพื่อความบันเทิง

จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ: การประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความจริง

ไซเบอร์พอร์ตทำงานร่วมกับภาครัฐในการผลักดันโครงการนำร่อง (Proof-of-Concept) เพื่อนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริงในสังคม ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม คือ 

  • Smart City: โครงการสนับสนุน SME เช่น การมอบระบบชำระเงินดิจิทัลและเงินอุดหนุนให้กับร้านค้ารายย่อย หรือการพัฒนาระบบยืนยันตัวตนดิจิทัล
  • Low Altitude Economy (LAE): ใช้พื้นที่ Waterfront Park เป็นสนามทดสอบโดรนสำหรับภารกิจต่าง ๆ เช่น การร่วมมือกับ SF Express เพื่อจัดส่งเวชภัณฑ์ไปยังเกาะห่างไกลที่ไม่มีโรงพยาบาล การใช้โดรนตรวจสอบการบำรุงรักษาสะพานและอาคารสูง
  • Fintech: จัดตั้ง GenAI Sandbox สำหรับภาคการเงินโดยเฉพาะ และร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลของฮ่องกง (HKMA) จัดอบรมด้านการป้องกันการฟอกเงิน (AML)

ประตูเชื่อมฮ่องกงสู่โลก

ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลฮ่องกง ไซเบอร์พอร์ตวางตำแหน่งตนเองเป็นฐานปล่อยตัว (Springboard) ที่สำคัญสำหรับสตาร์ตอัพทั่วโลกที่ต้องการเติบโตและใช้ฮ่องกงเป็นประตูสู่ความสำเร็จในระดับสากล เป้าหมายในการเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกับภูมิภาคอาเซียนซึ่งเป็นที่มาของคณะสื่อมวลชนที่เข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้

ที่ผ่านมา ไซเบอร์พอร์ตมีความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน และกำลังขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็วมายังอาเซียน โดยมีความร่วมมือกับ MDEC (มาเลเซีย) D-Camp(เกาหลีใต้) InnoSpace (ไทย) รวมถึง Mizuho Group (ญี่ปุ่น) เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและขยายตลาดระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านการชำระเงินดิจิทัล (Digital Payment) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

ไซเบอร์พอร์ตยังคงเดินหน้าขยายตัวไม่หยุด ด้วยโครงการ Cyberport 5 ที่จะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของแคมปัสอีกกว่า 40% และโครงการพัฒนา Northern Metropolis ซึ่งเป็นเมืองใหม่ทางตอนเหนือของฮ่องกง เพื่อสร้างศูนย์กลาง PropTech (เทคโนโลยีสำหรับอสังหาริมทรัพย์) และอุตสาหกรรมบริการขั้นสูง เชื่อมโยงกับเมืองเซินเจิ้น

ไซเบอร์พอร์ตไม่ใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ แต่เป็น “สถาปัตยกรรมเชิงกลยุทธ์” ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฮ่องกง เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบในการหลอมรวมนวัตกรรม เทคโนโลยี และเงินทุนเข้าไว้ด้วยกัน ผลักดันให้ฮ่องกงเป็นฐานที่มั่นที่สตาร์ตอัพทั่วโลกต้องจับตามอง

×

Share

ผู้เขียน